กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 401

เดิมทีคนทั้งกลุ่มคิดจะพักค้างแรมในโรงเตี๊ยมตรงตีนเขา คิดไม่ถึงว่าผู้คนที่มากมายจะทำให้โรงเตี๊ยมหลายแห่งเหลือห้องว่างแค่ห้องเดียว เฉินผิงอันไม่วางใจ กังวลว่าสือโหรวคนเดียวจะปกป้องเผยเฉียนไม่ได้ จึงได้แต่นั่งเรือบินย้อนกลับไปยังเรือข้ามฟากชิงอีที่ลอยอยู่กลางอากาศลำนั้น

จูเหลี่ยนสอบถามว่าควันธูปของศาลขุนเขากลางเป็นอย่างไร เฉินผิงอันบอกว่าไม่ได้เข้าไปจุดธูป แค่เดินวนบนยอดเขาไปรอบหนึ่ง แต่ตลอดทางที่เดินขึ้นเขาได้ผ่านวัดวาอารามหลายแห่ง มองออกว่าเพื่อแย่งชิงตัวผู้แสวงบุญจึงต้องพยายามกันอย่างเต็มที่ อารามเต๋าเชิญป้ายจารึกของขุนนางระดับสูงขั้นสามของแคว้นเฉิงเทียนมาตั้งวางไว้นอกประตู ทางวัดพุทธก็จะไปเชิญให้นักประพันธ์ผู้มีความสามารถในการเขียนพู่กันมาเขียนกรอบป้ายให้ นอกจากนี้ต่างก็ปูถนนบนภูเขาที่ทอดยาวไปยังวัดวาอารามของตัวเองให้ราบเรียบเดินสะดวก ข้างทางคือร่มต้นไม้เย็นร่มรื่น

ขุนเขาแห่งหนึ่งก็เป็นเช่นนี้ ระหว่างห้าขุนเขาของหนึ่งแคว้น การแย่งชิงควันธูปก็ยิ่งดุเดือดรุนแรง สมกับคำว่าทำทุกวิถีทาง หากไม่ได้เล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลอย่างแท้จริง องค์เทพของหนึ่งขุนเขามักจะเชื้อเชิญให้ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางมาสร้างกระท่อมฝึกตน ต่อให้ตัวคนไม่อยู่ อยู่แค่กระท่อมก็พอ นี่เรียกว่าต่อให้ภูเขาไม่สูง ขอแค่มีเซียนก็ศักดิ์สิทธิ์ และยังเชิญให้นักประพันธ์ปัญญาชนมาเที่ยวชมทัศนียภาพบนภูเขาตัวเอง ทิ้งบทกวีที่เขียนด้วยลายมือของพวกเขาเอาไว้ จากนั้นก็บอกให้คนไปช่วยผลักดันคลื่นลมในราชวงศ์ของโลกมนุษย์ ฯลฯ เรียกได้ว่าใช้สารพัดวิธีจริงๆ ว่ากันว่าขุนเขาใต้ของแคว้นเฉิงเทียนมีขุนนางบุ๋นที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งซึ่งภายหลังได้ถูกขนานนามให้เป็นบัณฑิตปาเจียว ในขณะที่เขามาหลบฝนอยู่ที่ขุนเขาใต้ได้เขียนบทกวีอันไพเราะที่ผู้คนพากันกล่าวขานถึงเอาไว้ แม้แต่รองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษากวานหูก็ยังเลื่อมใสอย่างถึงที่สุด ถึงกับนำมารวบรวมเป็นบทรวมกวี อีกทั้งในฐานะผลงานที่สำคัญเป็นลำดับรอง เป็นเหตุให้วันนี้หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี ศาลขุนเขาเหนือก็ยังคงได้รับใบบุญจาก ‘กลิ่นอายบุ๋น’ ขุมนี้

สำหรับกิจการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกลิ่นอายเซียนเหล่านี้ เฉินผิงอันไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่คิดจะไปขัดขวาง

หากวันหนึ่งจะสร้างสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่งขึ้นมาที่เขตการปกครองหลงเฉวียนอันเป็นบ้านเกิดของตนจริงๆ ไม่แน่ว่าก็ยังต้องทำตามวิธีเหล่านี้

ก่อนจะโดยสารเรือบินทะยานขึ้นฟ้า จูเหลี่ยนเอ่ยเบาๆ ว่า “คุณชาย ต้องการให้บ่าวเฒ่าแสดงฝีมือสักหน่อยไหม? เผยเฉียนได้ไขหินติดไฟก้อนนั้นมา ย่อมทำให้คนเกิดความละโมบอยากครอบครองอย่างเลี่ยงไม่ได้”

เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งคือตอนนี้พวกเราไม่ได้หาเรื่องใส่ตัว สองใช่ว่าเราจะไม่อาจรับมือกับพวกคนที่มีจิตคิดร้าย ไหนเลยจะมีเหตุผลที่คนดีต้องป้องกันขโมย ตีฆ้องร้องป่าวอยู่ทุกค่ำคืน หากมีคนบุกมาเยือนจริงๆ เจ้าจูเหลี่ยนก็แค่ต้องขจัดภัยร้ายเพื่อปวงชน”

สือโหรวเปิดปากพูดเองอย่างที่หาได้ยาก “แต่บนร่างของพวกเรามีสมบัติล้ำค่า นี่ต่างหากที่ทำให้คนเกิดความละโมบ”

เฉินผิงอันอธิบายอย่างอดทน “เจ้าคิดผิดแล้ว ข้อแรก เห็นทรัพย์สินแล้วเกิดความละโมบจึงคิดจะสังหารคนเพื่อชิงทรัพย์ เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกอยู่แล้ว ข้อสอง มองดูเหมือนพวกเรามีหยกติดตัวจึงมีความผิดก่อน คนนอกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องที่ตามมา แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะในใจของคนชั่วร้ายมีความคิดชั่วร้ายก่อน วันนี้เห็นไขหินติดไฟ วันพรุ่งนี้เห็นอาวุธวิเศษสมบัติอาคมอะไร วันมะรืนเห็นคนอื่นได้รับโชควาสนา ก็ล้วนสามารถกลายมาเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเลือกเดินทางเสี่ยง ทำผิดกฎหมายได้ทั้งสิ้น”

ลำดับขั้นตอนก่อนหลังถูกยกมาพูดอย่างละเอียด เฉินผิงอันได้นำหลักการเหตุผลข้อนี้มาอธิบายแยกย่อยลงไปอีก สือโหรวจึงพยักหน้ารับ แสดงให้รู้ว่าเห็นด้วย

สุดท้ายเฉินผิงอันยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ยุทธภพมีมลพิษและควันสกปรกมากพอแล้ว พวกเราอย่าได้ตำหนิคนดีให้มากเกินไป ในชุนชิว (ชื่อหนังสือ) ตั้งเงื่อนไขด้านคุณธรรมของนักปราชญ์ไว้อย่างเข้มงวด นั่นคือความตั้งใจจริงที่ต้องผ่านความยากลำบากของปรมาจารย์มหาปราชญ์ ไม่ใช่สิ่งที่คนรุ่นหลังอย่างพวกเราสามารถยกเอามาใช้ได้ทั้งดุ้น”

จูเหลี่ยนยิ้มตาหยีถามเผยเฉียน “ฟังเข้าใจหรือไม่?”

เผยเฉียนถลึงตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?!”

จูเหลี่ยนจุ๊ปากพูด “ในที่สุดเจ้าตัวขาดทุนก็เหยียบโชคดีขี้หมา ได้เงินก้อนใหญ่มาครองอย่างหาได้ยาก เอวคงแข็งยิ่งกว่าไม้เท้าเดินป่าอีกกระมัง”

เรือบินค่อยๆ ทะยานขึ้นกลางอากาศ

เผยเฉียนนั่งอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ข่มกลั้นรอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก

จูเหลี่ยนถาม “ทำไมไม่ซื้อหินติดไฟหลายๆ ก้อนมาลอง…เดิมพันดู? ยกตัวอย่างเช่นในมือเจ้ายังมีเงินเกล็ดหิมะเหลืออีกสามเหรียญ หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้สือโหรวขายไขหินติดไฟก้อนเล็กนั้น เอาน้อยมาเดิมพันมาก กำไรก็จะได้มากขึ้น กลายเป็นภูเขาเงินภูเขาทอง เมื่ออยู่ในพื้นที่วิเศษแห่งนี้ เจ้าก็จะไม่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีเลยหรอกหรือ? อย่าว่าแต่ของขวัญวันเกิดที่มอบให้อาจารย์ปีนี้เลย ไม่แน่ว่าปีหน้าก็อาจจะมอบให้ได้อีกก้อนเหมือนกัน…”

เผยเฉียนชูนิ้วสองนิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจ

จูเหลี่ยนยิ้มบางๆ “ไหนลองว่ามาสิ ข้าล้างหูรอฟังแล้ว”

เผยเฉียนพูดเนิบช้าเลียนแบบเฉินผิงอัน “ข้อแรก ระหว่างทางที่ออกมาจากสวนสิงโต อาจารย์สอนข้าว่าวิญญูชนไม่แย่งชิงของรักของคนอื่น ดังนั้นข้าจึงไม่อาจบอกให้สือโหรวขายไขหินติดไฟของนางได้ ข้อสอง ท่องอยู่ในยุทธภพ ต้องหยุดแต่พอสมควร! เรื่องนี้อาจารย์ก็สอนไว้เหมือนกัน”

จูเหลี่ยนประสานสองมือกำเป็นหมัด “ได้รับการสั่งสอนแล้วๆ ไม่ทราบว่าจอมยุทธ์หญิงเผยอาจารย์เผยจะเปิดโรงเรียนถ่ายทอดวิชาความรู้เมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นข้าต้องให้การสนับสนุนแน่นอน”

เผยเฉียนปล่อยหมัดแสร้งทำเป็นขู่ให้จูเหลี่ยนกลัว เห็นว่าพ่อครัวเฒ่านิ่งเฉยไม่ขยับจึงเก็บหมัดกลับมาอย่างขุ่นเคือง “พ่อครัวเฒ่า เหตุใดเจ้าถึงได้อ่อนด้อยขนาดนี้นะ?”

จูเหลี่ยนปล่อยหมัดออกไปบ้าง

ร่างของเผยเฉียนผงะหงายหลังไปในเสี้ยววินาที หลังจากหลบหมัดนั้นมาได้ก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง

จูเหลี่ยนมองสบตากับเฉินผิงอัน

ถึงอย่างไรสือโหรวก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัวจึงไม่รู้ถึงความลี้ลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

หลังจากคนทั้งกลุ่มขึ้นมาบนเรือข้ามฟากแล้ว คงเป็นเพราะข่าวลือทำนองว่า ‘ผู้ฝึกกระบี่หนุ่มคนหนึ่งที่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่ม’ มีพลังสยบที่รุนแรงมากเกินไป เหนือเกินกว่าพลังล่อลวงของเงินฝนธัญพืชสามเหรียญ ดังนั้นจนกระทั่งเรือข้ามฟากขับออกจากแคว้นเฉิงเทียนก็ยังไม่มีพวกคนคิดไม่ซื่อคนใดกล้าจะลองหยั่งเชิงความสามารถของผู้ฝึกกระบี่

แต่ความช้า เส้นทางที่อ้อมไกลและการเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ในการหาเงินของเรือข้ามฟากลำนี้กลับทำให้เฉินผิงอันนับถืออย่างสุดจิตสุดใจเลยทีเดียว

วันนี้ตอนที่เรือข้ามฟากจอดลง กระจายเรือบินออกไปยัง ‘สะพานไม้’ ของตระกูลเซียนแห่งหนึ่ง แม้แต่เฉินผิงอันก็ยังอดด่าขันๆ ไปประโยคหนึ่งไม่ได้ว่าพวกเราขึ้นมาบนเรือโจรกันจริงๆ

ตระกูลเซียนแห่งนั้นเป็นแค่ตระกูลลำดับสามของแจกันสมบัติทวีป แต่ระหว่างยอดเขาสองลูกได้สร้างสะพานไม้ท่อนเดียวที่ยาวหลายสิบลี้เอาไว้เส้นหนึ่ง สะพานไม้แห่งนี้จะอยู่สูงกว่าทะเลเมฆตลอดทั้งปี ทัศนียภาพไม่เลว เพียงแต่การเก็บเงินก็ไม่เลอะเลือนเลยแม้แต่น้อย เดินข้ามหนึ่งรอบต้องจ่ายถึงสามเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ว่ากันว่าปีนั้นผู้ฝึกตนอิสระห้าขอบเขตบนของท่าเรือหางผึ้งเคยมาเดินสะพานไม้แห่งนี้ แล้วก็ได้เห็นภาพที่ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นทางทิศตะวันออกพอดี พลันบังเกิดแรงบันดาลใจ บรรลุมรรคาฝ่าขอบเขตไปได้ แล้วก็ได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนดินโอสถทองที่นี่ และก็เพราะก้าวข้ามก้าวนั้นไปถึงสามารถใช้สถานะผู้ฝึกตนอิสระอันต่ำต้อยนำพาให้ตัวเองประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ได้ยืนตระหง่านอย่างภาคภูมิใจอยู่บนยอดเขาของแจกันสมบัติทวีป

เฉินผิงอันยังคงควักเงินเกล็ดหิมะออกมาสิบสองเหรียญแต่โดยดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!