ก่อนหน้านี้หลังจากพวกคนในยุทธภพที่เสียเปรียบด้วยน้ำมือของ ‘ผู้ฝึกกระบี่หนุ่ม’ ไปเยือนถึงห้องเพื่อขอโทษแต่กลับไร้ผล พวกเขาก็รีบร้อนเผ่นลงจากเรือ ไม่กล้าอยู่ต่อให้นานกว่านั้น
แต่ละคนต่างก็มีความคิดต่างกันออกไป
เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย ส่วนใหญ่ล้วนอิจฉาเฉินผิงอันที่สามารถหล่อเลี่ยงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตได้ถึงสองเล่ม เพียงแต่ว่าเก็บงำความรู้สึกไว้ได้ดีมาก
ผู้ฝึกตนอิสระกลับหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
คนมีเงินบนโลกที่หลังจากได้ยินได้ฟังมาจากคนของหลายฝ่ายที่โดยสารเรือข้ามฟากแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าผู้ฝึกกระบี่กำเริบเสิบสานเหมือนอย่างที่เล่าลือกันในตำนานจริงๆ
มีเพียงทางฝั่งของเรือข้ามฟากเท่านั้นที่ช่วงที่ผ่านมานี้ค่อนข้างจะพินอบพิเทาต่อกลุ่มของเฉินผิงอัน ตั้งใจเลือกสตรีหน้าตางดงามคนหนึ่งให้คอยมาเคาะประตูห้อง นำผลไม้ตระกูลเซียนสดใหม่ถาดหนึ่งมามอบให้เป็นประจำ
บนเรือข้ามฟากยังมีหอเรือนเล็กๆ แห่งหนึ่งที่งดงามสมชื่อว่า ‘เรือนไอเซียน’ ซึ่งมีไว้เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติบางท่านที่โดยสารเรือข้ามฟากชิงอีทิ้งผลงานเอาไว้
เฉินผิงอันปฏิเสธไปอย่างละมุนละม่อม เพียงแค่บอกให้จูเหลี่ยนไปเขียนกลอนสักบทให้จบๆ เรื่องกันไป
เรือเล็กล่องลมที่ใต้ท้องเรือสลักอักขระยันต์มีประกายแสงสีทองไหลเวียนวนลอยมาหยุดอยู่ตรงตีนเขาของขุนเขากลางแห่งนั้น
ผู้มีจิตศรัทธาจริงๆ ที่มาเยือนมีไม่มาก แต่กลับมีลูกหลานชนชั้นสูงแคว้นเฉิงเทียนและเหล่าผู้กล้าในยุทธภพที่มาเยือนเพราะหวังจะเดิมพันหินค่อนข้างมาก
เพียงแต่ว่าบุคคลที่อยู่ในราชวงศ์โลกมนุษย์ซึ่งเคยชินที่จะเชิดหน้ามองฟ้าเหล่านี้ เวลาเจอกับผู้โดยสารที่เดินลงมาจากเรือเล็กแต่ละลำ เวลาเดินและพูดคุยกลับเบาเสียงลงกว่าปกติเยอะมาก
บนเรือข้ามฟากก็มีคนส่งธูปสามคนที่มาจากศาลเจ้าสามแห่งที่แตกต่างกันของภูเขากลางมารออยู่ก่อนแล้ว เพื่อแย่งชิงตัวลูกค้า อีกนิดเดียวก็เกือบจะต่อยตีกันแล้ว พ่อค้าควันธูปของศาลเทพขุนเขากลางนิสัยฉุนเฉียวมากที่สุด ส่วนพ่อค้าควันธูปของอารามเต๋ากึ่งกลางภูเขาและวัดตรงตีนเขา แม้มองดูเหมือนว่าจะยอมอ่อนข้อให้ แต่คำพูดคำจากลับเหมือนมีดอ่อนที่บินว่อนไปทั่ว สรุปก็คือคนทั้งสามต่างก็มีความถนัดในแบบของใครของมัน ทุกคนต่างก็ได้รับผลเก็บเกี่ยว ครั้งนี้พวกเขาโดยสารเรือลำเล็กมาก็เพื่อจะพาผู้โดยสารที่เต็มใจจะไปจุดธูปไหว้พระลงจากเรือไปด้วยกัน
ผู้ดูแลเรือข้ามฟากตั้งใจพาคนส่งธูปของศาลเทพภูเขาขุนเขากลางเดินมาหาพวกเฉินผิงอันแล้วเอ่ยแนะนำให้รู้จักกัน
พอชายฉกรรจ์ผู้นั้นได้ยินว่าเฉินผิงอันยังไม่มีความคิดจะเชิญธูปก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจประมาณว่าคุณชายเฉินเดินทางมาเยือนก็ถือว่าเป็นเกียรติของที่แห่งนี้แล้ว
รอจนสองขาของเฉินผิงอันสัมผัสพื้น พ่อค้าควันธูปที่ยังยืนอยู่ตรงราวรั้วของเรือข้ามฟากก็ถ่มน้ำลายทิ้งมาด้านนอกแรงๆ
จูเหลี่ยนยิ้มตาหยี “นายน้อยเอาอย่างไรดี? ไม่สู้ให้บ่าวเฒ่าทะยานลมกลับไปมอบฝ่ามือเป็นรางวัลให้ชายฉกรรจ์ผู้นี้หน่อยไหม?”
เฉินผิงอันโบกมือ “ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตนี้อาจได้เจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ไร้บุญคุณไร้ความแค้น จะถือสาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไปไย”
เผยเฉียนถามอย่างใคร่รู้ “มีอะไรหรือ?”
จูเหลี่ยนยิ้มถาม “มีคนมาขี้อยู่บนหัวเจ้า รีบเงยหน้าขึ้นเร็วเข้า”
เผยเฉียนกลอกตามองบน
ตีนเขามีถนนสายยาวที่สร้างขึ้นไว้เพื่อการเดิมพันหินโดยเฉพาะ ร้านรวงน้อยใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่หลายสิบร้าน
ด้านในและนอกร้านล้วนกองเต็มไปด้วยหินติดไฟสีเทา ขนาดเล็กสุดใหญ่แค่ฝ่ามือ ใหญ่สุดสูงเท่าตัวคน หนักถึงหมื่นกว่าจั้ง หินยักษ์เช่นนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมบัติพิทักษ์ร้านของร้านแต่ละแห่ง การที่หินซึ่งผลิตขึ้นในขุนเขากลางของแคว้นเฉิงเทียนประเภทนี้ถูกตั้งชื่อให้ว่าหินติดไฟนั้น เป็นเพราะไขของหินติดไฟที่ระดับขั้นสูงที่สุดในตำนานมีสีแดงสดดุจเลือด เข้มข้นอย่างถึงที่สุด ไม่มีสิ่งเจือปนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเหมือนเปลวไฟที่ส่ายไหว แค่ถือไว้ในมือหนึ่งก้อนก็สามารถสยบพวกภูตผีเสนียดจัญไรได้ตามธรรมชาติ
และส่วนที่พิเศษของมันก็คือก่อนที่จะเปิดหินออก แม้แต่ผู้ฝึกตนเซียนดินก็ยังไม่อาจมองทะลุไปเห็นสีสันที่อยู่ภายในได้
เฉินผิงอันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขามอบเงินให้เผยเฉียนสามคนคนละสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ บอกให้พวกเขาไปเลือกหินและเปิดหินกันเอาเอง
ส่วนเขาเดินขึ้นเขาไปเพียงลำพัง คิดอยากจะไปเยือนศาลขุนเขากลางบนยอดเขาดูสักหน่อย จึงนัดหมายกับคนทั้งสามว่าจะมาพบกันในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งตรงตีนเขายามสนธยา
เผยเฉียนอึกอักอยู่เล็กน้อย ถามว่าไม่ซื้อหินได้หรือไม่
เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม บีบแก้มดำเกรียมของนาง “ถึงอย่างไรเงินเกล็ดหิมะสิบเหรียญนั่นก็เป็นของเจ้าแล้ว อยากเอาไปซื้ออะไรก็ตามใจเจ้า”
เผยเฉียนร้องอ้อหนึ่งที
รอจนเฉินผิงอันเดินไปไกล เริ่มเดินขึ้นเขาไปแล้ว
เผยเฉียนก็กระโดดเหยงด้วยความลิงโลด แสยะปากกางกรงเล็บร่ายกระบวนท่าเวทกระบี่มารคลั่งไปหนึ่งคำรบ
จูเหลี่ยนยังเดินเข้าร้านได้ไม่ถึงสองร้านก็ซื้อหินติดไฟที่ต้องชะตามาก้อนหนึ่ง พอเปิดออกดูก็ต้องขาดทุนยับเยิน
ทำเอาเผยเฉียนโมโหจนเกือบจะสู้ตายกับเขา
จูเหลี่ยนเอามือกดหัวเผยเฉียนไว้ ปล่อยให้นางแกว่งเท้าแกว่งมืออุตลุด
สือโหรวถือเงินเกล็ดหิมะสิบเหรียญไว้ในมือ นางมองอย่างละเอียด ฟังอย่างตั้งใจ เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ มักจะหยิบหินติดไฟก้อนหนึ่งขึ้นมาพิจารณาอยู่นานแล้วก็วางลง ไม่ยอมจ่ายเงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งออกไปเสียที
จูเหลี่ยนเอ่ยชื่นชม “เข้าใจใช้ชีวิตจริงๆ”
เผยเฉียนติดตามอยู่ข้างกายสือโหรว ทุกครั้งที่มองหินติดไฟขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน นางก็นึกอยากจะเอาลูกตาไปแนบติดก้อนหินเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ก้นถูกจูเหลี่ยนถีบอยู่หลายที แถมยังถูกจูเหลี่ยนเอ่ยเยาะเย้ยว่าในตามีแต่เงินก็แล้วไปเถิด แต่ในตามีแต่หินนี่มันจะเป็นยังไง
แต่ไม่นานจูเหลี่ยนก็รู้สึกเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ตามเฉินผิงอันขึ้นเขาไปด้วยกัน
สตรีใหญ่สตรีน้อยอย่างสือโหรวและเผยเฉียนสองคนนี้ เวลาเดินซื้อของขึ้นมาก็ช่างมีเรี่ยวแรงและความเด็ดเดี่ยวล้นเหลือ ไม่เพียงแต่จะต้องเดินเข้าทุกร้าน ยังไล่มองหินติดไฟไปทีละก้อนๆ บวกกับที่ขอแค่มีลูกค้าซื้อหินติดไฟแล้วบอกให้ทางร้านช่วยเปิดหินให้ ขาของคนทั้งสองก็จะปักตรึงอยู่กับที่ไม่ขยับเดินหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบมีสีหน้าเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง ราวกับว่าให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ยิ่งกว่าพวกลูกค้าที่ทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อหินติดไฟเสียอีก
จูเหลี่ยนเดินไม่เหนื่อย แต่เหนื่อยใจนัก
ผลคือรอจนจูเหลี่ยนเงยหน้ามองสีท้องฟ้า ก็ประมาณการณ์เอาว่าแม้แต่คุณชายเฉินก็คงลงเขามาจนใกล้จะถึงตีนเขาแล้วกระมัง
ในที่สุดสือโหรวก็ยอมซื้อหินติดไฟขนาดเท่าฝ่ามือมาก้อนหนึ่ง ตามราคาที่ทางร้านกำหนดไว้ต้องจ่ายเป็นเงินเกล็ดหิมะสองเหรียญ
ก้อนหินที่เปิดออกมากลับเป็นไขหินติดไฟสีแดงเพลิงขนาดเท่าหัวแม่มือ แม้แต่เถ้าแก่ร้านก็ยังตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ว่าไขหินติดไฟก้อนเล็กแค่นี้มีมูลค่าควรเมืองมากแค่ไหน แต่เป็นเพราะหินติดไฟใหญ่แค่นี้ ทว่ากลับเปิดมาเจอไขหินมากมายขนาดนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
สือโหรวยิ้มบางๆ ไม่คิดจะขายไขหินติดไฟสีแดงเข้มข้นก้อนนั้นต่อ
พอเดินออกมานอกร้าน เผยเฉียนก็พลันกระตุกชายแขนเสื้อสือโหรว พูดเบาๆ “พี่หญิงสือโหรว เจ้าให้ข้ายืมเงินเกล็ดหิมะแปดเหรียญได้ไหม?”
สือโหรวถามอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้จะซื้อก้อนหินสักหน่อย จะยืมเงินไปทำไม?”
เผยเฉียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะซื้อก้อนหินน่ะสิ!”
สือโหรวยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ “เดินจนครบทุกร้านแล้ว ร้านมีมากมายขนาดนี้ เจ้าจำได้หรือว่าก้อนไหน?”
เผยเฉียนพยักหน้ารับอย่างแรง
สือโหรวจึงยิ้มแล้วมอบเงินเกล็ดหิมะแปดเหรียญที่เหลือให้เผยเฉียน
เผยเฉียนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วสาวเท้าวิ่งห้อออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!