กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 400

สังเกตเห็นว่าจูเหลี่ยนมองมาทางตน

ศึกที่สวนสิงโต นอกจากเฉินผิงอันจะใช้ทองวาดยันต์แล้ว ยังควักยันต์ระดับสูงที่ล้ำค่าออกไปอีกปึกใหญ่

เฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่า “เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลัง เมื่อไปถึงภูเขาลั่วพั่วเขตการปกครองหลงเฉวียน ถึงเวลานั้นค่อยเล่าให้เจ้ากับเผยเฉียนฟัง สรุปก็คือนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่ข้าไม่ได้สังหารหลี่เป่าเจิน”

จูเหลี่ยนไม่ถามให้มากความอีก เขาถูมือกล่าวว่า “นายน้อย ให้โอกาสข้าได้ป้อนหมัดหน่อยไหม?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืน “คราวนี้เจ้าลงมือหนักๆ หน่อย ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะรับไหวหรือไม่ เจ้าจูเหลี่ยนไม่รู้หรอกว่าปีนั้นข้าถูกคนป้อนหมัดอย่างไร หากได้เห็นก็จะรู้ว่าตอนที่เจิ้งต้าเฟิงป้อนหมัดให้พวกเจ้าในร้านยานครมังกรเฒ่าก็ช่าง…อืม หากอิงตามคำพูดของเจ้าจูเหลี่ยนก็คือบุรุษวาดคิ้วให้สตรี วิธีการอ่อนโยนนุ่มนวล”

จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “ก็นั่นน่ะสิ ตอนนั้นบ่าวเฒ่าก็รู้สึกแล้วว่าไม่สาแก่ใจมากพอ เพียงแต่ว่ามีสุยโย่วเปียนอยู่ด้วย บ่าวเฒ่าจึงไม่อยากพูดอะไรมาก”

เผยเฉียนคัดตัวอักษรเสร็จแล้ว

เฉินผิงอันกล่าว “กลับไปที่ห้องตัวเอง ไม่อย่างนั้นถึงเวลานั้นเจ้าต้องตกใจมากแน่”

เผยเฉียนเอ่ยรับรอง “ไม่มีทาง!”

เฉินผิงอันหยิบยันต์ขจัดสิ่งสกปรกแผ่นหนึ่งออกมาแปะไว้ในห้องก่อน

ผลคือพอผ่านไปหนึ่งก้านธูป เผยเฉียนที่มองคนทั้งคู่ประมือกันก็เหงื่อแตกเต็มไปทั้งศีรษะ อกสั่นขวัญผวาสุดขีด ภายหลังจึงวิ่งไปตรงมุมห้อง พลิกเปิดหีบไม้ไผ่ใบนั้นของเฉินผิงอัน หยิบเอากล่องเก็บสมบัติของตนออกมา

หากนางเองก็ต้องฝึกวรยุทธ์ด้วยวิชาหมัดเช่นนี้กว่าจะได้กลายเป็นยอดฝีมือล้ำโลกตามความคิดของตน เผยเฉียนจะต้องแสร้งทำเป็นว่าวรยุทธ์ไม่มีอยู่จริง ยุทธภพในใต้หล้าอะไรที่กล่าวถึงในตำรา แค่เปิดหนังสืออ่านเอาก็พอแล้ว

ชุดคลุมอาคมจินหลี่ที่เฉินผิงอันสวมไว้บนร่างสามารถลดปัญหายุ่งยากไปได้มาก

เขากลับมานั่งข้างโต๊ะพร้อมกับจูเหลี่ยน หยิบเอาเหล้าอู้ซงกาหนึ่งที่ซื้อมาจากเมืองหลวงแคว้นชิงหลวนออกมา แล้วรินให้จูเหลี่ยนหนึ่งถ้วย

จูเหลี่ยนกระดกดื่มรวดเดียวหมด ไม่ต้องให้เฉินผิงอันรินเหล้าให้ก็หยิบกาเหล้ามาเทเหล้าใส่ถ้วยให้ตัวเองจนเต็ม

เผยเฉียนเอ่ยเตือน “พ่อครัวเฒ่าเจ้าดื่มให้น้อยๆ ลงหน่อย ดื่มเหล้ามากไปทำร้ายร่างกาย อีกอย่างเหล้าอู้ซงหนึ่งกาก็ตั้งสามตำลึงเชียวนะ”

จูเหลี่ยนเริ่มดื่มช้าลง ถามเบาๆ ว่า “คุณชายคิดจะฝ่าคอขวดเลื่อนสู่ขอบเขตหกตอนไหน?”

ในใจเฉินผิงอันตัดสินใจได้นานแล้ว เขาตอบว่า “รออีกหน่อยเถอะ มีโชควาสนาหนึ่งที่สามารถลองช่วงชิงมาได้”

เฉินผิงอันไม่ได้พูดอย่างละเอียดว่าโชควาสนาที่ว่านั้นคืออะไร เพราะถึงอย่างไรคำว่า ‘แข็งแกร่งที่สุด’ ก็เป็นมายาเลื่อนลอยยิ่งกว่าชะตาบู๊ของหนึ่งแคว้นที่สามารถจำแลงออกมาเป็นภาพปรากฎการณ์เสียอีก

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หากจะให้ข้าไปตามพื้นที่ลับ ถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่ปริแตกพังทลายไปแล้วเพื่อช่วงชิงโชควาสนา แย่งสมบัติอาคม หวังว่าจะพบเจอกับเซียนหรือมรดกตกทอดรูปแบบต่างๆ ข้าไม่ค่อยกล้าเท่าใดนัก”

แต่หากจะให้อาศัยรากฐานของวิถีวรยุทธ์ที่มาจากการสั่งสมหมัดแล้วหมัดเล่า เรื่องแบบนี้เฉินผิงอันรู้สึกว่าลองทำดูก็ไม่มีปัญหา

แต่เฉินผิงอันเองก็รู้ว่าขอแค่เฉาสือยังเป็นขอบเขตห้า อย่าว่าแต่เขาเฉินผิงอันเลย ใครก็ไม่มีความหวังทั้งนั้น

ขนาดผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่ก็ยังเคยพูดกับปากตัวเองว่า การฝึกวรยุทธ์และการอบรมบ่มเพาะตัวเองของเฉาสือทิ้งห่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเดียวกันไปมากเกินไป ทุกขอบเขตของเขาล้วนมีแต่จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ตอนนั้นหนิงเหยาไม่ใคร่จะยินยอมนัก บอกว่าต่อให้อาจารย์ของเฉาสือคืออันดับหนึ่งบนวิถีวรยุทธ์ของใต้หล้าทั้งสี่ อีกทั้งโชคชะตาบู๊ยังสามารถจำแลงออกมาเป็นรูปธรรม แต่ฟ้าดินกว้างใหญ่ ทุกวันล้วนมีเรื่องที่ไม่อาจคาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ เฉาสือจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละขอบเขตไปทุกครั้งได้อย่างไร? หรือว่าบรรพบุรุษแต่ละรุ่นของเขาเฉาสือเป็นคนเปิดร้าน ครอบครองกิจการใหญ่เพียงลำพัง ผูกขาดโชคชะตาบู๊ของใต้หล้าไปแล้ว?

ตอนนั้นเฉินชิงตูพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เฉินผิงอันจดจำได้อย่างลึกซึ้ง

‘เฉาสือก็แข็งแกร่งเช่นนี้แหละ ตั้งแต่ฐานกระดูก พรสวรรค์ไปจนถึงนิสัย หรือแม้แต่โชคชะตาบู๊ก็ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งหมด ไม่มีเหตุผลให้ต้องพูดกันอีก’

ตอนนั้นเฉินผิงอันเพิ่งจะแพ้ให้เฉาสือสามครั้งติดต่อกัน ตัวเขาเองไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หนิงเหยากลับโกรธไม่น้อย

เห็นหนิงเหยามีท่าทางเช่นนั้น เฉินผิงอันก็อารมณ์ดีอย่างมาก ผลคือพอหนิงเหยาเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่

คราวนี้จูเหลี่ยนหลุดปากพูดออกมาว่า “นายน้อยคือบุคคลที่มีโชควาสนายิ่งใหญ่เทียมฟ้า มีหรือจะเข้าไปในภูเขาสมบัติแล้วกลับมามือเปล่า ตอนนี้จะดีจะชั่วบ่าวเฒ่าก็เป็นขอบเขตร่างทอง พอจะเข้าใจพื้นที่ลับถ้ำสถิตที่เกิดขึ้นหลังจากพื้นที่มงคลถ้ำสวรรค์ปริแตกอยู่บ้าง รู้ดีว่าผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนเข้าไปไม่ได้ พอเข้าไปแล้วพื้นที่ลับจะไม่มั่นคง ง่ายที่จะปริแตก ง่ายที่จะถูกแม่น้ำแห่งกาลเวลาไร้ระเบียบเหล่านั้นห่อหุ้มเอาไว้ ร้ายแรงหน่อยก็ตบะถูกสลาย เมื่อไม่มีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคอยจับจ้อง อีกทั้งยังมีบ่าวเฒ่าให้การช่วยเหลือ ตอนนี้นายน้อยก็สามารถลองไปเสี่ยงดวงดูได้แล้ว คราวหน้าหากพบเจอสถานที่ทำนองนี้อีก ไม่สู้นายน้อยพาบ่าวเฒ่าไปด้วย ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์เต็มตัว ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องถูกสถานที่เช่นนี้พันธนาการ”

เฉินผิงอันใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้ากล่าวว่า “มีเหตุผล เป็นข้าเคยชินที่จะหลีกเลี่ยงสถานที่พวกนี้ ตอนนี้ลองมานึกดูแล้วก็ควรต้องปรับเปลี่ยนความคิดในอดีตสักหน่อย”

เดิมทีพอเผยเฉียนได้ยินคำว่า ‘โชควาสนายิ่งใหญ่เทียมฟ้า’ ก็ขมวดคิ้วขนคิ้วตั้งชันทันที เพียงแต่พอได้ยินคำพูดในประโยคหลังของจูเหลี่ยน หัวคิ้วถึงได้คลายออก

จูเหลี่ยนขบคิดใคร่ครวญ

จากนั้นกาลเวลาบนเรือข้ามฟากตระกูลเซียนก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่เป็นสถานที่แนะนำของตระกูลเซียนบนภูเขาไม่อาจสร้างท่าเรือตระกูลเซียนที่ต้องเผาผลาญเงินเทพเซียนไปอย่างไม่มีหยุดยั้งได้ ดังนั้นเรือข้ามฟากลำนี้จึงไม่สามารถ ‘จอดเทียบท่า’ แต่ก็ได้เตรียมเรือตระกูลเซียนที่สามารถล่องลอยกลางอากาศทะยานไปตามสายลมพาผู้โดยสารบนเรือข้ามฟากที่มาถึงจุดหมายไปส่งยังท่าเรือเล็กๆ บนภูเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่ผ่านแท่นตกปลาที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทางเหนือของแคว้นชิงหลวน คนที่ลงจากเรือมีมากเป็นพิเศษ เฉินผิงอันกับพวกเผยเฉียนจูเหลี่ยนมาที่หัวเรือ เห็นว่าระหว่างภูเขาใหญ่สูงตระหง่านสองลูกมีทะเลเมฆล่องลอยผ่านไปประหนึ่งธารน้ำไหลริน แท่นตกปลาขนาดใหญ่สองฝั่งซ้ายขวาที่ตั้งคุมเชิงกันอยู่นั้นสร้างขึ้นบนยอดเขาใหญ่ริมฝั่งทะเลเมฆ บางครั้งก็มองเห็นนกหลากสีสยายปีกโบยบินแหวกทะเลเมฆ วาดตัวเป็นเส้นโค้งแล้วผลุบจมหายไปในทะเลเมฆอีกครั้ง

เผยเฉียนมองอย่างเพลิดเพลิน เจ็บใจก็แต่ตนไม่สามารถบังคับลมเดินไปได้ ไม่อย่างนั้นเสียงสวบหนึ่งที นางก็คงพุ่งพรวดไป ใช้ไม้เท้าเดินป่าที่ถือไว้ในมือทุบตีไปบนตัวนกและปลาบินเหล่านั้น จากนั้นค่อยจับพวกมันกลับมาที่เรือ น่าจะเอาไปขายได้หลายตัง ไม่แน่ว่าวิ่งไปกลับหลายๆ รอบ นางก็อาจจะซื้อกล่องเก็บสมบัติสักใบหนึ่ง หรือแม้แต่ชั้นเก็บสมบัติก็อาจจะซื้อได้

จูเหลี่ยนคือผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแปด แต่ตลอดทางที่ติดตามเฉินผิงอันมานี้ เขาเอาแต่เดินเท้าตลอดเวลา ไม่เคยมีประสบการณ์ทะยานลมเดินทางไกลเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เฉินผิงอันถามอย่างประหลาดใจ “จูเหลี่ยน เจ้าไม่คิดอะไรบ้างหรือ? ไม่รู้สึกผิดต่อขอบเขตของตัวเองหรือไร?”

จูเหลี่ยนส่ายหน้ายิ้มตอบ “นายน้อย ตอนที่บ่าวเฒ่าอยู่ที่บ้านเกิดก็เอียนกับสายตาตกอกตกใจของคนรอบข้างมากพอแล้ว ไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องไร้สาระเช่นนั้นจริงๆ”

สือโหรวที่อยู่ด้านข้างชมทัศนียภาพเงียบๆ

สำหรับความคิดที่ผิดแผกไปจากคนอื่นของจูเหลี่ยน นางไม่รู้สึกประหลาดใจเพราะเคยชินเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!