น่าประหลาดมาก ทั้งๆ ที่เหมาเสี่ยวตงก็จากไปแล้ว แต่ตำหนักหลักของศาลบุ๋นกลับไม่เพียงแต่ไม่เปิดให้คนนอกเข้าชม กลับกันยังมีลักษณะของการป้องกันอย่างเข้มงวดอีกด้วย
ตำหนักหลัง นอกจากทวยเทพแห่งศาลบุ๋นกลุ่มใหญ่ที่เผยกายบนโลกด้วยร่างทองซึ่งรวมหยวนเกาเฟิงเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว ยังมีแขกสูงศักดิ์และแขกที่หาได้ยากอีกสองกลุ่ม
ฮ่องเต้ต้าสุยที่ปลอมตัวออกจากวัง ด้านหลังของเขามีขันทีผมขาวสวมชุดหม่างสีแดงสดคนหนึ่งยืนอยู่
และยังมีบุรุษอีกสองคน คนหนึ่งคือผู้เฒ่าผมขาวโพลน แม้จะเผชิญหน้าอยู่กับกษัตริย์แห่งโลกมนุษย์และอริยะแห่งศาลบุ๋น แต่พลังอำนาจของเขาก็ยังกร้าวแกร่ง และยังมีบุรุษท่าทางสุภาพอ่อนโยนอายุค่อนข้างน้อยอีกคนหนึ่ง บางทีเขาคงคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเข้าร่วมกับเรื่องลับครั้งนี้ จึงไปยืนแหงนหน้ามองเทวรูปของเจ็ดสิบสองนักปราชญ์อยู่ในตำหนักหน้า
ผู้เฒ่าไม่ใช่คนของแจกันสมบัติทวีป เขาเรียกตัวเองว่าหลินซวงเจี้ยง เพียงแต่ว่าสามารถพูดภาษากลางของแจกันสมบัติทวีปและภาษาทางการของต้าสุยด้วยสำเนียงที่ถูกต้องเหมือนคนในท้องที่
หลินซวงเจี้ยงนี้น่าจะเป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น นี่ไม่สำคัญ สำคัญที่หลังจากผู้เฒ่าปรากฏตัวในเมืองหลวงต้าสุยแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าวิชาอภินิหารของเขาสูงส่งเลิศล้ำ ขันทีชุดหม่างด้านหลังฮ่องเต้ต้าสุยร่วมมือกับผู้ถวายการรับใช้ของวังหลวงคนหนึ่ง ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถแล้วก็ยังไม่อาจหาวิธีทำร้ายผู้เฒ่าได้แม้แต่เสี้ยวเดียว
หลินซวงเจี้ยงชำเลืองตามองหยวนเกาเฟิงและทวยเทพสายบุ๋นอีกสองท่านที่พร้อมใจกันปรากฎตัวมาโต้คารมกับเหมาเสี่ยวตงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
สายตาของเขาเคลื่อนย้ายมองไปทางองค์เทพที่มีสถานะเป็นขุนพลผู้มีคุณูปการบุกเบิกแคว้น รวมไปถึงองค์เทพที่ใช้สถานะขุนนางบุ๋น แต่กลับสร้างคุณความชอบบุกเบิกขยับขยายที่ดินให้แคว้นต้าสุยในประวัติศาสตร์ องค์เทพสองกลุ่มนี้มารวมตัวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ประหนึ่งภูเขาของราชสำนักลูกหนึ่งที่เหมือนจะมีเหมือนไม่มีเส้นแบ่งระหว่างฝ่ายของหยวนเกาเฟิงที่มีคนอยู่แค่ไม่กี่หยิบมือ สุดท้ายสายตาของหลินซวงเจี้ยงย้ายไปที่ร่างของฮ่องเต้ต้าสุย “ฝ่าบาท ขวัญกำลังใจของกองทัพ และขวัญกำลังใจของชาวบ้านต้าสุยล้วนสามารถนำมาใช้ได้ ราชสำนักมีหัวใจบุ๋น สมรภูมิรบมีหัวใจบู๊ สถานการณ์ใหญ่เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะยังเอาแต่กล้ำกลืนความอัปยศต่อไปอีกหรือ? หากพูดว่าตอนที่ลงนามพันธมิตรขุนเขา ต้าสุยไม่อาจต้านทานกองทัพม้าเหล็กของต้าหลี ยากที่จะหนีชะตากรรมแคว้นล่มสลายได้จริงๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ฝ่าบาทจะยังใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เช่นนี้อีกหรือ?”
หลินซวงเจี้ยงหัวเราะหยันเสียงเย็นชา “ต้องการให้คนต่างถิ่นอย่างข้าบอกให้ฝ่าบาทฟังหรือไม่ว่า ช่วงเวลาหลายปีมานี้ ขุนนางในเมืองหลวงต้าสุยที่แขวนตราประทับลาออกจากการเป็นขุนนาง ปัญญาชนที่หลบหนีโลกภายนอกไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขามีกี่ร้อยคน? และการเสื่อมโทรมของโชคชะตาศาลบุ๋นในท้องที่แต่ละแห่งนับจากเมืองหลวงไปถึงต่างจังหวัดร้ายแรงแค่ไหน ยังต้องให้ข้าพูดไหม? บอกว่าเป็นพันธมิตรร้อยปี แม้ฝ่าบาทจะใช้การที่คนคนเดียวถูกด่าในประวัติศาสตร์แลกมาด้วยความสงบสุขของชาวบ้านในแคว้นเป็นเวลาร้อยปี แต่ฝ่าบาทแน่ใจได้อย่างไรว่าต่อให้คนเถื่อนสกุลซ่งต้าหลีรักษาสัญญา ไม่ใช้กำลังกับต้าสุยจริงๆ แต่ต้าสุยของพวกท่านจะมีชีวิตอย่างสงบสุขมั่นคงไปได้ถึงร้อยปีจริงๆ? จากนั้นก็แหงนหน้ามองฟ้าตาปริบๆ รอให้ขนมเปี๊ยะหล่นลงมาจากท้องฟ้า รอให้สกุลซ่งต้าหลีแพ้ภัยตัวเอง แล้วสกุลเกาต้าสุยของพวกท่านค่อยไปเก็บเกี่ยวดอกผลน่ะรึ?”
หลินซวงเจี้ยงสีหน้าเย็นชา “คานบนไม่ตรงคานล่างเอียง สกุลซ่งต้าหลีมีสันดานอย่างไร คิดว่าฝ่าบาทน่าจะรู้ดี ตอนนี้ซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองเป็นผู้สำเร็จราชการ ชาวยุทธกุมอำนาจอยู่ในมือ ตอนนั้นแม้แต่ทวยเทพแห่งห้าขุนเขาที่มีความเกี่ยวพันกับชะตาแคว้นสกุลเกาอย่างแนบแน่น ฮ่องเต้ต้าหลีก็ยังสามารถเล่นงานด้วยการถอดถอนตำแหน่งพวกเขาทิ้งทั้งหมด พันธมิตรแห่งขุนเขาที่ภูเขาตงหัวต้าสุยกับที่ภูเขาพีอวิ๋นต้าหลีจะใช้ได้ผลจริงๆ หรือ? ข้ากล้าบอกเลยว่าไม่ต้องรอถึงห้าสิบปี อย่างมากสุดสามสิบปี ต่อให้กองทัพม้าเหล็กต้าหลีถูกขัดขวางอยู่ตรงแถบราชวงศ์จูอิ๋ง แต่ก็ถูกผู้สืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ต้าหลีคนใหม่กับซิ่วหู่ผู้นั้นควบรวมพื้นที่ทางเหนือทั้งหมดของแจกันสมบัติทวีปไปได้สำเร็จแล้ว สามสิบปีให้หลัง ตั้งแต่ชาวบ้านไปจนถึงกองทัพ ไปจนถึงเสมียนขุนนางชั้นผู้น้อย สุดท้ายมาถึงขุนนางคนสำคัญของราชสำนักต้าสุย ล้วนกลายมาเป็นรังที่แสนสงบสุขที่ราชวงศ์ต้าหลีปรารถนาแม้ในยามหลับฝันแล้ว”
หลินซวงเจี้ยงพูดเสียงกร้าว “รอให้ส่วนลึกในใจของชาวบ้านต้าสุยมองแคว้นอื่นเป็นดั่งมาตุภูมิบ้านเกิดของตัวเองเสียก่อนเถอะ ฮ่องเต้ต้าสุยที่สร้างหายนะทำแคว้นล่มจมกับมือตัวเองอย่างท่านจะยังมีหน้าไปพบบรรพบุรุษสกุลเกาเกอหยางอีกหรือ?”
หยวนเกาเฟิงตวาดอย่างเดือดดาล “หลินซวงเจี้ยง เจ้าบังอาจนัก! เรื่องในแคว้นต้าสุยของพวกเรา เจ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดจาสามหาวอยู่ที่นี่!”
ขุนนางบุ๋นของต้าสุยที่อาศัยการกำหนดนโยบายแห่งแคว้นรับแคว้นหวงถิงไว้เป็นแคว้นใต้อาณัติเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองด้วยพะยะค่ะ”
หลินซวงเจี้ยงไม่พูดอะไรอีก
ศาสตร์แห่งการเปิดปิดปาก เมื่อเปิดปาก เอ่ยเอื้อนคำพูด เมื่อปิดปาก เงียบงันไม่พูดจา
พูดแล้วเหลือพื้นที่ว่างให้ขบคิด ไม่พูดออกมาตามตรงย่อมได้ผลมากกว่า สามารถล่อลวงใจคนได้ดีกว่า
ในขณะที่ตำหนักหลังตกอยู่ในบรรยากาศเงียบงัน ทางฝั่งของตำหนักหน้า บุรุษสวมชุดตัวยาวที่ให้ความรู้สึกหล่อเหลาอ่อนเยาว์แก่คนมองกำลังไล่มองเทวรูปของเจ็ดสิบสองปราชญ์ไปทีละรูปไม่ต่างจากเฉินผิงอัน
ในที่สุดฮ่องเต้ต้าสุยก็เปิดปากกล่าวว่า “เพราะการตายของซ่งเจิ้งฉุน วันนี้ทั้งสองท่านถึงได้มาเยี่ยมเยือน ถูกไหม?”
หลินซวงเจี้ยงพยักหน้ายอมรับ
ฮ่องเต้ต้าสุยชี้ไปที่ตัวเอง คลี่ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นหากวันใดข้าถูกผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบคนหนึ่งฆ่าตาย หรือไม่ก็ถูกกระบี่บินของจอมยุทธสำนักโม่ที่มีนามว่าสวี่รั่วผู้นั้นแทงตาย จะทำอย่างไร?”
ฮ่องเต้ต้าสุยชี้ไปที่เหนือศีรษะของตัวเอง แล้วจึงชี้ไปยังตำแหน่งของตำหนักหน้าที่อยู่ด้านหลังของตน “หากสวี่รั่วสังหารกษัตริย์อย่างไร้เหตุจำเป็น ในฐานะผู้ฝึกตน สวี่รั่วก็น่าจะถูกอริยะบางท่านลงโทษ สวี่รั่วเป็นคนสำคัญของสำนักโม่ ป๋ายอวี้จิงที่ก่อนหน้านี้สายรองของสำนักโม่ช่วยสร้างเลียนแบบให้ถูกทำลาย สายหลักของสำนักโม่ในแผ่นดินกลางกลับเปลี่ยนความคิด เลือกหันมาเดิมพันข้างสกุลซ่งต้าหลี มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าสวี่รั่วก็คือบุคคลสำคัญ ดังนั้นไม่แน่เสมอไปว่าสวี่รั่วจะยินดี ‘แลกแต้มหมาก’ กับข้า เพราะสำนักโม่จะขาดทุนมากเกินไป แต่หากหลี่เอ้อร์สังหารข้า ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าหากอิงตามกฎบนภูเขาของพวกเจ้า เหล่าอริยะของลัทธิขงจื๊อน่าจะไม่ให้ความสนใจ”
หลินซวงเจี้ยงกล่าวอย่างเฉยเมย “หลี่เอ้อร์ผู้นั้น ขอแค่ยังไม่ถึงขอบเขต ‘เทพมาเยือน’ ของผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบ ข้าสามารถทำให้เขาไม่อาจเข้ามาในเมืองหลวงต้าสุยได้ แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้น ศาลบุ๋นของพวกเจ้าต้องให้ความร่วมมือกับข้า ช่วยกันเปิดค่ายกลใหญ่ปกป้องเมืองด้วย”
พูดถึงขนาดนี้แล้วฮ่องเต้ต้าสุยก็ยังไม่หวั่นไหว เขาถามต่ออีกว่า “ไม่กลัวโจรมาขโมย กลัวก็แต่โจรจะคอยนึกถึง ถึงเวลานั้นต้องป้องกันโจรตลอดพันวัน จะป้องกันได้ไหวหรือ? หรือท่านหลินจะอยู่ในต้าสุยตลอดไป?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!