ความเร็วนั้นถึงขั้นเหนือว่าครั้งแรกที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ปรากฏตัว
นี่เกี่ยวพันกับสาเหตุที่ลมปราณของเหมาเสี่ยวตงไม่มั่นคง เป็นเหตุให้กฎเกณฑ์ของฟ้าดินไม่เข้มงวดมากพอ อีกทั้งผู้ฝึกกระบี่โอสถทองคนนี้ยังอาศัยการโคจรกระบี่บินไม่กี่ครั้งในเวลาสั้นๆ ค้นหารอยแยกและทางลัดบางส่วนเจอ แม้ว่าฟ้าดินที่มีอริยะของสามลัทธิเฝ้าบัญชาการณ์จะถูกขนานนามให้เป็นตาข่ายฟ้าตาห่างแต่ไม่มีช่องโหว่ ทว่าต่อให้ตาข่ายของแหปากหนึ่งจะถี่ยิบแน่นหนาแค่ไหน แต่ถ้าแหปากนี้มีการโคจรที่ไม่มั่นคงเกิดขึ้นตอนเวลา สุดท้ายก็ยังต้องหาช่องโหว่ให้มุดลอดออกไปได้อยู่ดี
สามารถกลายมาเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่กินเงินเทพเซียนเก่งที่สุดในใต้หล้าได้ อีกทั้งยังเลื่อนขั้นเป็นเซียนดินโอสถทอง ล้วนไม่มีคนใดที่ธรรมดา
เหมาเสี่ยวตงยื่นมือไปกุมไม้บรรทัดตรงเอวยั้งตัวหยุดยืนให้มั่นคงในทันที
บนหนวดสีขาวหิมะมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนเป็นหย่อมๆ
เผชิญหน้ากับกระบี่บินเล็กบางที่ตามติดดุจหนอนชอนไชกระดูกเล่มนั้น ครั้งนี้เหมาเสี่ยวตงไม่ได้ใช้สองนิ้วยึดตัวกระบี่เอาไว้
เขาม้วนชายแขนเสื้อกว้างใหญ่กักขังกระบี่บินไว้ข้างในโดยตรง
จากนั้นก็เห็นเพียงว่าในชายแขนเสื้อกว้างมีปราณกระบี่เป็นเส้นๆ ระเบิดออกมา ปากแขนเสื้อส่ายสะบัด ขณะเดียวกันก็มีเสียงแควกของผ้าขาดดังขึ้นเป็นระลอก
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลผลัดเปลี่ยนลมปราณเสร็จแล้วก็กระทืบเท้าลงบนพื้นหนึ่งครั้ง บนถนนพลันเกิดรอยร้าวประหนึ่งใยแมงมุม ปรมาจารย์วิถีวรยุทธท่านนี้ใช้โอกาสที่พันธมิตรสร้างให้มาต่อสู้ประชิดตัวกับเหมาเสี่ยวตงด้วยพลังอำนาจดุจหอบพายุและสายฟ้าอีกครั้ง ไม่ให้โอกาสเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาที่ ‘เลื่อนขั้น’ เป็นขอบเขตหยกดิบอย่างเหนือการคาดการณ์ท่านนี้ทิ้งระยะห่างจนมีโอกาสเผาผลาญพลังให้พวกเขาตายไปอย่างช้าๆ
หากถูกปรมาจารย์ขอบเขตเดินทางไกลท่านนี้หมายหัวไว้แล้ว
มหาสมุทรลมปราณของผู้ฝึกตนเซียนดินทั่วไปอาจถึงขั้นถูกชักนำจนไม่อาจแบ่งสมาธิไปสนใจเรื่องอื่นได้อีก
ชายร่างกำยำที่สวมเสื้อเกราะสีเงินยวงคนหนึ่งใช้ยันต์ย่อพื้นที่และยันต์ชุดกันฝนที่สามารถอำพรางเรือนกายและลมปราณซึ่งมีระดับสูงล้ำค่าสองแผ่นติดๆ กัน ถึงขนาดหาแถบที่แม่น้ำแห่งกาลเวลาเปราะบางที่สุดเจอ เป็นเหตุให้เขาทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้า สิบนิ้วของสองมือประสานกันเป็นหมัดที่ทุบใส่ศีรษะของเหมาเสี่ยวตง
ในเสี้ยวเวลาแห่งวิกฤตคับขันนั้นเอง
กระบี่บินเล่มที่ถูกกักขังอยู่ในชายแขนเสื้อของเหมาเสี่ยวตงก็แหวกทะลุชายแขนเสื้อพุ่งพรวดออกมา
หมัดของปรมาจารย์ขอบเขตเดินทางไกลกำลังจะพุ่งมาถึง
แต่กระบวนท่าสังหารที่อันตรายที่สุดอย่างแท้จริงกลับยังคงเป็นผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตประตูมังกรที่สวมเม็ดเสื้อเกราะเป็นเสื้อเกราะคนนั้น
นอกจากอาจารย์ค่ายกลที่ไม่ทันได้ลงมือทำอะไรแล้ว นักฆ่าอีกสี่คนที่เหลือต้องเรียกว่าร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่
ยากที่จะจินตนาการได้ว่าในบรรดาคนทั้งสี่นี้ มีแค่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้าและผู้ฝึกยุทธร่างทองเท่านั้นที่เป็นคนสนิทรู้จักกันมานานแล้ว
ไม้บรรทัดตรงเอวของเหมาเสี่ยวตงหลุดออกไปด้วยตัวเอง
ผู้ฝึกตนสำนักการทหารเหมือนถูกตบบ้องหู ร่างทั้งร่างปลิวกระเด็นไปกระแทกบนหลังคาเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ห่างไปไกล กระเบื้องแตกพังไปแถบใหญ่
เหมาเสี่ยวตงใช้ปลายเท้าถูพื้นดิน ยกชายแขนเสื้อกว้างใหญ่ขึ้น ยื่นมือไปทางผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ห่างตนไปไกลมากที่สุด “คืนให้เจ้าก็แล้วกัน”
ทันใดนั้นฟ้าดินพลิกหมุนอีกทั้งยังบิดเบือน
เหมือนกระดาษเซวียนจื่อแผ่นหนึ่งถูกเด็กเกเรคนหนึ่งบิดหมุน แต่กลับไม่ได้ขยำเป็นก้อน เป็นความรู้สึกประหลาดพิกลที่บอกไม่ถูก
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลคนนั้นได้แต่เบิกตากว้างมองเหมาเสี่ยวตงเดินสวนไหล่ตัวเองไป
อีกทั้งเหมาเสี่ยวตงยังเปลี่ยนมาเป็นท่า ‘ยืนกลับหัว’
ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ในระยะประชิด
แต่กลับห่างไกลเหมือนสุดขอบฟ้า
สิ่งที่ปรากฏบนกระดาษแผ่นนั้นยังมีแต่ตัวอักษรสีทองแน่นขนัด แต่ละตัวใหญ่เท่ากำปั้น คือบทความในคัมภีร์ที่อริยะปราชญ์ของลัทธิขงจื๊อนำมาอบรมสั่งสอนอาณาประชาราษฎร์
เขาหันหน้าไปคำรามอย่างเดือดดาล “ระวัง!”
มองดูเหมือนเหมาเสี่ยวตงเดินไปอย่างเชื่องช้า แต่พอร่างของเหมาเสี่ยวตงที่อยู่ทางทิศตะวันออกหายไปก็มาปรากฎตัวตรงทิศตะวันตก จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นทิศเหนือ แต่ไม่ว่าจะอยู่ทิศทางใด เหมาเสี่ยวตงก็คอยขยับเข้ามาใกล้เขาและผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคนนั้นถึงขั้นไม่รู้แล้วว่าตัวเองควรไปหลบอยู่ตรงไหน
แล้วก็ถูกผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่อยู่ดีๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าตบศีรษะแหลกด้วยฝ่ามือเดียว
ส่วนผู้ฝึกตนสำนักการทหารขอบเขตประตูมังกรก็ถูกไม้บรรทัดชนกระแทกเสื้อเกราะรัวๆ ประหนึ่งเม็ดฝนสาดกระทบ
ฟ้าดินขนาดเล็กกลับคืนมาเป็นปกติอีกครั้ง
เหมาเสี่ยวตงใช้มือข้างหนึ่งประคองบ่าของร่างที่ไร้หัว ไม่ให้ศพล้มไปกองอยู่กับพื้น มองไปยังผู้ฝึกกระบี่เฒ่าขอบเขตเก้าที่ดวงตาแดงก่ำ ถามว่า “ไม่แก้แค้นให้เพื่อนเจ้าหน่อยรึ?”
เหมาเสี่ยวตงพลันสะบัดข้อมือ ศพก็ปลิวลิ่วไปกระแทกผนังของร้านแห่งหนึ่ง กลายเป็นเพียงเนื้อเละๆ กองใหญ่กองหนึ่ง
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเก้าและผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลต่างก็มองเห็นว่าระหว่างฟ้าดินมีตัวอักษรสีทองขนาดเล็กกว่าเดิมจำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันจากสี่ด้านแปดทิศเข้าไปในช่องโพรงของผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่
คนทั้งสองสีหน้าเศร้าสลดระคนฮึกเหิม ในใจแต่ละคนต่างห่อเหี่ยว
แบบนี้จะยังสู้กันต่อได้อย่างไร?
คนทั้งสองมองสบตากัน
ต่างก็มองความเด็ดเดี่ยวในดวงตาของอีกฝ่าย
เหมาเสี่ยวตงกวาดตามองไปรอบด้าน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีร่องรอยใดๆ น่าจะไม่มีผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบซ่อนตัวอยู่แถวนี้
นี่ก็หมายความว่านักฆ่าห้าคนที่พร้อมยอมตายเหล่านี้ไม่มีทางหนีทีไล่อีก
เหมาเสี่ยวตงยกชายแขนเสื้อข้างที่ขาดวิ่นขึ้นมามองประเมินอยู่ครู่หนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นแล้วก็กล่าวว่า “ผู้ฝึกกระบี่เอย เซียนดินเอย และปรมาจารย์วิถีวรยุทธอะไรอย่างพวกเจ้านี้ชอบพูดกันนักไม่ใช่หรือว่าผู้ฝึกตนของสำนักศึกษาเป็นแค่หมอนปักลายบุปผาที่ดีแต่ขยับปากพูดเท่านั้น?”
เหมาเสี่ยวตงยิ้มกล่าว “ใช่ พวกเจ้าพูดได้ไม่ผิด”
ผู้ฝึกกระบี่และผู้เฒ่าขอบเขตเดินทางไกลใจหายวาบ
เหมาเสี่ยวตงก้าวเดินอย่างเนิบนาบผ่อนคลายประหนึ่งบัณฑิตเดินท่องหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ
จากนั้นพื้นที่แถบริมขอบของฟ้าดินแห่งนี้ก็มีกระบี่บินหลายเล่มลักษณะเหมือนวัตถุแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ลอยหมุนคว้างขึ้นมา
แม้ว่าระดับขั้นของกระบี่บินจะไม่สูง เทียบคร่าวๆ ได้กับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตชมมหาสมุทรและขอบเขตประตูมังกรเท่านั้น
แต่จำนวนมากขนาดนี้ ใครยังจะกล้าประมาทอีก?
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น บนหลังคาของเรือนหลายหลังยังมีลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสวมชุดเขียวที่อายุแตกต่างกันมากหลายคนยืนอยู่ บ้างก็หอบตำรา บ้างก็พกกระบี่
ทุกคนต่างก็ตบะไม่สูงเช่นกัน
ชนะได้ที่จำนวนเช่นกัน
ตรอกเล็กถนนใหญ่มีทหารร่างกำยำสวมชุดเกราะเหล็กผุดขึ้นมาหลายต่อหลายกลุ่ม
กระบี่บินที่รูปร่างและขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันเหล่านั้นพากันพุ่งเข้าหาผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง
ส่วนลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อบนหลังคาและทหารสวมเสื้อเกราะบนพื้นก็กระโจนเข้าหาผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกล
ตัวเหมาเสี่ยวตงเองขยับมาอยู่ข้างกายของผู้ฝึกตนสำนักการทหารที่เหน็ดเหนื่อยอยู่กับการรับมือกับไม้บรรทัดเล่มนั้น แต่ไม่ได้ขยับเข้าใกล้ เพียงกล่าวว่า “เจ้ากระมังที่ถึงจะเป็นนักรบเดนตายที่แท้จริง ใช้เม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารมาเป็นตัวอำพรางโอสถทองของผู้ฝึกตนเซียนดินที่อยู่ในตัว ขอแค่เข้าใกล้ข้าได้ก็พร้อมจะพินาศวอดวายไปพร้อมกับข้า ต่อให้ฆ่าข้าไม่ตาย แต่อย่างน้อยก็ถูกเจ้าเอาชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง นักฆ่าคนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ก็มากพอจะรั้งตัวข้าเหมาเสี่ยวตงไว้ที่นี่ได้แล้ว”
ผู้ฝึกตนขอบเขตประตูมังกรของสำนักการทหารผู้นั้นมีสายตาเด็ดเดี่ยว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเหมาเสี่ยวตง เพียงแค่ใช้หมัดแล้วหมัดเล่าต้านทานไม้บรรทัดเล่มนั้น ป้องกันไม่ให้เม็ดเสื้อเกราะถูกมันทุบตีจนแหลกสลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!