กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 411

สรุปบท บทที่ 411.1 เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องรู้: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 411.1 เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องรู้ – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 411.1 เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องรู้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จูเหลี่ยนไม่เคยพบจ้าวซื่ออาจารย์ผู้เฒ่าที่ได้รับเชิญให้มาสอนหนังสือที่สำนักศึกษามาก่อน แต่กวางขาวที่สะดุดตาอย่างถึงที่สุดตัวนั้น หลี่เป่าผิงเคยพูดถึง

จ้าวซื่อที่สวมกวานสูงรัดเข็มขัดเส้นใหญ่ ลมหายใจและฝีเท้าเวลาเดินเชื่องช้าอย่างถึงที่สุด ไม่แตกต่างจากคนแก่ปกติทั่วไป

ต่อให้เป็นจูเหลี่ยนก็ยังมองความผิดปกติไม่ออก ทว่าครั้งแรกที่ได้เห็นเขา หัวใจของจูเหลี่ยนกลับหดรัดตัว

ทุกคนที่มาปรากฏตัวในบริเวณใกล้เคียงกับเรือนหลังนี้เวลานี้ มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะเป็นนักรบเดนตายของต้าสุย

วิชาตระกูลเซียนเปลี่ยนแปลงได้นับพันนับหมื่น ยากที่จะป้องกัน

การประชันอาคมตระกูลเซียนเป็นทั้งการประชันสติปัญญาและประชันความกล้า จูเหลี่ยนเคยประมือกับชุยตงซานอยู่สองครั้ง รู้ดีถึงความมหัศจรรย์ของการที่ผู้ฝึกตนมีสมบัติอาคมติดตัวมากมาย ทำให้อดีตบุคคลอันดับหนึ่งของพื้นที่มงคลดอกบัวอย่างเขาได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่

หากไม่ได้ติดตามเฉินผิงอัน อีกทั้งสำมะโนครัวยังเป็นของราชวงศ์ต้าหลี ด้วยนิสัยของจูเหลี่ยน หากยังอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ป่านนี้คงลงมือไปนานแล้ว นี่เรียกว่ายินดีฆ่าผิดคน แต่ไม่ยินดีปล่อยคนผิดตัว

ทว่าการที่ฝืนนิสัยตัวเองไม่เข่นฆ่าผู้คนก็ไม่ได้หมายความว่าจูเหลี่ยนไม่มีวิธีในการหยั่งเชิงความตื้นลึกของอีกฝ่าย

จูเหลี่ยนชำเลืองตามองต้นอู๋ถงต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่ริมทางของถนน ก้านของใบอู๋ถงเขียวชอุ่มใบหนึ่งหักลงมาอย่างเงียบเชียบแล้วพุ่งดิ่งตรงเข้าหาจ้าวซื่ออาจารย์ผู้เฒ่าที่มีกวางขาวเคียงข้าง

จ้าวซื่อไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ยังเอาแต่เดินหน้ามาอย่างเดียว

ในขณะที่ใบอู๋ถงกำลังจะปาดคอผู้เฒ่า มันก็พลันเสียการควบคุม เปลี่ยนมาเป็นใบไม้ธรรมดาที่ลอยพลิ้วร่วงลงสู่พื้นดิน

จูเหลี่ยนเคยเดินทางผ่านสองทวีป รู้ดีถึงน้ำหนักของเจ้าขุนเขาในสำนักศึกษาแห่งหนึ่งของลัทธิขงจื๊อ ต่อให้ไม่ใช่เจ็ดสิบสองสำนักศึกษา แต่เป็นสำนักศึกษาที่ผู้รอบรู้ของแต่ละแคว้นก่อตั้งขึ้นเป็นการส่วนตัว ทว่านั่นก็คือยันต์คุ้มกันกายที่ดีที่สุดแผ่นหนึ่ง

สถานะเช่นนี้ไม่ต่างจากกษัตริย์และอ๋องเชื้อพระวงศ์ในโลกมนุษย์เท่าใดนัก พวกเขาต่างก็ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากลัทธิขงจื๊อ

หากผู้ฝึกตนกล้าลอบฆ่าพวกเขา สำนักศึกษาของลัทธิขงจื๊อก็จะส่งคนมาไล่จับตัว ตลอดทั้งใต้หล้าไพศาลล้วนมีลัทธิขงจื๊อเป็นผู้บัญชาการณ์ จะหนีไปไหนได้? หากไม่อาศัยช่องทางลับหลบเข้าไปในถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่ปริแตกและไม่มีชื่อเสียง ก็ได้แต่ต้องหนีไปให้ห่างจากโลกใบนี้ แต่หากเป็นขุนนางกังฉินขันทีฉ้อโกง หรือพวกแม่ทัพแคว้นใต้อาณัติญาติฝ่ายนอกคิดทำร้ายกษัตริย์ จะช่วงชิงบัลลังก์ก็ดี หรือจับเป็นหุ่นเชิดก็ช่าง เจ็ดสิบสองสำนักศึกษาจะไม่ยื่นมือเข้าแทรก

หากจูเหลี่ยนปาดคอเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาส่วนตัวผู้นี้ แล้วถ้าจ้าวซื่อไม่ใช่นักรบเดนตายอะไร แต่เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งที่วันนี้แค่เกิดความสนใจอยากจะมาเยี่ยมพบชุยตงซานจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคนที่ต้องซวยก็คือเขาจูเหลี่ยน

แต่จูเหลี่ยนยังคงไม่ยอมเลิกรา เขาใช้ปลายเท้าเตะหินไข่ห่านก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างทางโจมตีไปที่น่องเล็กของจ้าวซื่อ

ควบคุมแรงให้อยู่ในตบะขอบเขตเจ็ดร่างทองอย่างพอเหมาะพอดี

อาจารย์ผู้เฒ่าที่น่าสงสารร้องโอ้ย ก้มหน้าลงมองก็เห็นว่าเนื้อด้านข้างน่องเล็กฉีกเป็นรอยเลือด เขาพลันเหงื่อแตกเต็มศีรษะ

จ้าวซื่อเงยหน้าขึ้นพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าเป็นใคร?! เหตุใดต้องลงมือทำร้ายคนอื่น? รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือสำนักศึกษาซานหยา!”

จูเหลี่ยนทำสีหน้าประหลาดใจแฝงไว้ด้วยความตระหนกเล็กน้อย เขาสบถกับตัวเองเบาๆ ว่า “ไหนบอกว่าเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาต่างก็เป็นผู้ฝึกลมปราณฝีมือสูงส่งที่ปากอมกฎสวรรค์อย่างไรเล่า ในเมื่อมีสัตว์วิเศษอย่างกวางขาวตัวนี้อยู่เคียงข้าง เหตุใดถึงทนรับการโจมตีไม่ได้ขนาดนี้ เศษสวะแท้ๆ น่าอนาถ น่าอนาถนัก…”

จากนั้นจ้าวซื่อก็มองเห็นคนผู้นั้นวิ่งเหยาะๆ มาหา ยิ้มขออภัยเอ่ยว่า “ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย เมื่อครู่นี้ข้ากำลังเตะก้อนหินเล่นอย่างใจลอย ไม่ทันระวังเลยไปโดนท่านเจ้าขุนเขาจ้าว ช่างสมควรตายจริงๆ …”

จ้าวซื่อเจ็บปวดจนต้องค้อมเอวลง สีหน้าซีดขาว เหงื่อแตกเต็มใบหน้า คงเป็นเพราะไม่กล้ามองบาดแผลที่เลือดสดไหลนองจึงได้แต่หันมาถลึงตาใส่ผู้เฒ่าหลังค่อมที่มีท่าทางหวาดหวั่นคนนั้นแทน

จูเหลี่ยนเดินมาหยุดอยู่ข้างกายจ้าวซื่อ ยื่นมือมาประคองเขา “เจ้าขุนเขาจ้าว ข้าจะประคองเจ้าไปรักษาบาดแผลที่เรือน”

จ้าวซื่อปล่อยให้จูเหลี่ยนจับแขนตัวเอง ปากก็พูดทอดถอนใจไปด้วยว่า “มีคนฝึกยุทธที่ไหนวู่วามอารมณ์ร้อนอย่างเจ้า ในเมื่อพอจะเป็นวิชาการต่อสู้อยู่บ้างก็ควรหัดควบคุมตัวเอง เทียบเด็กน้อยงอแงกลิ้งไปตามพื้นกับต่อยตีกับบุรุษชายฉกรรจ์จะเหมือนกันได้หรือ? คำกล่าวที่ว่าพวกจอมยุทธชอบใช้กำลังละเมิดกฎ ก็พูดถึงคนอย่างพวกเจ้านี่แหละ!”

จูเหลี่ยนพยักหน้ารับปากก็พูดติดๆ กันว่าใช่

เวลาเพียงชั่วประกายไฟแลบ

จูเหลี่ยนที่เดิมทีเคยชินกับการอยู่ในท่าค้อมเอวหลังค่อมพลันหดตัวจนร่างเหมือนวานรตัวหนึ่ง ขยับตัวเบี่ยงไปด้านข้าง กระทืบเท้าลงพื้นหนักๆ หนึ่งทีแล้วกระแทกชนเข้าที่หน้าอกของจ้าวซื่ออย่างอำมหิต

กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มหนึ่งที่เดิมทีควรแทงเข้าที่หว่างคิ้วของจูเหลี่ยน พอจูเหลี่ยนกลายร่างมาเป็นวานรก็ได้แต่แทงทะลุไหล่เขาไปเท่านั้น

จ้าวซื่อถูกพละกำลังอันหนักหน่วงของจูเหลี่ยนพุ่งชนจนร่างกระเด็นหวือออกไป ชนเอากวางขาวที่อยู่ด้านหลังให้ลอยคว้างตามไปด้วย

จ้าวซื่อพลันพลิกตัวหมุนตัวกลับ พลิ้วกายลงพื้นอย่างมั่นคง อารมณ์เสียสุดขีด

เหตุใดในสำนักศึกษาถึงยังมีผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลคนหนึ่งแฝงตัวอยู่ที่นี่!

จูเหลี่ยนไม่สนใจบาดแผลตรงไหล่ที่เลือดสดไหลนองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเขาฉายประกายร้อนแรง แสยะยิ้มกว้างกล่าวว่า “ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับความสามารถของผู้ฝึกกระบี่เซียนดินคนหนึ่งเสียที สะใจนัก!”

ในลานบ้าน อวี๋ลู่กระโดดขึ้นมาบนกำแพงสูง เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “มาแล้ว”

เซี่ยเซี่ยเอ่ยเตือน “เป่าผิง หลี่ไหว เผยเฉียน พวกเจ้าสามคนเข้าไปหลบในห้องหนังสือของห้องหลักก่อน จำไว้ว่าปิดประตูให้ดี เว้นเสียจากว่าข้าเป็นคนเปิดประตู ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็ห้ามออกมาจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว!”

เด็กทั้งสามวิ่งฉิวเข้าไปในห้องโดยไม่ถามอะไรแม้แต่ครึ่งคำ

หลินโส่วอีเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าในตอนนี้อาจจะยังช่วยอะไรได้ไม่มากนัก”

อวี๋ลู่จ้องอาจารย์ผู้เฒ่าจ้าวซื่อที่คุมเชิงกับจูเหลี่ยนอยู่บนถนนเขม็ง “หาโอกาสเอาเองแล้วกัน”

เซี่ยเซี่ยเดินมาที่ลานบ้าน ในใจท่องคาถา สองมือทำมุทรา ก้าวเท้ารวดเร็วปานลมกรด เริ่มเข้าควบคุมปราณวิญญาณในเรือนเล็กโดยใช้เวทคาถาที่ชุยตงซานถ่ายทอดให้ สร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นฟ้าดินขนาดเล็กจิ๋วชั่วคราว ส่วนนางเองก็มีโอกาสลิ้มรสชาติของการควบคุมแม่น้ำแห่งกาลเวลาดั่ง ‘อริยะของพื้นที่หนึ่ง’ หากจะบอกว่ากาลเวลาที่เหมาเสี่ยวตงบังคับคือแม่น้ำสายหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นเซี่ยเซี่ยก็ได้แต่บังคับลำธารเส้นหนึ่ง

โชคดีที่บริเวณของเรือนแห่งนี้ไม่กว้างนัก จึงไม่ง่ายที่จะเกิดช่องโหว่ที่ใหญ่เกินไป

อาจารย์ผู้เฒ่าที่อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นนักฆ่าคนนั้นไม่ได้บังคับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตมาต่อสู้ตัดสินเป็นตายกับจูเหลี่ยน

รุ้งยาวแต่ละเส้นที่กระบี่บินวาดออกมากลางอากาศพากันพุ่งเข้าหาเรือนหลังนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกครั้งที่กระบี่บินพยายามจะบุกเข้าไปในเรือน จะต้องถูกม่านฟ้าของฟ้าดินขนาดเล็กกางกั้น ระเบิดประกายแสงพร่างพราวประหนึ่งแก้วหลากสีหลายเม็ดที่ปริแตก

อวี๋ลู่ถอยกลับเข้าไปในลานบ้านแล้ว เขาถามเบาๆ ว่า “สามารถประคองตัวอยู่ได้นานแค่ไหน?”

หน้าผากของเซี่ยเซี่ยมีเหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมา เสียงของนางสั่นสะท้านน้อยๆ ยิ้มขื่นตอบว่า “ต่อให้จูเหลี่ยนสามารถถ่วงเวลาผู้ฝึกกระบี่คนนี้ไว้ได้ ไม่ปล่อยให้เขาบังคับกระบี่บินได้อย่างเต็มกำลัง อย่างมากสุดข้าก็ยังได้แค่ประคองตัวไว้ครึ่งก้านธูปเท่านั้น…กระบี่บินจู่โจมแรงเกินไป ปราณวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในเรือนเล็กแห่งนี้ถูกเผาผลาญเร็วเกินไป!”

เดิมทีผู้ฝึกกระบี่ก็คือสิ่งมีชีวิตที่เชี่ยวชาญการทำลายสิ่งกีดขวางนานัปการในโลกที่สุดอยู่แล้ว

อวี๋ลู่ทะยานตัวขึ้นสูง ปล่อยหมัดต่อยเข้าที่กระบี่บิน

พายุหมัดระเบิดกระจุยกระจาย กระบี่บินของเซียนดินก่อกำเนิดเล่มนั้นแทงทะลุนิ้วมือ จากนั้นก็ ‘ผุดพ้นหน้าดิน’ มาจากหลังมือ ตรงดิ่งเข้าหาห้องหลัก

หลินโส่วอีที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาก็ทรมานเต็มกลืนแล้ว อยู่ๆ ฟ้าดินขนาดเล็กก็สลายไป ความรู้สึกที่ฟ้าดินพลิกกลับรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้จิตสำนึกของหลินโส่วอีพร่าเลือน ร่างส่ายโอนเอน ต้องยื่นมือมาจับเสาระเบียงเพื่อประคองตัว แต่กระนั้นก็ยังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ขวางเอาไว้!”

ร่างของสือโหรวมาปรากฏตรงหน้าต่างห้องหนังสือ นางหลับตาลง ปล่อยให้กระบี่บินหลีหว่อเล่มนั้นแทงทะลุเข้ามาที่หน้าท้องของคราบร่างเซียนเหริน

เสียงดีดนิ้วเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ แต่กลับดังกังวานอยู่ริมหูของทุกคนในเรือนเล็ก

ตรงตีนเขาของภูเขาตงหัว หน้าประตูใหญ่ของสำนักศึกษา อาจารย์ผู้เฒ่าแซ่เหลียงมอบแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกไปแล้วก็จ้องมองเด็กหนุ่มชุดขาวที่ข้างกายมีกระบี่บินสีทองเล่มหนึ่งหมุนคว้างเขม็ง พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบกร้าว “ชุยตงซาน ข้าจะเชื่อใจเจ้าสักครั้ง ยอมมอบสำนักศึกษาไว้ในมือเจ้าชั่วคราว หากเกิดปัญหาใดๆ …”

เจ้าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกำแผ่นหยกไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ยิ้มตาหยีพูดว่า “รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า เจ้าแซ่เหลียงผู้นี้พูดมากซะจริง”

กระบี่บินที่มีนามว่า ‘จินชิว’ และรูปลักษณ์เป็นดั่งรวงข้าวสีทองสมชื่อเล่มนั้นก็คือกระบี่บินที่ก่อนหน้านี้ไปเตือนเหมาเสี่ยวตงว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ภูเขาตงหัวแล้ว

ชุยตงซานก้าวข้ามประตูใหญ่ของสำนักศึกษามาหนึ่งก้าว หลับตาเงยหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม “กี่ปีมาแล้วที่ไม่ได้ใช้สถานะของเทพเซียนห้าขอบเขตบนสูดกลิ่นอายของความยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมนี้?”

ชุยตงซานลืมตาขึ้น ดีดนิ้วหนึ่งที ภูเขาตงหัวพลันกลายมาเป็นฟ้าดินของตัวเขาเอง “ปิดประตูตีหมากันก่อน”

จากนั้นก็ก้าวออกไปอีกก้าว ก้าวถัดไปมาอยู่ตรงกลางเรือนหลังเล็ก ถูมือหัวเราะร่า “จากนั้นก็ถึงเวลาตีหมา คำพูดของศิษย์พี่หญิงใหญ่ถูกเผงเลย ถ้าจะตีก็ต้องตีหมาที่เกเรที่สุดก่อน”

เซี่ยเซี่ยหมดสติไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว จากนั้นหลินโส่วอีที่จู่ๆ ก็ถูกโยนกลับเข้ามาในฟ้าดินขนาดเล็กอีกครั้งก็หมดสติตามไป

ต่อให้อวี๋ลู่จะมีขอบเขตร่างทอง แต่กลับไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้เลย

สภาพของสือโหรวตอนนี้น่าตลกที่สุด แม้จะได้ครอบครองคราบร่างเซียนเหริน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว จิตวิญญาณของนางกลับรับการชะล้างจากแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่อยู่ในฟ้าดินขนาดเล็กได้ไม่ง่ายสักเท่าไหร่

หลังจากกระบี่บินหลีหว่อเล่มนั้นแทงหน้าท้องของนาง กระบี่บินก็เหมือนจมเข้าสู่กรงขังบ่อสายฟ้า พุ่งชนสะเปะสะปะอย่างบ้าคลั่งเหมือนแมลงวันไร้หัว

ทำเอาสือโหรวที่ขวางอยู่ตรงหน้าต่างเดี๋ยวๆ ก็ถูกกระชากไปข้างหน้า เดี๋ยวๆ ก็ผงะหงายไปด้านหลัง พลิกคว่ำคะมำหงาย

เห็นสภาพนี้ของสือโหรว ชุยตงซานก็เหลือกตามองบน รู้สึกอับอายขายขี้หน้ายิ่งนัก จึงยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมาตบลงกลางอากาศเบาๆ

ร่างเซียนเหรินของสือโหรวถูกตบเข้าไปในระเบียงไม้ไผ่มรกต พื้นกระดานปริแตกเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน

มองดูเหมือนเป็นฝ่ามือที่โบกตบอย่างง่ายๆ แต่กลับทำให้จิตวิญญาณและจิตสำนึกของสือโหรวที่หลบซ่อนอยู่ในคราบร่างเซียนสลบไปทันที

ชุยตงซานกระทืบหน้าท้องของสือโหรวหนึ่งที กระบี่บินหลีหว่อที่จับผลัดจับผลูถูกสือโหรว ‘พาตัวไปติดร่างแห’ พลันสงบนิ่งทันควัน

ชุยตงซานทรุดตัวลงนั่งยอง เตรียมจะใช้เวทลับ ‘เก็บ’ กระบี่บินที่ระดับขั้นไม่เลวเล่มนั้นออกมาจากหน้าท้องของสือโหรว

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!