ตอน บทที่ 411.2 เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องรู้ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 411.2 เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องรู้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตรงทางสายเล็กนอกลานบ้าน ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดผู้นั้นทะยานตัวเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งหลบหนีไปทางทิศตะวันตกของภูเขาตงหัว เมื่อเห็นท่าไม่ดี แน่ใจแล้วว่าการสังหารใครสักคนเป็นเรื่องที่เพ้อฝันเกินตัว เขาก็ถึงกับตัดใจสละทิ้งได้แม้กระทั่งกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตัวเอง
ชุยตงซานหาวหวอด ลุกขึ้นยืน “ดีนะที่เหมาเสี่ยวตงไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษา ไม่อย่างนั้นเห็นภาพต่อไปนี้ อริยะแห่งสำนักศึกษาอย่างเขาอาจอับอายถึงขั้นขุดดินเป็นหลุมแล้วฝังกลบตัวเองลงไปก็เป็นได้”
แถบริมขอบของฟ้าดินขนาดเล็ก ทางทิศตะวันตกของภูเขาตงหัวมีเทวรูปร่างทองสูงหลายสิบจั้งปรากฏขึ้นมา คือกายธรรมของอริยะลัทธิขงจื๊อท่านหนึ่งที่ตั้งบูชาไว้ในศาลบุ๋น
ผู้ฝึกกระบี่ตกใจรีบบินทะยานหนีไปทางทิศเหนือ
แต่ตรงนั้นก็มีกายธรรมร่างทองของอริยะอีกท่านหนึ่งโผล่ขึ้นมายืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน
คงเป็นเพราะวันนี้ชุยตงซานอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากเสียเวลาเล่นแมวไล่จับหนูอะไรกับผู้ฝึกกระบี่ ทิศตะวันออกและทิศใต้จึงมีเทวรูปอีกสององค์ปรากฏขึ้นพร้อมกัน
ผู้ฝึกกระบี่กัดฟัน พลันพุ่งเป็นเส้นตรงทะยานขึ้นสู่ม่านฟ้าของฟ้าดินแห่งนี้
บนยอดเขาของภูเขาตงหัวปรากฏเทวรูปที่สูงใหญ่ที่สุด เทวรูปนั้นเป็นชายชราลัทธิขงจื๊อที่มีหน้าตาของราชครูชุยฉานแห่งต้าหลี เขายื่นฝ่ามือขนาดใหญ่สีทองออกมาคว้าผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนนั้น พอกำไว้แน่น ในฝ่ามือก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประหนึ่งมีสายฟ้าร้องคำรามอยู่ในฝ่ามือของเทพเซียน
เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่บนไหล่ของกายธรรมซิ่วหู่ผู้เฒ่า หน้าตาของเขางดงามประดุจหยกสลัก กำลังนวดคลึงใฝแดงที่อยู่กลางหว่างคิ้วของตัวเอง รอให้ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนนั้นถูกปราณวิญญาณที่เปี่ยมล้นของภูเขาตงหัวเผาผลาญตบะไปทีละนิด
แน่นอนว่าหากตาแก่ผู้นั้นยินดีทุบหม้อข้าวจมเรือ ระเบิดโอสถทองและทารกก่อกำเนิดของตัวเอง ชุยตงซานก็ไม่คิดจะขัดขวาง ถึงอย่างไรสิ่งที่เสียหายไปก็มีแค่โชคชะตาบุ๋นและปราณวิญญาณของภูเขาตงหัวเท่านั้น
เพียงแต่ว่าชุยตงซานยังคงหวังว่าจะรีดไถเอาของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ มาจากมือของผู้ฝึกตนก่อกำเนิดคนนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น…กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตที่ถูกกักอยู่ในท้องของคราบร่างเซียนชั่วคราวเล่มนั้น
ชุยตงซานหันหน้าไปมองทางเรือนเล็ก
กวางขาวตัวนั้นคือสัตว์วิเศษที่อยู่ข้างกายจ้าวซื่อชายชราลัทธิขงจื๊อจริง เพียงแต่ว่าถูกยอดฝีมือร่ายเวทลับใส่
ส่วนอาจารย์ผู้เฒ่าที่ถูกกายธรรมบีบไว้ในฝ่ามือย่อมไม่ใช่จ้าวซื่อ
แม้ว่าจ้าวซื่อจะเป็นเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาแห่งหนึ่งในโลกมนุษย์ ทว่าตัวเขาเองกลับไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน ความรู้ก็ไม่ถึงขั้นที่คนฟ้าสื่อสัมผัสถึงกัน วันใดวันหนึ่งเมื่อ ‘อ่านตำราจนถึงขั้นรู้ใจอริยะ’ ก็กลายเป็นถ้ำสวรรค์ขนาดเล็กได้ด้วยตัวเองอย่างกะทันหัน ดังนั้นอยู่ดีๆ จะเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่หายากได้อย่างไร ในแจกันสมบัติทวีป ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดนั้นมีน้อยจนนับนิ้วได้
เซียนดินน่าสงสารที่ลอบสังหารไม่สำเร็จผู้นี้ ต่อให้ชุยตงซานใช้ก้นคิด ใช้หัวเข่าเดาก็ยังรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่ผู้ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีป
มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะเป็นนักรบเดนตายที่ติดตามอยู่ข้างกาย ‘จางไต้’ จ้วงหยวนคนใหม่ของต้าสุย
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักจ้งเหิง ใช้ตัวตนลับหลากหลายรูปแบบท่องไปทั่วใต้หล้า ข้างกายมักจะมีผู้ฝึกตนใหญ่หนึ่งถึงสองคนทำหน้าที่เป็นนักรบเดนตายให้เสมอ
ชุยตงซานนั่งขัดสมาธิ จุ๊ปากพูด “ถือว่าเจ้าหนีได้เร็ว ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว นับว่าเป็นแผนการที่ดี สกุลซ่งต้าหลีกับสกุลเกาต้าสุยล้วนถูกเจ้าเล่นงานไปพร้อมๆ กัน มีมาดของข้าในอดีตอยู่บ้างจริงๆ พวกเราควรมาพูดคุยกันดีๆ นะ เจ้าคิดดูสิ อีกนิดเดียวเจ้าก็เกือบจะทำให้งานใหญ่ของข้าพังแล้ว ไม่ยัดจิตวิญญาณของเจ้าเข้าไปในเนื้อหนังมังสาของสตรี ข้าก็ไม่ควรใช้แซ่เดียวกับเจ้าหรอกหรือ? อืม ยังต้องเป็นร่างของคุณหนูในห้องหอด้วย! ให้เจ้าได้รู้ว่าคำกล่าวที่ว่าบุรุษหลั่งเลือดไม่หลั่งน้ำตา อันที่จริงยังไม่นับว่าเป็นวีรบุรุษชายชาตรีอะไร”
มองดูเหมือนชุยตงซานเอาแต่พร่ำบ่น ทว่าแท้จริงแล้วสมาธิครึ่งหนึ่งของเขาอยู่ในฝ่ามือของกายธรรม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ที่ท้องของสือโหรว
สำหรับนักรบเดนตายที่ปรากฏตัวเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ทัณฑ์ทรมานอะไร เพราะบนร่างของพวกเขาไม่มีทางพกวัตถุใดๆ ที่จะเปิดเผยเบาะแสความลับของตัวเองมาด้วย
ชุยตงซานถึงได้ต้องจับตามองกระบี่บินหลีหว่อเล่มนั้นอย่างระมัดระวังไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าเขาจะมีสมบัติอาคมนับไม่ถ้วน แต่ใต้หล้านี้มีใครบ้างที่รังเกียจว่ามีเงินมากเกินไป?
ต่อให้ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนนั้นไม่สามารถควบคุมกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตได้ แต่พลังการต่อสู้ก็ยังไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด เขาใช้จิตหยางกายนอกกายทำลายหมัดของกายธรรมร่างทองจนเละเทะ จากนั้นก็ปล่อยจิตหยินออกจากร่าง ทั้งสามฝ่ายแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศทาง
ร่างจริงที่บาดเจ็บสาหัส มองดูเหมือนหนีได้ช้าที่สุด อยู่ดีๆ ก็เหมือนสายฟ้าที่วาดตัวเป็นวงโค้งตกลงมายังเรือนเล็กที่อยู่เบื้องล่างอย่างเร่งร้อน ยังคงไม่ถอดใจเรื่องลอบสังหาร
ชุยตงซานที่ยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของกายธรรมถอนหายใจ “คิดจะแข่งเรื่องการวางแผนชั่วร้ายกับข้า หลานคนดีอย่างเจ้าได้พบบรรพบุรุษแล้วก็ควรต้องโขกหัวคำนับสิ”
จิตหยินที่ออกจากร่างถูกกายธรรมร่างทองอริยะลัทธิขงจื๊อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประกบสิบนิ้วตบจนแหลกลาญ ปราณวิญญาณที่กระเพื่อมแผ่ออกมา ถือเป็นการชดเชยให้แก่ภูเขาตงหัว
จิตหยางกายนอกกายก็ถูกกายธรรมร่างทองอริยะลัทธิขงจื๊ออีกตนหนึ่งตบเข้าไปในทะเลสาบของสำนักศึกษา กายธรรมยกเท้ากระทืบตามไป คลื่นยักษ์โถมตัวสาดกระเซ็น กายนอกกายถูกกระทืบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ก่อกำเนิดเฒ่าที่จิตวิญญาณไม่ครบถ้วน อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมกระบี่บินได้เตรียมจะระเบิดโอสถทอง หมายจะลากให้เรือนเล็กทั้งหลังต้องพินาศไปพร้อมกันด้วย
เพียงแต่ว่าร่างของผู้เฒ่าพลันแข็งทื่อ
‘จินชิว’ กระบี่บินของเซียนที่ชุยตงซานได้มาเพราะชนะการเล่นหมากล้อมกับคนผู้หนึ่งในปีนั้นปักตรึงลงไปในโอสถทองของผู้เฒ่าแล้วปั่นป่วนมันจนเละเทะ
จากนั้นบนร่างของผู้เฒ่าก็ถูกอักษรโบราณแปลกประหลาดที่เป็นสีดำเหลือบทอง ‘ไต่คลานยั่วเยี้ย’ เต็มร่าง ไม่เหมือนกับตัวอักษรสีทองของปราณแห่งความเที่ยงธรรมยามที่เหมาเสี่ยวตงเป็นผู้พิทักษ์ฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้สักเท่าไหร่
ชุยตงซานมายืนอยู่ตรงหน้า ‘จ้าวซื่อ’ ผู้นี้ ยกมือปาดไปบนใบหน้าผู้เฒ่า ปลด ‘หน้ากาก’ ชั้นเยี่ยมที่สร้างขึ้นจากวิชาลับของสำนักโม่ซึ่งตอนนี้โชกไปด้วยเลือด จากนั้นค่อยใช้ปลายนิ้วกรีดเนื้อหนังชั้นที่เดิมทีเป็นใบหน้าดั้งเดิมของผู้เฒ่า สะบัดสองสามทีสลัดเอาเลือดและเศษชิ้นเนื้อทิ้งไป ก่อนจะเก็บไว้ในชายแขนเสื้อ เงยหน้ามอง ‘ใบหน้า’ น่ากลัวที่เห็นกระดูกขาวโพลน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบใจนะที่ช่วยให้ข้าได้กำไรก้อนเล็กๆ”
ผู้เฒ่าไร้คำพูดตอบโต้ ไม่เพียงแต่กล้ามเนื้อทั่วร่างปริแตกเหมือนรอยแตกบนผิวเครื่องกระเบื้อง แม้แต่ดวงตาก็เต็มไปด้วยรอยแตก สภาพเละเทะไม่เหลือชิ้นดี มีเพียงส่วนลึกในหัวใจของผู้เฒ่าที่สั่นสะเทือนรุนแรง เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นและไม่ยินยอม
ชุยตงซานถลึงตาใส่ เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องตากับอีกฝ่ายเขม็ง “ทำไม คิดจะใช้สายตาสังหารข้ารึ? มาๆๆ ข้าให้โอกาสเจ้า!”
ครู่หนึ่งต่อมาชุยตงซานก็ดีดนิ้วลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย ร่างของผู้เฒ่าที่อันที่จริงพลังชีวิตขาดสะบั้นหมดสิ้นแล้วปลิวกระเด็นออกไป แล้วแหลกสลายกลายเป็นฝนเลือดอยู่กลางอากาศ
ชุยตงซานยืนอยู่ในลาน เดินไปทางห้องหลัก ระหว่างนั้นเดินผ่านเซี่ยเซี่ยที่นอนพังพาบหมดสติอยู่กับพื้นก็กล่าวอย่างมีโทสะว่า “เจ้าคนไม่ได้เรื่อง”
แล้วก็เตะเซี่ยเซี่ยปลิวไปกระแทกกำแพง
พอเหมาเสี่ยวตงคิดว่าอีกเดี๋ยวจะต้องได้เจอกับเจ้าคนแซ่ชุยผู้นั้น โทสะก็ไม่รู้ว่าผุดพุ่งมาจากไหน
เหมาเสี่ยวตงเงียบงันไปนาน ขณะที่เดินอยู่บนเส้นทางนอกเรือนหลังเล็กที่พังราบก็พลันเอ่ยคำพูดที่ทำให้เฉินผิงอันประหลาดใจอย่างมาก
“ข้ารู้สึกว่าสถานที่ที่ไม่มีควรเกิดปัญหามากที่สุดในใต้หล้า ไม่ใช่บนบัลลังก์มังกร แม้แต่บนภูเขาก็ยังไม่ใช่ แต่เป็นในห้องเรียนน้อยใหญ่ของบนโลก หากเกิดปัญหาขึ้นที่นี่ก็ยากที่จะช่วยเหลือได้”
“พวกซิ่วไฉยากจน ไร้ตำแหน่งไร้ชื่อเสียง อาจารย์สอนหนังสือทั้งหลายที่อาจจะได้ยินเสียงหมาเห่าเสียงไก่ขันทุกวันก็คือผู้ตัดสินอนาคตของหนึ่งแคว้น”
“ชุยตงซาน หรือควรจะเรียกว่าชุยฉาน ไม่ว่าจะอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังของราชวงศ์ต้าหลี เขาก็ได้ทำเรื่องที่ร้ายกาจ หรือไม่ก็เรื่องสกปรกมากมายนับไม่ถ้วน ในความเห็นของข้า มีเพียงเรื่องเดียวที่แม้แต่ปรมาจารย์มหาปราชญ์ก็ไม่อาจหาข้อตำหนิได้
ราชครูชุยฉานที่อยู่ในราชวงศ์ต้าหลีเชิดชูหลักการ ‘ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองต้องมาจากการเคารพครูบาอาจารย์’ ด้วยเรื่องนี้เขายังเสนอนโยบายมากมายที่ให้ปฏิบัติต่ออาจารย์ผู้สอนหนังสือให้ดี อีกทั้งยังจับตามองขุนนางท้องถิ่นด้วยตัวเอง รวมเรื่องนี้ไว้ในหัวข้อการประเมินเพื่อพิจารณาการเลื่อนขั้นของขุนนางในท้องถิ่น ราชครู ราชครู นี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่ราชครูสมควรมี”
ต้าสุยพ่ายแพ้ที่เหล่าบัณฑิตส่วนใหญ่มีเพียงการศึกษาค้นคว้าที่เป็นทฤษฎี แต่คนเถื่อนต้าหลี ไม่เพียงแต่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่ง ยังชนะที่เหล่าบัณฑิตลงมือปฏิบัติจริงอย่างสุดความสามารถ
สุดท้ายเหมาเสี่ยวตงหยุดเดิน กล่าวว่า “แม้ว่าอาจทำให้ตัวเองดูคล้ายคนถ่อย แต่ข้าก็ยังต้องพูดสักหน่อย ตอนนี้มหามรรคาของชุยตงซานถูกผูกมัดไว้กับเจ้า แต่บนโลกใบนี้มีใครบ้างที่จะเล่นงานตัวเอง? สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้ว เขาก็ยังคงสนิทสนมกับชุยฉานมากว่า แม้ว่าในอนาคตคนทั้งสองอาจไม่รวมกันเป็นหนึ่งเสมอไป แต่เจ้าก็ต้องระวังไว้ เจ้าตะพาบเฒ่าและเจ้าลูกกระต่ายคู่นี้มีแต่ความคิดชั่วร้ายอยู่เต็มหัว พวกเขาเป็นคนประเภทวันใดไม่วางแผนเล่นงานคนอื่นก็จะครั่นเนื้อครั่นตัว”
ตรงหน้าประตูเรือนเล็ก ชุยตงซานที่ตรงหน้าผากยังมีรอยตราประทับสีแดงเต้นผางผรุสวาท “เหมาเสี่ยวตง ข้าผู้อาวุโสไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษของเจ้าหรือไปล่อลวงเมียเจ้ามากันแน่? เจ้าถึงได้ยุแยงให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์ของพวกเราแตกร้าวเช่นนี้?!”
เหมาเสี่ยวตงโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง บังคับเอาแผ่นหยกที่ชุยตงซานซ่อนไว้กลับมาอยู่ในมือของตัวเอง “ใช้สิ่งของทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุด เจ้าตามข้าและเฉินผิงอันไปทบทวนสถานการณ์หมากกระดานนี้ที่ห้องหนังสือ เรื่องราวไม่มีทางยุติลงเพียงแค่นี้แน่”
ชุยตงซานเตรียมจะแผดเสียงด่าเหมาเสี่ยวตง นาทีถัดมาคนทั้งสามก็มาปรากฏตัวอยู่ในห้องหนังสือเสียแล้ว
ทั้งสามคนนั่งลง
ชุยตงซานไม่ต่อปากต่อคำอีก นี่ทำให้เหมาเสี่ยวตงประหลาดใจเล็กน้อย
เหมาเสี่ยวตงเล่าเหตุการณ์การลอบฆ่าตอนที่พวกเขาไปเยือนศาลบุ๋นคร่าวๆ หนึ่งรอบ
เฉินผิงอันคอยเสริมช่องโหว่ที่อีกฝ่ายเล่าตกหล่นไปเป็นระยะ
หลังจากฟังจบ ชุยตงซานก็จ้องเป๋งมองเหมาเสี่ยวตง
เหมาเสี่ยวตงถลึงตาใส่ “ควบคุมตาสุนัขของเจ้าไว้ให้ดี”
ชุยตงซานถอนหายใจหนึ่งที “หยวนเกาเฟิงก็บอกคำตอบทั้งหมดแก่เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? เพียงแต่หูตาของเจ้าเหมาเสี่ยวตงคับแคบเกินไป เทียบกับเว่ยเซี่ยนผู้นั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ หยวนเกาเฟิงอุตส่าห์หวังดี แถมยังใจกล้า ขาดก็แค่ไม่ได้บอกความจริงกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น นี่เจ้ายังฟังไม่ออกอีกหรือ? หยวนเกาเฟิงผู้นั้นด่าเจ้าว่าอย่างไรแล้วนะ ต่อรองราคา ลูกไม้สำนักการค้า ทำลายภาพลักษณ์!”
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!