กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 421

สรุปบท บทที่ 421.2 สายน้ำและภูเขายังคงเดิม: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 421.2 สายน้ำและภูเขายังคงเดิม – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 421.2 สายน้ำและภูเขายังคงเดิม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

สตรีร่างสูงโปร่งที่เป็นบุตรสาวของเจียวเฒ่า และยังเป็นบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขาจวนจื่อหยางยิ้มกล่าวว่า “ย่อมไม่ แต่ข้าหวังจริงๆ ว่าคุณชายเฉินจะไปพักอยู่ที่จวนจื่อหยางสักวันสองวัน ทัศนียภาพของที่นั่นไม่เลวเลยจริงๆ ผลผลิตพิเศษบางอย่างบนภูเขาก็พอจะเอาออกมาโอ้อวดคนอื่นได้ หากคุณชายเฉินไม่รับปาก ข้าก็ไม่ถูกบิดาและเทพขุนเขาตำหนิ แต่หากคุณชายเฉินยินดีให้เกียรตินี้แก่ข้า คุณความชอบเล็กๆ น้อยๆ นี้ของข้าย่อมถูกบิดาผู้แยกแยะการลงโทษและให้รางวัลอย่างชัดเจน และองค์เทพเว่ยจดจำไว้อย่างแน่นอน”

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องรบกวนผู้อาวุโสสักวันสองวัน?”

สตรีร่างสูงโปร่งที่เป็นเผ่าพันธ์เจียวหลงแคว้นสู่โบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันหยิบเรือลำน้อยแกะสลักจากผลเถาเหอขนาดเท่านิ้วก้อยออกมาแล้วโยนลงบนพื้น ไอน้ำพลันแผ่อบอวล เรือน้อยกลายเป็นเรือสูงสามชั้นที่ล้อมรอบด้วยราวไม้แกะสลักและภาพวาด บรรจุผู้คนสี่สิบห้าสิบคนได้ไม่เป็นปัญหา ยังดีที่ขณะที่หญิงสาวโยนสมบัติอาคมเหอเถาแกะสลักชิ้นนี้ออกไป นางได้โบกชายแขนเสื้อผลักให้คนเดินเท้าบนถนนล่องลอยไปอยู่สองฝากฝั่งของถนนเบาๆ ก่อนแล้ว

ขณะเดียวกันนางก็หยิบยันต์ปึกหนึ่งที่สีสันไม่เหมือนกันออกมาจากชายแขนเสื้อ พอปล่อยมือยันต์ก็ร่วงลงบนพื้น ปรากฏเป็นเด็กสาวรูปร่างสะโอดสะอง หน้าตางดงามหลายนาง มองดูแล้วเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มองไม่ออกสักนิดเลยว่านาทีก่อนนี้พวกนางยังเป็นคนกระดาษปึกหนึ่ง

มือเท้าของพวกนางคล่องแคล่วว่องไว พุ่งขึ้นไปบนเรือแล้วพากันขนกระดานไม้ที่ใช้ขึ้นเรือออกมาอย่างรวดเร็ว

สตรีร่างสูงโปร่งยิ้มกล่าว “เชิญคุณชายขึ้นเรือ”

เผยเฉียนมองตาไม่กะพริบ รู้สึกว่าวันหน้าตนก็ต้องมีสมบัติสองชิ้นอย่างเรือหอเรือนและยันต์แบบนี้เช่นกัน ต่อให้ต้องทุบหม้อขายเหล็กก็ต้องซื้อมาให้ได้ เพราะได้ครอบครองแล้วช่างมีหน้ามีตายิ่งนัก!

เฉินผิงอันตบศีรษะเผยเฉียนเบาๆ พานางเดินตามสตรีร่างสูงโปร่งขึ้นไปบนเรือด้วยกัน

ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คนมากมาย เรือหอเรือนลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ ทะยานลมล่องไปด้วยความไวสุดขีด พริบตาเดียวก็ไปไกลสิบกว่าลี้

ยืนอยู่บนเรือตระกูลเซียนของบรรพบุรุษจวนจื่อหยางลำนี้ ใต้ฝ่าเท้าก็คือแม่น้ำอวี้เจียงที่คดเคี้ยวทอดยาวเกือบพันลี้

เฉินผิงอันยืนอยู่ข้างราวรั้ว ทอดสายตามองภูเขาและแม่น้ำบนพื้นดินที่งดงามประหนึ่งภาพวาดไปพร้อมกับเผยเฉียน

อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็คิดถึงบ้านเกิด คิดถึงเขตการปกครอง อำเภอและตลาดของเมืองเล็กจำนวนมากระหว่างเส้นทางที่มุ่งไปสู่เขตการปกครองหลงเฉวียน รวมไปถึงภูเขาสวยแม่น้ำใสระหว่างทางที่เฉินผิงอันจดจำไว้ในใจได้อย่างแม่นยำ

แล้วก็นึกถึงคนบางคนของที่บ้านเกิด

ตอนนั้นในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ติดตามสารถีหม่าของโรงเรียนออกไปจากถ้ำสวรรค์หลีจู สุดท้ายหลี่ไหวกับหลินโส่วอีก็เลือกติดตามเฉินผิงอันและหลี่เป่าผิงมา

ต่งสุ่ยจิ่งกับสือชุนเจีย คนหนึ่งเลือกจะอยู่ต่อที่บ้านเกิด อีกคนหนึ่งติดตามครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองหลวง

อันที่จริงความทรงจำที่เฉินผิงอันมีต่อพวกเขาก็ดีมาก คนหนึ่งนิสัยซื่อสัตย์เรียบง่าย สาเหตุคงจะเป็นเพราะมีชาติกำเนิดคล้ายคลึงกัน ปีนั้นจึงทำให้เฉินผิงอันรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยด้วยมากที่สุด ส่วนอีกคนหนึ่งคือแม่นางน้อยมัดผมแกละที่นิสัยร่าเริงน่ารัก มองดูแล้วก็รู้ว่าฉลาดเฉลียวงดงาม

เฉินผิงอันไม่รู้สึกว่าการเลือกของพวกเขานั้นผิด

ส่วนลึกในใจของเฉินผิงอันหวังว่าภูเขาและแม่น้ำของบ้านเกิดยังคงเดิม ไม่ว่าจะคนอย่างต่งสุ่ยจิ่ง สือชุนเจียที่เลือกจะอยู่ต่อที่บ้านเกิด หรือคนอย่างพวกหลิวเสี้ยนหยาง กู้ช่านและจ้าวเหยาที่เดินทางออกไปจากบ้านเกิด หวังว่าในใจพวกเขาจะยังคงมีภูเขาเขียวน้ำใสของบ้านเกิดอยู่ดังเดิม

แน่นอนว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดครั้งนี้ เฉินผิงอันยังต้องไปเยือนจวนผีสาวสวมชุดแต่งงานที่แขวนป้ายอักษรคำว่าน้ำใสลมเย็นแห่งนั้นด้วย

กลับไปพูดคุยกับนางด้วยถ้อยคำที่ปีนั้นเก็บกลั้นไว้ในใจมานาน

……

ท่ามกลางแสงสนธยา ร้านเกี้ยวน้ำของต่งสุ่ยจิ่งแขวนป้ายปิดร้าน แต่กลับไม่ได้รีบร้อนปิดประตูหน้าร้านลง ค้าขายนานวันเข้าจึงรู้ว่าจะต้องมีผู้มีจิตศรัทธาบางส่วนที่ก่อนขึ้นเขาได้นัดหมายกับทางร้านไว้ก่อนแล้วว่าพอลงจากเขาแล้วจะมาซื้อเกี้ยวน้ำซึ่งจะต้องมาสายไปชั่วครู่ชั่วยาม ดังนั้นต่อให้ต่งสุ่ยจิ่งจะแขวนป้ายไม้ว่าร้านปิดแล้ว ก็ยังจะรออีกประมาณครึ่งชั่วยาม แต่สุยต่งจิ่งจะไม่ให้ลูกจ้างร้านสองคนที่เพิ่งจ้างมาใหม่มารอลูกค้าพร้อมกับเขาด้วย ถึงเวลานั้นหากมีลูกค้ามาเยือน ต่งสุ่ยจิ่งก็จะเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง ต่อให้ลูกจ้างร้านที่มีชาติกำเนิดยากจนทั้งสองคนจะอยากร่วมทุกข์ร่วมสุขไปพร้อมกับเถ้าแก่ ต่งสุ่ยจิ่งก็ไม่ยอม

ร้านขายเกี้ยวน้ำของต่งสุ่ยจิ่งเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ คนมีเงินมากมายที่มาสร้างจวนใหม่ขึ้นในเขตการปกครองหลงเฉวียนต่างก็เชื้อเชิญให้ต่งสุ่ยจิ่งไปเปิดร้านเพิ่มอีกสองร้านที่เขตการปกครอง เพียงแต่ว่าต่งสุ่ยจิ่งเอ่ยปฏิเสธไปอย่างละมุนละม่อม

นอกจากร้านเกี้ยวน้ำกึ่งกลางภูเขาที่บนยอดเขามีศาลเทพภูเขาแห่งนี้แล้ว เงินก้อนใหญ่ที่ปีนั้นต่งสุ่ยจิ่งได้จากการขายบ้านบรรพบุรุษหลังหนึ่งในเมืองเล็ก เขาก็ได้เอาไปซื้อบ้านครึ่งถนนที่เขตการปกครองแห่งใหม่ไว้ตั้งนานแล้ว นอกจากจะเก็บบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ บ้านหลังอื่นๆ ล้วนปล่อยให้เช่าทั้งหมด

หลังจบเรื่องต่งสุ่ยจิ่งถามคนผู้นั้นว่า เหตุใดลูกหลานที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลชั้นสูงอย่างนายอำเภอหยวนและผู้ตรวจการเฉาถึงไม่ปฏิเสธกำไรที่เล็กเท่าหัวแมลงวันนี้ ยกตัวอย่างเช่นกำไรปันผลของสามฝ่ายเมื่อปลายปีก่อน ต่งสุ่ยจิ่งได้เงินมาเจ็ดหมื่นตำลึงเงิน หยวนเฉาสองคนรวมกันได้มาแค่หนึ่งแสนสี่หมื่นตำลึงเท่านั้น เมื่อเทียบกับพ่อค้าในหมู่ชาวบ้านอาจถือว่าได้กำไรมหาศาล การแบ่งกำไรในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคงก็จริง แต่พอต่งสุ่ยจิ่งรับรู้ถึงกิจการใหญ่เบื้องหลังสองแซ่หยวนและเฉาคร่าวๆ แล้ว เขาคิดแล้วก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

คนผู้นั้นจึงบอกกับต่งสุ่ยจิ่งว่าการค้าขายใต้หล้านี้ นอกจากแบ่งเล็กใหญ่ รวยจนแล้ว ก็ยังแบ่งเป็นการค้าที่ได้เงินสกปรกกับกิจการที่สะอาดด้วย

ได้เงินก้อนใหญ่จากการค้าขายหัวขาดมาครอง ถือเป็นความสามารถ ได้เงินที่เป็นดั่งลำธารสายเล็กไหลยาวมาจากการค้าเล็กๆ ที่สะอาดก็ถือว่ามีฝีมือเช่นกัน แล้วนับประสาอะไรกับที่การค้าขายเล็กๆ หลายอย่าง เมื่อทำไปจนถึงขีดสุดแล้วก็จะมีโอกาสกลายเป็นช่องทางหาเงินที่แท้จริง กลายมาเป็นกิจการร้อยปีที่สามารถสร้างรากฐานของตระกูลให้แข็งแกร่งอย่างหนึ่ง

สุดท้ายคนผู้นั้นหยิบเงินเหรียญทองแดงธรรมดาเหรียญหนึ่งออกมาวางลงบนโต๊ะ ผลักมาตรงหน้าต่งสุ่ยจิ่งที่นั่งขอความรู้อยู่ตรงข้ามอย่างจริงใจ แล้วกล่าวว่า “ต่อให้เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภของใต้หล้าไพศาลอย่างสกุลหลิ่วแห่งธวัลทวีปก็ยังเริ่มสร้างตระกูลด้วยเงินเหรียญทองแดงเหรียญแรก เจ้าลองคิดดูให้ดีๆ”

แล้วเจ้าคนที่ยังคงพาดกระบี่ไว้ด้านหลังในแนวขวางผู้นั้นก็ทะยานจากไป บอกว่าจะไปเมืองหลวงต้าสุยสักรอบ หากโชคดีไม่แน่ว่าอาจจะได้พบกับบรรพาจารย์ของสำนักการค้า ผู้เฒ่าที่มองดูเหมือนหน้าเด็ก แต่เคยใช้วิชาอภินิหารใหญ่ผสานมรรคาลดระดับต้นไม้สูงเทียมฟ้าต้นหนึ่งลงมา ช่วงชิงความไว้วางใจจากใต้หล้า สุดท้ายก็ได้รับการยอมรับจากหลี่เซิ่ง

ต่งสุ่ยจิ่งครุ่นคิดอยู่นานถึงนึกขึ้นได้ว่าคนผู้นั้นกินเกี้ยวน้ำไปสองชามใหญ่ ดื่มเหล้าหมักข้าวไปหนึ่งไห สุดท้ายจ่ายด้วยเหรียญทองแดงแค่เหรียญเดียวแล้วก็เผ่นจากไป

แต่ครั้งนั้นต่งสุ่ยจิ่งที่เคยชินกับการทำการค้าแบบคิดเล็กคิดน้อยแล้วไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขาดทุน กลับกันยังรู้สึกว่าเขาได้กำไรด้วยซ้ำ

เกาเซวียนเห็นว่าต่งสุ่ยจิ่งที่กำลังดื่มเหล้าเหมือนความคิดจะล่องลอยไปไกลจึงยิ้มถามว่า “มีเรื่องในใจหรือ? ไม่สู้พูดออกมา ข้าช่วยอะไรไม่ได้ แต่ให้รับฟังคำบ่นจากเถ้าแก่ต่งสองสามคำกลับยังทำได้”

ต่งสุ่ยจิ่งส่ายหน้า พูดหยอกล้อว่า “คิดเรื่องในอนาคตไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรให้บ่นหรอก ทุกวันพอกลับไปถึงบ้านในเขตการปกครองก็เหนื่อยแทบตายแล้ว นับเงินเสร็จหัวถึงหมอนก็หลับทันที พอลืมตาก็เป็นวันใหม่แล้ว แล้วก็ต้องยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น”

เกาเซวียนพูดอย่างปลงอนิจจัง “อิจฉาเจ้าจริงๆ”

ต่งสุ่ยจิ่งพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเกาเซวียนแสร้งทำเป็นกลัดกลุ้มทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไร ทุกครอบครัวย่อมต้องมีคัมภีร์ที่อ่านยากอยู่หนึ่งเล่ม ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีเงินมากหรือน้อย ต่งสุ่ยจิ่งจึงไม่ได้รับคำ เพียงดื่มเหล้าหมักข้าวที่หมักเองหนึ่งอึก เหล้าของร้านเกี้ยวน้ำแห่งนี้ต่างก็ฉีกกระดาษแดงร้านตระกูลต่งทิ้งไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ง่ายที่จะก่อให้เกิดเรื่อง ทำให้ร้านเรียบง่ายที่ไว้ใช้อบรมขัดเกลาจิตใจกลายมาเป็นร้านที่เต็มไปด้วยมลพิษสกปรก ตอนนี้ตลอดทั้งเขตการปกครองหลงเฉวียนที่เทพเซียนแต่ละฝ่ายเป็นดั่งปลาและมังกรปะปนกันหลากหลาย คนที่รู้ว่าต่งสุ่ยจิ่งมีทรัพย์สมบัติมากน้อยแค่ไหนกลับยังคงมีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!