สตรีร่างสูงโปร่งที่เป็นบุตรสาวของเจียวเฒ่า และยังเป็นบรรพบุรุษผู้บุกเบิกขุนเขาจวนจื่อหยางยิ้มกล่าวว่า “ย่อมไม่ แต่ข้าหวังจริงๆ ว่าคุณชายเฉินจะไปพักอยู่ที่จวนจื่อหยางสักวันสองวัน ทัศนียภาพของที่นั่นไม่เลวเลยจริงๆ ผลผลิตพิเศษบางอย่างบนภูเขาก็พอจะเอาออกมาโอ้อวดคนอื่นได้ หากคุณชายเฉินไม่รับปาก ข้าก็ไม่ถูกบิดาและเทพขุนเขาตำหนิ แต่หากคุณชายเฉินยินดีให้เกียรตินี้แก่ข้า คุณความชอบเล็กๆ น้อยๆ นี้ของข้าย่อมถูกบิดาผู้แยกแยะการลงโทษและให้รางวัลอย่างชัดเจน และองค์เทพเว่ยจดจำไว้อย่างแน่นอน”
เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องรบกวนผู้อาวุโสสักวันสองวัน?”
สตรีร่างสูงโปร่งที่เป็นเผ่าพันธ์เจียวหลงแคว้นสู่โบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันหยิบเรือลำน้อยแกะสลักจากผลเถาเหอขนาดเท่านิ้วก้อยออกมาแล้วโยนลงบนพื้น ไอน้ำพลันแผ่อบอวล เรือน้อยกลายเป็นเรือสูงสามชั้นที่ล้อมรอบด้วยราวไม้แกะสลักและภาพวาด บรรจุผู้คนสี่สิบห้าสิบคนได้ไม่เป็นปัญหา ยังดีที่ขณะที่หญิงสาวโยนสมบัติอาคมเหอเถาแกะสลักชิ้นนี้ออกไป นางได้โบกชายแขนเสื้อผลักให้คนเดินเท้าบนถนนล่องลอยไปอยู่สองฝากฝั่งของถนนเบาๆ ก่อนแล้ว
ขณะเดียวกันนางก็หยิบยันต์ปึกหนึ่งที่สีสันไม่เหมือนกันออกมาจากชายแขนเสื้อ พอปล่อยมือยันต์ก็ร่วงลงบนพื้น ปรากฏเป็นเด็กสาวรูปร่างสะโอดสะอง หน้าตางดงามหลายนาง มองดูแล้วเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มองไม่ออกสักนิดเลยว่านาทีก่อนนี้พวกนางยังเป็นคนกระดาษปึกหนึ่ง
มือเท้าของพวกนางคล่องแคล่วว่องไว พุ่งขึ้นไปบนเรือแล้วพากันขนกระดานไม้ที่ใช้ขึ้นเรือออกมาอย่างรวดเร็ว
สตรีร่างสูงโปร่งยิ้มกล่าว “เชิญคุณชายขึ้นเรือ”
เผยเฉียนมองตาไม่กะพริบ รู้สึกว่าวันหน้าตนก็ต้องมีสมบัติสองชิ้นอย่างเรือหอเรือนและยันต์แบบนี้เช่นกัน ต่อให้ต้องทุบหม้อขายเหล็กก็ต้องซื้อมาให้ได้ เพราะได้ครอบครองแล้วช่างมีหน้ามีตายิ่งนัก!
เฉินผิงอันตบศีรษะเผยเฉียนเบาๆ พานางเดินตามสตรีร่างสูงโปร่งขึ้นไปบนเรือด้วยกัน
ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คนมากมาย เรือหอเรือนลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ ทะยานลมล่องไปด้วยความไวสุดขีด พริบตาเดียวก็ไปไกลสิบกว่าลี้
ยืนอยู่บนเรือตระกูลเซียนของบรรพบุรุษจวนจื่อหยางลำนี้ ใต้ฝ่าเท้าก็คือแม่น้ำอวี้เจียงที่คดเคี้ยวทอดยาวเกือบพันลี้
เฉินผิงอันยืนอยู่ข้างราวรั้ว ทอดสายตามองภูเขาและแม่น้ำบนพื้นดินที่งดงามประหนึ่งภาพวาดไปพร้อมกับเผยเฉียน
อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็คิดถึงบ้านเกิด คิดถึงเขตการปกครอง อำเภอและตลาดของเมืองเล็กจำนวนมากระหว่างเส้นทางที่มุ่งไปสู่เขตการปกครองหลงเฉวียน รวมไปถึงภูเขาสวยแม่น้ำใสระหว่างทางที่เฉินผิงอันจดจำไว้ในใจได้อย่างแม่นยำ
แล้วก็นึกถึงคนบางคนของที่บ้านเกิด
ตอนนั้นในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ติดตามสารถีหม่าของโรงเรียนออกไปจากถ้ำสวรรค์หลีจู สุดท้ายหลี่ไหวกับหลินโส่วอีก็เลือกติดตามเฉินผิงอันและหลี่เป่าผิงมา
ต่งสุ่ยจิ่งกับสือชุนเจีย คนหนึ่งเลือกจะอยู่ต่อที่บ้านเกิด อีกคนหนึ่งติดตามครอบครัวย้ายไปอยู่เมืองหลวง
อันที่จริงความทรงจำที่เฉินผิงอันมีต่อพวกเขาก็ดีมาก คนหนึ่งนิสัยซื่อสัตย์เรียบง่าย สาเหตุคงจะเป็นเพราะมีชาติกำเนิดคล้ายคลึงกัน ปีนั้นจึงทำให้เฉินผิงอันรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยด้วยมากที่สุด ส่วนอีกคนหนึ่งคือแม่นางน้อยมัดผมแกละที่นิสัยร่าเริงน่ารัก มองดูแล้วก็รู้ว่าฉลาดเฉลียวงดงาม
เฉินผิงอันไม่รู้สึกว่าการเลือกของพวกเขานั้นผิด
ส่วนลึกในใจของเฉินผิงอันหวังว่าภูเขาและแม่น้ำของบ้านเกิดยังคงเดิม ไม่ว่าจะคนอย่างต่งสุ่ยจิ่ง สือชุนเจียที่เลือกจะอยู่ต่อที่บ้านเกิด หรือคนอย่างพวกหลิวเสี้ยนหยาง กู้ช่านและจ้าวเหยาที่เดินทางออกไปจากบ้านเกิด หวังว่าในใจพวกเขาจะยังคงมีภูเขาเขียวน้ำใสของบ้านเกิดอยู่ดังเดิม
แน่นอนว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดครั้งนี้ เฉินผิงอันยังต้องไปเยือนจวนผีสาวสวมชุดแต่งงานที่แขวนป้ายอักษรคำว่าน้ำใสลมเย็นแห่งนั้นด้วย
กลับไปพูดคุยกับนางด้วยถ้อยคำที่ปีนั้นเก็บกลั้นไว้ในใจมานาน
……
ท่ามกลางแสงสนธยา ร้านเกี้ยวน้ำของต่งสุ่ยจิ่งแขวนป้ายปิดร้าน แต่กลับไม่ได้รีบร้อนปิดประตูหน้าร้านลง ค้าขายนานวันเข้าจึงรู้ว่าจะต้องมีผู้มีจิตศรัทธาบางส่วนที่ก่อนขึ้นเขาได้นัดหมายกับทางร้านไว้ก่อนแล้วว่าพอลงจากเขาแล้วจะมาซื้อเกี้ยวน้ำซึ่งจะต้องมาสายไปชั่วครู่ชั่วยาม ดังนั้นต่อให้ต่งสุ่ยจิ่งจะแขวนป้ายไม้ว่าร้านปิดแล้ว ก็ยังจะรออีกประมาณครึ่งชั่วยาม แต่สุยต่งจิ่งจะไม่ให้ลูกจ้างร้านสองคนที่เพิ่งจ้างมาใหม่มารอลูกค้าพร้อมกับเขาด้วย ถึงเวลานั้นหากมีลูกค้ามาเยือน ต่งสุ่ยจิ่งก็จะเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง ต่อให้ลูกจ้างร้านที่มีชาติกำเนิดยากจนทั้งสองคนจะอยากร่วมทุกข์ร่วมสุขไปพร้อมกับเถ้าแก่ ต่งสุ่ยจิ่งก็ไม่ยอม
ร้านขายเกี้ยวน้ำของต่งสุ่ยจิ่งเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ คนมีเงินมากมายที่มาสร้างจวนใหม่ขึ้นในเขตการปกครองหลงเฉวียนต่างก็เชื้อเชิญให้ต่งสุ่ยจิ่งไปเปิดร้านเพิ่มอีกสองร้านที่เขตการปกครอง เพียงแต่ว่าต่งสุ่ยจิ่งเอ่ยปฏิเสธไปอย่างละมุนละม่อม
นอกจากร้านเกี้ยวน้ำกึ่งกลางภูเขาที่บนยอดเขามีศาลเทพภูเขาแห่งนี้แล้ว เงินก้อนใหญ่ที่ปีนั้นต่งสุ่ยจิ่งได้จากการขายบ้านบรรพบุรุษหลังหนึ่งในเมืองเล็ก เขาก็ได้เอาไปซื้อบ้านครึ่งถนนที่เขตการปกครองแห่งใหม่ไว้ตั้งนานแล้ว นอกจากจะเก็บบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ บ้านหลังอื่นๆ ล้วนปล่อยให้เช่าทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!