กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 421

เส้นทางกลับบ้านเกิดจากเมืองหลวงต้าสุยไปยังเขตการปกครองหลงเฉวียนต้าหลี เฉินผิงอันคุ้นเคยอย่างถึงที่สุด

เขายังคงพยายามเลือกทางสายเล็กในป่าเขา รอบกายไร้ผู้คน นอกจากจะฝึกเดินท่าฟ้าดินแล้ว ทุกวันยังจะต้องขอให้จูเหลี่ยนช่วยป้อนหมัด ยิ่งต่อยก็ยิ่งเอาจริงเอาจัง จากที่จูเหลี่ยนสะกดขอบเขตไว้ที่ขอบเขตหก ถึงท้ายที่สุดก็ไปถึงขอบเขตเจ็ดขั้นสูงสุด ความเคลื่อนไหวยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที ทำเอาเผยเฉียนเป็นกังวลอย่างยิ่ง หากอาจารย์ไม่ได้สวมชุดคลุมอาคมจินหลี่ตัวนั้น จะต้องเสียเงินค่าเสื้อผ้าอย่างสิ้นเปลืองไปมากน้อยเท่าไหรกันนะ? การประมือกันในครั้งแรก เฉินผิงอันสู้ไปได้ครึ่งทางก็บอกให้หยุด ที่แท้รองเท้าหุ้มแข้งของเขาก็ทะลุเป็นรูโหว่ ได้แต่ถอดรองเท้า ใช้เท้าเปล่ามาประมือกับจูเหลี่ยน

หลังออกมาพ้นอาณาบริเวณของต้าสุย เฉินผิงอันก็กลับมาสวมรองเท้าสาน ทำเอาเผยเฉียนชอบอกชอบใจ จากนั้นเฉินผิงอันก็ทำให้นางหนึ่งคู่ เจ้าถ่านดำน้อยกลับยิ้มไม่ออกแล้ว รองเท้าสานแน่นหนา อันที่จริงเหมาะกับการขึ้นเขาลงห้วยยิ่งกว่าสวมรองเท้าหุ้มแข้งทั่วไปเสียอีก แต่ถึงอย่างไรมันก็เสียดสีให้เท้าเป็นตุ่มพอง ยังดีที่เฉินผิงอันไม่ได้ยืนกรานให้เผยเฉียนสวมใส่อยู่ตลอด ตอนที่เผยเฉียนเอาเข็มเจาะตุ่มน้ำพองที่ใต้ฝ่าเท้า จูเหลี่ยนก็คอยพูดจาเหน็บแนมอยู่ด้านข้าง หนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กคู่นี้เคยชินที่จะโต้คารมกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว

ตอนนั้นเฉินผิงอันนั่งอยู่ริมลำธาร ถอดรองเท้าสาน เหยียบลงในน้ำ ความคิดล่องลอยไปไกล

ไม่ใช่ว่าใกล้ถึงบ้านเกิดแล้วกลับรู้สึกขลาดกลัว แต่เมื่อเทียบกับการเดินทางหวนคืนสู่บ้านเกิดในครั้งแรกแล้วกลับมีความห่วงพะวงเพิ่มขึ้นมามากกว่าเก่า บ้านบรรพบุรุษในตรอกหนีผิง เรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว เรื่องที่ขอให้เว่ยป้อช่วยซื้อภูเขาให้ กิจการของสองร้านในตรอกฉีหลง การซ่อมแซมเทวรูปของพระโพธิสัตว์ดินเผาและเทพสวรรค์ในสุสานเทพเซียน เรื่องมากมายหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไม่ได้คิดถึงมากนัก เวลานี้กลับมักจะผุดขึ้นมาในใจ และก็วางแผนไว้ว่าหลังกลับไปถึงเขตการปกครองหลงเฉวียนแล้วก็ค่อยไปเยี่ยมหากู้ช่านที่ทะเลสาบเจี่ยนหู แล้วค่อยไปเยี่ยมสองสามีภรรยาและหญิงชราที่มีฝีมือทำอาหารเลิศล้ำของแคว้นไฉ่อี ยังมีอริยะกระบี่ซ่งอวี่เซาแห่งแคว้นซูสุ่ยที่ต้องไปพบหน้า เลี้ยงหม้อไฟคืนผู้อาวุโสหนึ่งมื้อ แล้วเฉินผิงอันก็อยากจะโอ้อวดกับผู้เฒ่าด้วยว่า แม่นางที่ตนรักก็ชอบตนเหมือนกัน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผู้อาวุโสซ่งกล่าวไว้

ความสง่างามองอาจเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของปัญญาชนจากบนร่างของชุยตงซาน ลู่ไถ หรือแม้แต่หลิ่วชิงซานแห่งสวนสิงโต แน่นอนว่าเฉินผิงอันเลื่อมใสและปรารถนาอย่างยิ่งว่าตัวเองจะเป็นเหมือนพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เฉินผิงอันคิดแต่จะโอนเอียงเข้าหาพวกเขาถ่ายเดียว

นี่เรียกว่าได้ใหม่ไม่ลืมเก่า ดังนั้นจึงสามารถสะสมทรัพย์สมบัติได้มากขึ้นเรื่อยๆ

เฉินผิงอันรู้สึกว่านี่เป็นนิสัยที่ดี เหมือนพรสวรรค์ด้านการตั้งชื่อของเขาที่เป็น ‘เรื่องถนัด’ เพียงไม่กี่หยิบมือซึ่งทำให้เฉินผิงอันอดลำพองใจน้อยๆ ไม่ได้

เฉินผิงอันพลันหันหน้ามาพูดกับเผยเฉียน “วันหน้าเมื่อเจ้ากับพวกหลี่ไหวออกท่องยุทธภพด้วยกัน ไม่ต้องบังคับควบคุมตัวเองมากเกินไป แล้วก็ไม่ต้องเลียนแบบข้าไปเสียทุกเรื่อง”

เผยเฉียนกล่าวอย่างเขินๆ “ข้าก็อยากเลียนแบบอาจารย์อยู่หรอกนะ แต่เลียนแบบแล้วก็ไม่เห็นเหมือนสักที”

จูเหลี่ยนยิ้มกล่าว “เผยเฉียนเอ๋ย วันหน้าข้าจะแต่งผลงานชิ้นเอกด้านการประจบสอพลอมาเรื่องหนึ่ง ต้องขายได้เงินดีในยุทธภพแน่นอน ถึงเวลานั้นเงินที่ได้มา ข้าจะเอามาแบ่งให้เจ้า”

เผยเฉียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ห้ามกลับคำนะ พวกเราแบ่งกันคนละครึ่ง!”

จูเหลี่ยนยื่นนิ้วมาชี้หน้าเผยเฉียน “เจ้านี่นะ ชีวิตนี้เห็นแต่เงิน คงปีนออกมาจากบ่อเงินไม่ได้แล้ว”

เผยเฉียนโคลงศีรษะแลบลิ้นปลิ้นตาเลียนแบบหลี่ไหว “ไม่ฟังๆ ตะพาบท่องคัมภีร์”

เฉินผิงอันยิ้มอย่างเข้าใจ “ได้ยินหลี่ไหวเล่าให้ฟังว่า พวกเจ้าตัดสินใจแล้วว่าวันหน้าจะไปขุดหาสมบัติด้วยกัน?”

จูเหลี่ยนเอ่ยสัพยอก “โอ้โห คู่รักเทพเซียนหรือนี่ อายุน้อยแค่นี้ก็ตัดสินใจเรื่องใหญ่ในชีวิตกันเองแล้วหรือ?”

เผยเฉียนกล่าวอย่างขุ่นเคือง “ข้ากับหลี่ไหวคือสหายในยุทธภพที่ถูกชะตากัน ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อะไรทั้งนั้น พ่อครัวเฒ่าเจ้าพูดจาน่าเกลียดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ!”

จากนั้นเผยเฉียนก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างว่องไว หันมายิ้มพูดกับเฉินผิงอันว่า “อาจารย์ ท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจะเห็นคนอื่นดีกว่าคนกันเอง ข้าไม่ใช่สตรีในยุทธภพประเภทที่ว่าเห็นบุรุษก็หน้ามืดตามัว สมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่ข้ากับหลี่ไหวขุดเจอร่วมกัน ข้าตกลงกับเขาไว้แล้วว่าจะแบ่งเท่ากัน ถึงเวลานั้นส่วนที่เป็นของข้าต้องเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของอาจารย์ทั้งหมดแน่นอน”

เฉินผิงอันเพียงยิ้มรับ

หลังจากนั้นคนทั้งกลุ่มก็เดินทางมาถึงเขตการปกครองของแคว้นหวงถิงได้อย่างราบรื่น ตรงริมตลิ่งแม่น้ำอวี้เจียง เวลานั้นเฉินผิงอันกับชุยตงซานจับคู่กันเดินทางมาถึงที่นี่ ได้พบกับผู้ฝึกกระบี่หลายคนที่ขี่กระบี่ผ่านถนนหนทางจนเกิดความโกลาหลไก่บินหมากระโดด ตอนนั้นเฉินผิงอันไม่ได้ขัดขวาง เนื่องด้วยศักยภาพของตนในเวลานั้นไม่อาจเข้าไปยุ่งได้ จึงได้แต่มองดูดายเท่านั้น

ยังคงเป็นประโยคเก่าแก่ประโยคนั้น วัดเล็กลมปีศาจใหญ่

ไม่พูดถึงพื้นที่ทางใต้ของต้าหลี ลำพังแค่อาณาเขตของแคว้นต้าสุยและเมืองหลวงแคว้นชิงหลวน ก็ดูเหมือนว่าผู้ฝึกลมปราณจะไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานถึงขนาดนั้น

กลับเป็นเขตการปกครองใหญ่ที่อยู่ในอาณัติของแคว้นเล็กๆ เสียอีกที่เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลและผู้ฝึกตนอิสระต่างก็โอหังอวดดีกันมาก แม้แต่ชาวบ้านก็ยังได้รับความเดือดร้อนไปด้วย หลังจบเรื่องก็ได้แต่ทำใจยอมรับว่าตัวเองดวงซวยเอง เนื่องด้วยไม่อาจทวงคืนความยุติธรรมจากที่ใดได้ ทางราชสำนักก็ไม่สนใจ เพราะต้องเหนื่อยยากแต่ไม่ได้อะไรดีๆ กลับคืนมา ที่ว่าการของท้องถิ่นก็ไม่กล้ายุ่ง ต่อให้มีผู้ผดุงคุณธรรมที่เป็นเดือดเป็นแค้นก็ยังมีแต่ใจไร้กำลัง

และในเขตการปกครองแห่งนี้ ชุยตงซานได้กำราบเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่ถูกบ่มเพาะมาจากปราณบุ๋นในหอเก็บตำราของสกุลเฉาจือหลันซึ่งร่างจริงคืองูเหลือมไฟ และยังมีเด็กชายชุดเขียวที่มีอำนาจบารมีอยู่ในอาณาเขตของเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียง

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูถือเป็น ‘จิตวิญญาณบุ๋น’ ที่ถือกำเนิดเพราะถูกบ่มเพาะมาจากบทกวีที่ติดปากเป็นที่นิยม หรือบทความที่มีชื่อเสียงของโลก ส่วนเด็กชายชุดเขียวนั้น ตามคำบอกของเว่ยป้อที่เขียนไว้ในจดหมาย ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับลู่เฉิน เป็นเหตุให้เจ้าลัทธิเต๋าที่ทุกวันนี้รับผิดชอบเฝ้าพิทักษ์ป๋ายอวี้จิงคิดอยากจะพาเด็กชายชุดเขียวไปที่ใต้หล้ามืดสลัวด้วยกัน เพียงแต่เด็กชายชุดเขียวไม่ยอมตกลง ลู่เฉินจึงทิ้งเมล็ดพันธ์บัวทองเมล็ดนั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ขอร้องเฉินผิงอันว่าในอนาคตจะต้องช่วยให้งูน้ำอย่างเด็กชายชุดเขียวผู้นี้ลงน้ำกลายเป็นมังกรที่อุตรกุรุทวีปให้ได้

เฉินผิงอันไม่มีความเห็นต่างกับเรื่องนี้ ถึงขั้นไม่มีความสงสัยอะไรมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!