ฮูหยินเซียวหลวนสี่คนนั่งลงประจำตำแหน่ง และที่นั่งของพวกนางก็อยู่ติดกับธรณีประตูใหญ่ของโถงเซวี่ยหมางจริงๆ เหมาะแก่การชมทัศนียภาพนอกประตูอย่างยิ่ง
สาวใช้ประจำตัวของฮูหยินเซียวหลวน นางที่ภูตผีพรายน้ำทั้งหมดในเขตการปกครองแม่น้ำป๋ายกู่ซึ่งกินอาณาเขตแปดร้อยลี้ล้วนพากันเรียกขานอย่างยกย่องว่าเทพน้ำน้อย เมื่อมาอยู่ที่จวนจื่อหยางกลับไม่มีแม้แต่ที่นั่ง
สาวใช้จึงได้แต่ยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินเซียวหลวน สีหน้านิ่งสนิทดุจน้ำค้างแข็ง
นับตั้งแต่จมน้ำตายกลายมาเป็นผีพราย ระยะเวลาสองร้อยปี จากทูตลาดตระเวนของจวนเทพวารีป๋ายกู่ที่ฮูหยินเซียวหลวนช่วยเลื่อนตำแหนงให้ทีละก้าว ภูตผีปีศาจและผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างทุกคนที่อาละวาดก่อกวนในอาณาเขต นางสามารถสังหารก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง เคยหรือที่จะถูกหมิ่นเกียรติเช่นนี้ การมาเยือนจวนจื่อหยางครั้งนี้ นับว่าความมีหน้ามีตาที่นางสะสมมาสองร้อยกว่าปีล้วนถูกโยนทิ้งลงพื้นทั้งหมด ถึงอย่างไรอยู่ในจวนจื่อหยางแห่งนี้ก็อย่าหวังว่าจะเก็บกลับคืนมาได้
ยังดีที่นางติดตามอยู่ข้างกายฮูหยินเซียวหลวนมานานจึงถูกกล่อมเกลาให้รู้จักหนักเบา ไม่จำเป็นต้องให้ฮูหยินเตือน นางก็ก้มหน้าหลุบตาลงต่ำอยู่ก่อนแล้ว พยายามทำให้สีหน้าของตัวเองดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่กล้าเผยความไม่พอใจออกมาแม้แต่เสี้ยวเดียว ก่อนหน้านี้หลังจากฮูหยินพูดคุยธุระสำคัญกับหวงฉู่เจ้าประมุขคนปัจจุบันของจวนจื่อหยางเรียบร้อยแล้ว อารมณ์ของฮูหยินก็ยังคงไม่ผ่อนคลาย นางเอ่ยเตือนพวกเขาสี่คนว่า หากยังไม่โดยสารเรือกลับไปถึงจวนเทพวารีก็ยังมีโอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นขอให้ทุกคนโปรดอดทนกันอีกนิด
ตอนนั้นฮูหยินเซียวหลวนค่อนข้างละอายใจ สีหน้าทุกข์ตรม ในคำพูดของนางถึงขั้นแฝงไว้ด้วยแวววิงวอนขอร้องเสี้ยวหนึ่ง ทำเอาสาวใช้ปวดแปลบในใจ เกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม การแต่งกายหรือท่านั่งของฮูหยินเซียวหลวนก็แทบไม่มีข้อตำหนิ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่หม่นหมองไม่แจ่มใส
นางสามารถเฝ้าบัญชาการณ์แม่น้ำป๋ายกู่ ใช้แผนกลยุทธทางการเมืองขยายแม่น้ำป๋ายกู่ที่แต่เดิมมีแค่หกร้อยลี้ให้ยาวไปเกือบเก้าร้อยลี้ อำนาจใหญ่ที่นางกุมไว้ในมือเหนือกว่าขุนนางใหญ่ในแคว้นศักดินาของราชสำนักในโลกมนุษย์เสียอีก มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขาหลายแห่งของแคว้นหวงถิง รวมไปถึงปรมาจารย์ใหญ่วิถีวรยุทธ์อย่างซุนเติงเซียน แน่นอนว่าไม่ได้อาศัยแค่การรบราฆ่าฟันอย่างเดียวเท่านั้น
นางคือคนกลุ่มแรกในสองกลุ่มที่เดินก้าวเข้ามาในโถงจัดงานเลี้ยง ห้องโถงที่อัดเต็มไปด้วยโต๊ะที่นั่ง มีเทพเซียนมารวมตัวกันอยู่เนืองแน่น มีเพียงตำแหน่งสองแห่งเท่านั้นที่ว่างเปล่า แขกจากจวนเทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่ที่รวมถึงตัวนางด้วยนั้น ในเมื่อได้รับแจ้งมาแต่แรกแล้วว่าที่นั่งคือตำแหน่งห่างไกลใกล้กับธรณีประตูมากที่สุด ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งฝั่งซ้ายมือที่สูงศักดิ์ที่สุดซึ่งรองลงมาจากตำแหน่งประธานที่เว้นว่างอยู่จะเก็บไว้ให้ใคร ฮูหยินเซียวหลวนแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว
แล้วก็จริงดังคาด เห็นว่าเฉินผิงอันเดินเข้ามาในโถงเซวี่ยหมาง อู๋อี้ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธานอย่างเกียจคร้าน บรรพบุรุษบุกเบิกขุนเขาของจวนจื่อหยางที่ไม่แม้แต่จะปรายตามองหน้าฮูหยินเซียวหลวน
กลับลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม เดินลงมาจากบันได ตรงรี่เข้าหาพวกเฉินผิงอัน คล้องแขนเฉินผิงอันไว้แล้วพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “คุณชายเฉินยังไม่มาถึงโถงเซวี่ยหมาง พวกเราก็ไม่กล้าเริ่มงานเลี้ยงก่อนโดยพลการ”
เฉินผิงอันที่ปณิธานหมัดทั่วร่างผสานรวมกันอย่างเป็นธรรมชาติ อยู่ดีๆ แขนกลับถูกสตรีแปลกหน้าคล้องไว้พลันตัวแข็งทื่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วก็ไม่อาจปฏิเสธท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมของอู๋อี้ต่อหน้าทุกคนที่กำลังจับตามองได้ จึงรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่ง
ผู้ฝึกตนใหญ่ของจวนจื่อหยางซึ่งรวมถึงเจ้าประมุขหวงฉู่ แต่ละคนจิตใจไหวเอนไม่หยุดนิ่ง ยิ่งรู้สึกว่าคนหนุ่มแปลกหน้าแซ่เฉินผู้นี้ อาจจะเป็นคู่รักของบรรพจารย์ แต่ความเป็นไปได้ข้อนี้มีไม่มากเลยจริงๆ ถึงอย่างไรนับตั้งแต่ที่บรรพจารย์สร้างจวนจื่อหยางขึ้นมาก็ไม่เคยมีคู่บำเพ็ญตนมาก่อน บรรพจารย์หลงใหลอยู่กับมหามรรคา สำหรับความรักฉันท์ชายหญิงแล้ว นางไม่เคยมีความสนใจ หรือว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์สกุลซ่งต้าหลีบางคนที่เดินทางท่องเที่ยวมาถึงที่นี่?
หาไม่แล้วการแสดงออกแต่ละอย่างของอู๋อี้ในงานเลี้ยงครั้งนี้ก็ออกจะผิดแผกแปลกประหลาดเกินไปหน่อย
โชคดีที่หลังจากอู๋อี้พาเฉินผิงอันมาถึงที่นั่งแล้ว นางก็ปล่อยมือออกอย่างเป็นธรรมชาติ เดินตรงไปที่ตำแหน่งประธานแล้วนั่งลง ยังคงมีท่าทางโปรดปรานใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉินผิงอันดังเดิม พูดด้วยเสียงอันดังว่า “คุณชายเฉิน อย่างอื่นในจวนจื่อหยางของเราไม่ต้องพูดถึง ทว่าเหล้าเจียวเฒ่าน้ำลายสอนี้มีชื่อเสียงระบือไกลไปสี่ทิศ ไม่ใช่แค่คำยกยอโอ้อวดตนเองเท่านั้น ต่อให้เป็นฮ่องเต้สกุลเกาเกอหยางต้าสุยก็ยังเคยมาขอร้องสกุลหงแคว้นหวงถิงเป็นการส่วนตัวว่าขอให้จวนจื่อหยางของพวกเราส่งไปให้ปีละหกสิบไห ตอนนี้เหล้าเตรียมมาวางรอไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เมื่อดื่มหมดแล้วจะมีคนยกมาเติมให้ใหม่ จะไม่มีทางปล่อยให้ถ้วยเหล้าเบื้องหน้าใครว่างเปล่าเด็ดขาด ทุกท่านเชิญดื่มให้เต็มที่ คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ!”
ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตางดงามหลายสิบคนของจวนจื่อหยาง สาวใช้ที่ทำหน้าที่ยกสุราวางอาหารสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสใหม่เอี่ยมเดินกรูกันออกมาจากสองฝากฝั่งของโถงเซวี่ยหมาง ประหนึ่งผีเสื้อหลากหลายสีสันกางปีกบิน สดใสสะดุดตายิ่งนัก
อู๋อี้ลุกขึ้นยืนแล้วชูจอกหล้าขึ้น “จอกแรกนี้ขอดื่มคารวะให้คุณชายเฉินที่มาเยือนจวนจื่อหยางของพวกเรา ทำให้จวนของพวกเราสว่างสดใสเรืองรองขึ้นอีกหลายเท่า!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็ได้แต่ลุกขึ้นยืนตามไปด้วย พร้อมใจกันชูจอกเหล้า หันไปดื่มคารวะให้กับเฉินผิงอัน
ในแคว้นหวงถิง นี่เรียกว่าหน้าใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้า
เกรงว่าต่อให้ฮ่องเต้สกุลหงเสด็จมาเยือนตำหนักจื่อชี่ด้วยตัวเองก็ยังไม่แน่เสมอไปว่าจะทำให้อู๋อี้เอ่ยประโยคเช่นนี้ได้
หลังจากที่พวกเฉินผิงอันนั่งประจำที่แล้ว ซุนเติงเซียนยังไม่ทันคืนสติ นั่งเหม่ออยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง ยังดีที่ถูกสหายเหยียบเท้าหนึ่งที ถึงได้รีบร้อนลุกขึ้นยืน
เฉินผิงอันได้แต่เอ่ยขอบคุณแล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมด
โต๊ะตัวเล็กจิ๋วกะทัดรัดที่วางอยู่ด้านหน้าเผยเฉียนก็มีเหล้าเจียวเฒ่าน้ำลายสอวางไว้สองกาเช่นกัน แต่ทางจวนจื่อหยางเอาใจใส่ดีเยี่ยม เตรียมเหล้าผลไม้รสชาติหอมหวานสดชื่นไว้ให้แม่หนูน้อยกาหนึ่ง ทำให้เผยเฉียนที่ลุกขึ้นยืนชูจอกเหล้าเบิกบานใจสุดขีด
จวนจื่อหยางเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ
เผยเฉียนตัดสินใจแล้วว่าวันหน้านางจะต้องพร่ำพูดอยู่ข้างหูอาจารย์ว่าให้มาเป็นแขกที่จวนจื่อหยางบ่อยๆ แม้ว่าอู๋อี้ผู้นี้จะหน้าตาไม่งดงามนัก เมื่อเทียบกับหวงถิงหรือเหยาจิ้นจือแล้วจะดูป่าเถื่อนกว่าเยอะมาก แต่กลับนิสัยดี ต้อนรับแขกอย่างกระตือรือร้น หาข้อบกพร่องไม่ได้แม้แต่น้อย! ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องให้อาจารย์แต่งนางเข้าบ้านมาเป็นอาจารย์แม่ของนาง หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่สำคัญหรอก
หลังจากนั้นอู๋อี้กลับไม่ได้ใส่ใจเฉินผิงอันมากนัก ปล่อยให้งานเลี้ยงดำเนินไปเหมือนการฉลองของตระกูลเซียนบนภูเขาธรรมดาเท่านั้น
อาหารเลิศรสหลากหลายสีสันที่หายากล้ำค่าซึ่งถูกยกมาด้วยมือของผู้ฝึกตนหญิงเรือนกายสะโอดสะองดุจผีเสื้อหลากสีพากันเปล่งประกายแสงตัดสลับละลานตาอยู่ในโถงเซวี่ยหมาง
ไม่เสียแรงที่เจ้าประมุขหวงฉู่คือมือวางอันดับสองของจวนจื่อหยางที่รับผิดชอบเป็นหน้าเป็นตาให้ทางสำนัก เขาเป็นคนที่รู้จักพูด ในงานนี้ก็เป็นคนนำขบวนดื่มคารวะอู๋อี้ เอ่ยประโยคน่าฟังที่ไหลรื่นดุจไข่มุก พาให้คนทั้งห้องโถงกู่ร้องชอบใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!