อู๋อี้ที่มองประเมินเฉินผิงอันอีกครั้งหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปมองเทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่ที่ยังไม่กล้านั่งแล้วผงกศีรษะให้ “สุราคารวะดื่มแล้ว สุราลงทัณฑ์ก็ดื่มไปไม่น้อย ดีมาก ไม่ใช่คนบ้านเดียวกันไม่เข้าบ้านหลังเดียวกัน วันหน้าจวนเทพวารีของพวกเจ้าก็ถือว่าเป็นญาติกับจวนจื่อหยางของพวกเราครึ่งตัวแล้ว ยามถึงช่วงเทศกาลหรือปีใหม่ก็จำไว้ว่ามาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ แต่ข้าคงต้องขอเตือนฮูหยินเซียวหลวนสักคำว่า วันนี้ที่เจ้ามีโอกาสนี้ล้วนเป็นคุณความชอบของคุณชายเฉิน ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยรึ?”
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินเซียวหลวนผู้นั้นย่ำแย่เต็มที ลมหายใจของนางถี่กระชั้นจนเกิดเป็นทัศนียภาพที่เทือกเขาสลับสล้างขึ้นลง แต่ก็ยังเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สมควรต้องทำอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าจะดื่มอีกหนึ่งไห ก็อย่างที่ต้งหลิงหยวนจวินกล่าวไว้ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ไม่เมาไม่กลับ! ข้าเซียวหลวนล้วนไม่กล้าผิดต่อฤกษ์งาม ทัศนียภาพน่ามอง สุราเลิศรสและวีรบุรุษ หวังเพียงว่าถึงเวลานั้นหากข้าเมามายแล้วเสียกิริยา หยวนจวินจะไม่หัวเราะเยาะ…”
ระหว่างที่พูดเซียวหลวนก็ยกเหล้าขึ้นมาอีกไห นิ้วที่แกะผนึกดินสั่นเบาๆ อย่างเห็นได้ชัด
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน หยิบจอกเหล้ามาไว้ในมือ มองไหเหล้าในมือของเจ้าแม่เทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่ที่อยู่ห่างไปตรงหน้าประตู พอก้มลงมองจอกเหล้าในมือของตัวเองก็หันไปหาอู๋อี้ที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน ยิ้มกล่าวว่า “หยวนจวิน ข้าดื่มเหล้าไม่เก่ง ไม่สู้ให้ทั้งข้าและเจ้าแม่เทพวารีดื่มกันคนละจอกดีไหม? ไม่อย่างนั้นหากข้าดื่มหนึ่งจอก แต่เจ้าแม่เทพวารีกลับดื่มหนึ่งไห ตามเหตุตามผลแล้วล้วนเป็นข้าที่ทำไม่ถูก วันหน้าหากต้องมารบกวนจวนจื่อหยางอีกครั้ง ยามที่เดินทางผ่านจวนเทพวารีจะได้ไม่ถึงขั้นไม่กล้าไปเยี่ยมเยียนเจ้าแม่เทพวารี”
สายตาของอู๋อี้มืดลึก แกว่งกาเหล้า ยิ้มกล่าวว่า “คุณชายเฉิน แบบนั้นไม่ได้หรอก เซียวหลวนคารวะข้าสามไห แต่กลับดื่มให้คุณชายแค่จอกเดียว แบบนี้จะนับได้อย่างไร ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทำไม หรือคุณชายเฉินเกิดมีใจนึกรักหยกถนอมบุปผาขึ้นมา? หากเป็นเช่นนั้นก็บังเอิญเลย ใช้สุราเป็นสื่อ ฮูหยินเซียวหลวนของเราอยู่ตัวคนเดียวมานานหลายปีแล้ว คุณชายเฉินผิงอันเองก็เป็นมังกรในกลุ่มคน…”
เฉินผิงอันรีบตัดบทคำพูดของอู๋อี้ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งออกทะเลไปไกล หิ้วไหเหล้าขึ้นมา แกะผนึกดินออก พูดคล้ายขอร้องอู๋อี้ “หยวนจวิน ข้าพูดสู้ท่านไม่ได้ ข้าเองก็น้อมรับการลงโทษ ดื่มสุราลงทัณฑ์ครึ่งไห ที่เหลืออีกครึ่งไหก็ถือซะว่าข้าคารวะเจ้าแม่เทพวารีกลับคืนแล้วกัน”
อู๋อี้พลันหัวเราะเสียงดังลั่น
ดังนั้นในโถงเซวี่ยหมางจึงมีเสียงหัวเราะสะเทือนฟ้าดังขึ้นมาอีกครั้ง
เฉินผิงอันหันหน้าเข้าหาตำแหน่งประธาน ดื่มหมดรวดเดียวครึ่งไห จากนั้นก็หันหน้าไปทางฮูหยินเซียวหลวน ชูไหเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งกาขึ้นสูง “คารวะเจ้าแม่เทพวารี”
ฮูหยินเซียวหลวนกระดกดื่มสุราหมดไหอีกครั้ง
คราวนี้นางไม่มัวรักษามารยาทอีก รีบนั่งลง หันหน้ากลับไปใช้หลังมืออุดปากไว้แน่น
หลังจากเรื่องวิวาทผ่านไป งานเลี้ยงก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
ผู้ฝึกตนสาวที่สวมชุดสีสันงดงามยุ่งวุ่นวายไม่หยุดมือ
มีคนเริ่มลุกออกจากที่นั่งเพื่อมาดื่มคารวะกันและกันแล้ว
ถึงอย่างไรในจวนจื่อหยางตอนนี้ก็มีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางมารวมตัวกัน ในจำนวนนี้มีคนไม่น้อยที่เร่งรุดเดินทางมาจากจวนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับจวนจื่อหยาง ผู้ฝึกตนสองขอบเขตอย่างชมมหาสมุทรและประตูมังกรพิถีพิถันในเรื่องน้ำหยดลงหินมากที่สุด ผู้ฝึกตนที่เรียกได้ว่าฝึกบำเพ็ญตนจนประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงประเภทนี้ หากไม่ได้พบหน้ากันสิบกว่าปีหรือหลายสิบปีก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก หากไปถึงขอบเขตก่อกำเนิดในตำนานก็ยิ่งชื่นชอบความสงบดุจมังกรซ่อนตัวในหมู่เมฆ
สาวใช้ก้มตัวลงลูบแผ่นหลังฮูหยินเซียวหลวนเบาๆ แต่กลับถูกเซียวหลวนสะบัดออก สาวใช้รีบหยุดมือ ยืนนิ่งเงียบกริบเป็นจักจั่นในหน้าหนาว
ฮูหยินเซียวหลวนที่สายตาปรือปรอยด้วยความเมายิ่งงดงามจับตา โดดเด่นชวนมอง นางพูดกับซุนเติงเซียนเบาๆ ว่า “เติงเซียน ไม่ไปดื่มเหล้ากับสหายของเจ้าสักหน่อยหรือ?”
สีหน้าของซุนเติงเซียนเผยความลำบากใจ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมามายหรือไม่ ฮูหยินเซียวหลวนเวลานี้จึงดูแตกต่างไปจากสตรีสุภาพเรียบร้อยในเวลาปกติ กลับมีท่าทางออดอ้อนเหมือนสาวน้อย นางกำลังมองซุนเติงเซียนด้วยสีหน้าน่าสงสาร
ซุนเติงเซียนรู้สึกจนใจเล็กน้อย เขาเคารพนับถือเจ้าแม่เทพวารีท่านนี้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีใจคิดรักใคร่นางแบบชายหญิง แต่ใต้หล้านี้จะมีบุรุษสักกี่คนที่เห็นประกายออดอ้อนอ่อนหวานในดวงตาของคนงามแล้วจะทำใจแข็งเป็นหินได้?
ซุนเติงเซียนจึงได้แต่พยักหน้ารับ ลุกขึ้นหยิบจอกเหล้า เตรียมจะไปดื่มคารวะเฉินผิงอัน
ต่อให้ซุนเติงเซียนจะมีนิสัยพยศเย่อหยิ่ง หากไม่รู้ว่าเฉินผิงอันคือแขกผู้มีเกียรติอันดับหนึ่งของจวนจื่อหยางที่แม้แต่บรรพจารย์อู๋อี้ก็ยังต้องประจบเอาใจ แต่คิดว่าเขาคือจอมยุทธหนุ่มขอบเขตสามสี่ในความทรงจำของปีนั้น ทุกคนมาพบเจอกันโดยบังเอิญในยุทธภพ ในเมื่อมีโอกาสกลับมาเจอกันในยุทธภพอีกครั้ง อย่าว่าแต่เฉินผิงอันไม่มาดื่มคารวะเลย เขาซุนเติงเซียนนี่แหละจะเป็นฝ่ายไปชนแก้วกับเขาแล้วชวนคุยเอง แต่ตอนนี้ซุนเติงเซียนกลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ความห้าวเหิมหายเกลี้ยงไม่มีเหลือ
แต่ซุนเติงเซียนก็ต้องอึ้งตะลึงอยู่กับที่
เห็นเพียงว่าคนหนุ่มชุดขาวสะพายกระบี่ผู้นั้นเดินมาพร้อมเด็กหญิงตัวดำเป็นถ่านที่กระโดดโลดเต้นตามมา
เฉินผิงอันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซุนเติงเซียน “จอมยุทธใหญ่ซุน ขอดื่มคารวะท่านหนึ่งจอก”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ซุนเติงเซียนจะรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่พอเฉินผิงอันมาหาถึงที่ ซุนเติงเซียนก็ให้รู้สึกดีใจไม่น้อย แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมีหน้ามีตา ในที่สุดการเดินทางมาจวนจื่อหยางที่น่าอึดอัดคับข้องใจนี้ก็มีช่วงเวลาที่สบายใจได้บ้าง ซุนตงเซียนคลี่ยิ้มลุกขึ้นยืนเคียงบ่ากับเฉินผิงอัน หลังจากชนแก้วกันแล้ว ต่างคนก็ต่างดื่มเหล้าในจอกของตัวเองจนหมด ตอนที่ชนจอกกัน เฉินผิงอันจงใจลดระดับจอกของตัวเองให้อยู่ต่ำกว่า ซุนเติงเซียนรู้สึกว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ จึงลดระดับต่ำตามไปด้วย คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะลดระดับต่ำลงไปอีก ซุนตงเซียนจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
เดิมทีคืนนี้ซุนเติงเซียนก็เอาแต่ดื่มเหล้าอยู่กับตัวเองด้วยความอัดอั้นจึงเริ่มกรึ่มๆ บ้างแล้ว พอดื่มเหล้าหนึ่งจอกนี้ไปแล้ว คำพูดบางอย่างที่วิ่งมารออยู่ตรงปากก็โพล่งหลุดออกไปทันที “เฉินผิงอัน เจ้าไปเรียนกฎบนโต๊ะสุราพวกนี้มาจากไหน บ้านนอกยิ่งนัก! อีกอย่าง ข้าเองก็รับมารยาทนี้ของเจ้าไม่ไหวหรอก”
ฮูหยินเซียวหลวนลุกขึ้นยืนแล้ว สหายสองคนของจวนเทพวารีซึ่งรวมถึงผู้เฒ่าเห็นว่าซุนเติงเซียนทำตัวเป็นกันเองขนาดนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก
ดวงตาเฉินผิงอันเป็นประกายจ้า “จอมยุทธใหญ่ซุน ท่านรับได้ไหวอยู่แล้ว!”
ซุนเติงเซียนอารมณ์ดีทันใด “ก็แค่จับปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ไม่ใช่หรือ เจ้าต้องจดจำไม่ลืมถึงขนาดนี้ด้วยหรือไง?”
เฉินผิงอันไม่ได้พูดความในใจที่เป็นความรู้สึกซึ่งเขามีต่อยุทธภพ เพียงแต่หยิบเหล้าไหหนึ่งบนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา รินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก แล้วก็รินให้ซุนเติงเซียนจนเต็มจอก ยิ้มกล่าวว่า “บนโลกมนุษย์ทางคับแคบ จอกเหล้ากว้าง ขอดื่มกับจอมยุทธใหญ่ซุนอีกจอก!”
คนทั้งสองยังคงดื่มเหล้าในจอกรวดเดียวหมด ซุนเติงเซียนหัวเราะอย่างเบิกบาน “เจ้าตัวดี ความสามารถในการชวนดื่มมีไม่น้อยเลยนี่นา!”
เฉินผิงอันยิ้มตาหยี ก่อนหน้านี้ดื่มเหล้าเจียวเฒ่าน้ำลายสอฤทธิ์แรงไปรวดเดียวหนึ่งไห ใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำแล้วเช่นกัน
ครั้นแล้วก็บอกลาซุนเติงเซียน ไม่ได้โอภาปราศรัยกันนานนัก
ยิ่งไม่ได้พูดคุยกับเจ้าแม่เทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่ผู้นั้นเลยแม้แต่คำเดียว
ก่อนที่เฉินผิงอันจะจากไป เขาหันไปมองทางประตูใหญ่แวบหนึ่ง
ผู้ดูแลที่ได้แต่เฝ้าอยู่นอกธรณีประตูมองมาทางเฉินผิงอันและฮูหยินเซียวหลวนตาปริบๆ ตลอดเวลา พอเห็นสายตาเฉินผิงอันที่มองมา เขาก็รีบก้มหน้าค้อมตัวลงต่ำทันที
เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม ยกจอกเหล้าที่ว่างเปล่าในมือขึ้นสูง แล้วถึงได้ย้อนกลับไปที่นั่ง
พอได้รับสัญญาณนี้ ผู้ดูแลที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงอยู่นานก็ดีใจจนแทบจะน้ำตาไหล
ฮูหยินเซียวหลวนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะก้มหน้าลงต่ำ เช็ดคราบเหล้าที่เปื้อนสาบเสื้อเบาๆ พ่นลมหายใจขุ่นมัวและกลิ่นสุราออกมา
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าการดื่มสุราลงทัณฑ์อย่างเอาเป็นเอาตายนี้ก็คือ ต่อให้เจ้าอยากจะดื่มลงโทษตัวเองสักกี่ร้อยกี่พันจิน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ให้โอกาสเจ้าได้ดื่มแม้แต่สองสามจิน
สาวใช้มองแผ่นหลังที่จากไปไกลของคนหนุ่มผู้นั้น หลังจากขบคิดใคร่ครวญแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
เผยเฉียนเงยหน้าขึ้น ถามอย่างใคร่รู้ “ตาแก่นั่นใช้ตาสุนัขมองคนอื่นต่ำต้อย อาจารย์ท่านไม่โกรธหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “มีอะไรให้ต้องโกรธกันเล่า”
เผยเฉียนถามเสียงเบา “เพราะอาจารย์หวังดีต่อพวกจอมยุทธใหญ่ซุนสินะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!