ยามฟ้าสาง พวกเฉินผิงอันก็เก็บสัมภาระเตรียมออกจากจวนจื่อหยาง
หวงฉู่เจ้าประมุขและเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตโอสถทองสองคนมาส่งด้วยตัวเอง ส่งจนกระทั่งถึงริมตลิ่งลำคลองเถี่ยเชวี่ยน เทพลำคลองของศาลจีเซียงเตรียมเรือลำหนึ่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จะเดินทางทางน้ำเลียบลำคลองไปร้อยกว่าลี้ก่อน แล้วค่อยขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแห่งหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังชายแดนแคว้นหวงถิงต่ออีกครั้ง
เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณหวงฉู่ หวงฉู่หยิบกล่องไม้ใบเล็กที่ทำจากไม้จื่อถานส่งกลิ่นหอมสดชื่นใบหนึ่งออกมา คือ ‘แท่นน้ำค้างหวาน’ สิ่งของตกแต่งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของแคว้นหวงถิง บอกว่าเป็นน้ำใจจากบรรพจารย์
เผยเฉียนตีหน้าเคร่ง แสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่สนใจ
เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็ยังรับกล่องที่บรรจุสมบัติสี่ชิ้นในหอเก็บสมบัติมาไว้ กล่าวว่า “วันหน้าหากเจ้าประมุขหวงเดินทางผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียนจะต้องไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วให้ได้”
จากนั้นเฉินผิงอันก็ทำท่ายกกล่องล้ำค่าใบนั้นขึ้น พูดสัพยอกว่า “ไม่มีของขวัญล้ำค่าเช่นนี้มอบให้ แล้วก็ไม่มีสุราเจียวเฒ่าน้ำลายสออย่างในงานเลี้ยงโถงเซวี่ยหมางให้ดื่ม มีเพียงอาหารพื้นบ้านธรรมดาๆ ข้าคาดว่าต่อให้เจ้าประมุขหวงเดินทางผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียนก็คงไม่ค่อยอยากจะแวะไปเยี่ยมหาข้าเท่าไหร่กระมัง”
หวงฉู่ยิ้มบางๆ “ขอแค่มีโอกาสได้ไปเยือนต้าหลี ต่อให้ไม่ผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียน ข้าก็จะต้องหาโอกาสอ้อมไปรบกวนคุณชายเฉินให้จงได้”
พูดคุยกันอย่างถูกคอไปตลอดทาง จนกระทั่งหวงฉู่พาพวกเฉินผิงอันไปส่งถึงเรือข้ามฟาก เดิมทีคิดว่าจะขึ้นเรือไปส่งถึงท่าเรือของลำคลองเถี่ยเชวี่ยน แต่เฉินผิงอันยืนกรานว่าไม่ต้อง หวงฉู่จึงต้องยอมล้มเลิกความคิด
ขึ้นเรือมาแล้ว เฉินผิงอันก็มายืนอยู่ตรงหัวเรือ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่บรรจุเหล้าเจียวเฒ่าน้ำลายสอซึ่งเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณไว้จนเต็ม เรือข้ามฟากขับเคลื่อนลงสู่ตอนล่างของลำคลองอย่างเชื่องช้า เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะไปทางตำหนักจื่อชี่
บนหลังคาหอเก็บสมบัติ ผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งร่ายใช้เวทอำพรางตา นางก็คืออู๋อี้ต้งหลิงเจินจวิน พอนางเห็นภาพนี้ก็คลี่ยิ้ม “เชิญเทพเจ้ามาง่าย แต่ส่งเทพเจ้ากลับไปก็ไม่เห็นจะยากสักเท่าไหร่นี่นา”
อารมณ์ของนางนับว่าไม่เลว
อู๋อี้ได้เล่าประสบการณ์ของสองวันที่ผ่านมานี้อย่างละเอียด แล้วให้กระบี่บินส่งไปยังภูเขาพีอวิ๋นเขตการปกครองหลงเฉวียน รายงานให้บิดาฟังอย่างไม่มีตกหล่นบกพร่อง
เชื่อว่าต่อให้ไม่ได้รับรางวัล อย่างน้อยก็คงไม่ถูกลงโทษ
ในสายตาของอู๋อี้ เรือข้ามฟากลำนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปไกลจนเล็กเท่าเมล็ดงาเมล็ดหนึ่ง
หัวใจของอู๋อี้พลันหดเกร็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้างกายของนางมีผู้เฒ่าชุดลัทธิขงจื๊อท่าทางสุภาพอ่อนโยนมาปรากฏตัว เขาทำลายค่ายกลใหญ่แห่งภูเขาและแม่น้ำของจวนจื่อหยางได้อย่างง่ายดาย มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายอู๋อี้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้
อู๋อี้ทำจิตใจให้สงบ เอ่ยเบาๆ ว่า “บุตรอกตัญญูคารวะบิดา”
ที่แท้แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็คืออดีตรองเจ้ากรมการคลังของแคว้นหวงถิง รองเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาหลินลู่ภูเขาพีอวิ๋นในปัจจุบัน ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานของชีวิต ไม่รู้ว่าเจียวเฒ่าตัวนี้เปลี่ยนนามแฝงมาแล้วกี่ครั้ง
ผู้เฒ่ามองอู๋อี้แล้วก็คลี่ยิ้มให้นางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “เจ้ายิงธนูดอกเดียว แต่ได้นกถึงสามตัว ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ามีไหวพริบเช่นนี้?”
อู๋อี้หวาดหวั่นไม่เป็นสุข ด้วยรู้สึกว่าบิดากำลังเหน็บแนม พูดจาแฝงความนัย เกรงว่านาทีถัดมาตนคงต้องประสบหายนะ จึงเกิดความคิดที่จะเผ่นหนีไปให้ไกลแล้ว
ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือมาวางบนราวระเบียง เอ่ยเนิบช้าว่า “เทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงผู้นั้นเอาความสามารถที่ไหนมาสร้างหายนะให้แก่เซียวหลวนแม่น้ำป๋ายกู่ การเดินทางไปเยือนเขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างเอิกเกริกคราวนั้น ก็แค่ไปดื่มเหล้ากับงูน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น กว่าที่เด็กชายชุดเขียวแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ตบหน้าตัวเองให้กลายเป็นคนอ้วน (เปรียบเปรยถึงคนที่หน้าใหญ่ใจโต/ไม่ประมาณตน) ผู้นั้นจะขอแผ่นป้ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นหนึ่งมาให้สหายได้สำเร็จ ตอนนั้นก็ต้องวิ่งชนตอไปทั่วทิศ เหนื่อยยากเปลืองแรงอยู่มาก ในความเป็นจริงแล้วก็แค่เซียวหลวนกังวลจนเสียกระบวนไปเอง เหมือนคนเป็นโรคร้ายที่หาหมอส่งเดช ถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองมาสวามิภักดิ์ต่อจวนจื่อหยางของพวกเจ้า แต่การที่เซียวหลวนตัดใจละทิ้งความสัมพันธ์ควันธูปกับสกุลหงได้ก็นับว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง อุทิศตนเพื่อจวนจื่อหยาง นางมีแต่จะได้รับผลประโยชน์ ส่วนเจ้าก็สามารถนอนนับเงิน ต่างคนต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน นี่คือข้อแรก”
ผู้เฒ่าแบฝ่ามือ ก้มหน้าลงมองแล้วส่ายหน้า จากนั้นจึงไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เอ่ยต่อว่า “วิธีการที่เจ้าใช้ประจบเอาใจเฉินผิงอันเป็นวิธีชั้นต่ำเกินไป แข็งทื่อเกินไป โดยเฉพาะในงานเลี้ยงโถงเซวี่ยหมางที่ถึงขั้นคิดจะข่มเฉินผิงอัน แต่กลับเหมือนการเข้าผิดออกผิดบนกระดานหมากล้อมที่กลับกลายเป็นว่าล้ำเลิศ ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกดีต่อเจ้าขึ้นอีกไม่น้อย เพราะหากเจ้าเอาแต่แสดงออกว่ามีจิตใจที่ลึกล้ำ เฉินผิงอันก็มีแต่จะยิ่งระแวงเจ้ามากขึ้น รู้สึกกริ่งเกรงและคอยป้องกันเจ้ากับจวนจื่อหยางอยู่ตลอดเวลา ถึงท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจผูกความสัมพันธ์ในยุทธภพอะไรกันได้เลย จุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ที่สายฝนซึ่งเดิมทีเจ้าคิดจะช่วยอำพรางตัวเซียวหลวน สร้างภาพลวงตาว่าเทพแห่งสายน้ำเกิดความรักผลิบาน คาดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นการมอบโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุดให้แก่เฉินผิงอัน หากไม่เป็นเพราะข้าจงใจระงับเอาไว้ เกรงว่าปรากฎการณ์ประหลาดของฟ้าดินต้องเอิกเกริกกว่านี้มากนัก ไม่เพียงแต่จวนจื่อหยาง แต่ทั้งลำคลองเถี่ยเชวี่ยน หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำป๋ายกู่ก็ล้วนเกิดใจขานรับ ได้รับผลบุญกันถ้วนหน้า คำกล่าวที่ว่าอริยะชอบภูเขาแต่ใกล้ชิดกับสายน้ำมากกว่ามีความรู้ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ ดังนั้นการกระทำของเจ้าทำให้พ่อประหลาดใจอย่างมาก เป็นความประหลาดใจที่แฝงไว้ด้วยความยินดี นี่ก็คือข้อที่สอง”
ผู้เฒ่าหันหน้ามายิ้มให้ “ส่วนข้อสุดท้าย ครั้งนี้ที่บอกให้เจ้าเชิญเฉินผิงอันมาเป็นแขกในจวนจื่อหยาง เป็นแผนการของใต้เท้าราชครู ราชครูชุยบอกกับข้าอย่างชัดเจนว่าจะต้องทำให้การเดินทางกลับบ้านเกิดของเฉินผิงอันช้าลงกว่าเดิม ส่วนสิ่งที่ราชครูต้องการ เขาย่อมไม่เอามาพูดกับคนนอกอย่างข้า แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่อยากรู้ มามีส่วนร่วมกับเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าทั้งเจ้าและข้าจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรด้วย แต่คราวนี้เจ้าช่วยพ่อทำเรื่องนี้สำเร็จก็เท่ากับว่าพ่อช่วยเหลือราชครูชุยไปเล็กน้อย วันหน้าจวนจื่อหยางจะต้องได้รับรางวัลจากต้าหลีแน่นอน เจ้าก็รอฟังข่าวดีเถอะ”
นี่เป็นข่าวดีที่ใหญ่เทียมฟ้า เพียงแต่อู๋อี้อดรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวไม่ได้ ให้ตายนางก็นึกไม่ถึงว่าบิดาจะเฝ้ามองเรื่องตลกครั้งนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ
อู๋อี้ที่เวลานี้เผชิญหน้ากับเจียวเฒ่าในระเบียงของหอสูงคงจะรู้สึกพอๆ กับตอนที่ฮูหยินเซียวหลวนเผชิญหน้ากับอู๋อี้ในเรือนเล็กกระมัง
เจียวเฒ่าที่แต่งกายไม่ต่างจากปราชญ์ผู้รอบรู้แห่งโลกมนุษย์แบมือออกอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดแน่น “นี่จะมองอะไรออกกันนะ?”
อู๋อี้แอบชำเลืองตามองมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!