กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 425

สรุปบท บทที่ 425.1 ขี่กระบี่ไปเยือนทะเลเมฆ: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 425.1 ขี่กระบี่ไปเยือนทะเลเมฆ – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 425.1 ขี่กระบี่ไปเยือนทะเลเมฆ ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ยามฟ้าสาง พวกเฉินผิงอันก็เก็บสัมภาระเตรียมออกจากจวนจื่อหยาง

หวงฉู่เจ้าประมุขและเทพเซียนผู้เฒ่าขอบเขตโอสถทองสองคนมาส่งด้วยตัวเอง ส่งจนกระทั่งถึงริมตลิ่งลำคลองเถี่ยเชวี่ยน เทพลำคลองของศาลจีเซียงเตรียมเรือลำหนึ่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จะเดินทางทางน้ำเลียบลำคลองไปร้อยกว่าลี้ก่อน แล้วค่อยขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแห่งหนึ่งเพื่อเดินทางไปยังชายแดนแคว้นหวงถิงต่ออีกครั้ง

เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณหวงฉู่ หวงฉู่หยิบกล่องไม้ใบเล็กที่ทำจากไม้จื่อถานส่งกลิ่นหอมสดชื่นใบหนึ่งออกมา คือ ‘แท่นน้ำค้างหวาน’ สิ่งของตกแต่งชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของแคว้นหวงถิง บอกว่าเป็นน้ำใจจากบรรพจารย์

เผยเฉียนตีหน้าเคร่ง แสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่สนใจ

เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็ยังรับกล่องที่บรรจุสมบัติสี่ชิ้นในหอเก็บสมบัติมาไว้ กล่าวว่า “วันหน้าหากเจ้าประมุขหวงเดินทางผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียนจะต้องไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วให้ได้”

จากนั้นเฉินผิงอันก็ทำท่ายกกล่องล้ำค่าใบนั้นขึ้น พูดสัพยอกว่า “ไม่มีของขวัญล้ำค่าเช่นนี้มอบให้ แล้วก็ไม่มีสุราเจียวเฒ่าน้ำลายสออย่างในงานเลี้ยงโถงเซวี่ยหมางให้ดื่ม มีเพียงอาหารพื้นบ้านธรรมดาๆ ข้าคาดว่าต่อให้เจ้าประมุขหวงเดินทางผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียนก็คงไม่ค่อยอยากจะแวะไปเยี่ยมหาข้าเท่าไหร่กระมัง”

หวงฉู่ยิ้มบางๆ “ขอแค่มีโอกาสได้ไปเยือนต้าหลี ต่อให้ไม่ผ่านเขตการปกครองหลงเฉวียน ข้าก็จะต้องหาโอกาสอ้อมไปรบกวนคุณชายเฉินให้จงได้”

พูดคุยกันอย่างถูกคอไปตลอดทาง จนกระทั่งหวงฉู่พาพวกเฉินผิงอันไปส่งถึงเรือข้ามฟาก เดิมทีคิดว่าจะขึ้นเรือไปส่งถึงท่าเรือของลำคลองเถี่ยเชวี่ยน แต่เฉินผิงอันยืนกรานว่าไม่ต้อง หวงฉู่จึงต้องยอมล้มเลิกความคิด

ขึ้นเรือมาแล้ว เฉินผิงอันก็มายืนอยู่ตรงหัวเรือ ตรงเอวห้อยน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่บรรจุเหล้าเจียวเฒ่าน้ำลายสอซึ่งเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณไว้จนเต็ม เรือข้ามฟากขับเคลื่อนลงสู่ตอนล่างของลำคลองอย่างเชื่องช้า เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะไปทางตำหนักจื่อชี่

บนหลังคาหอเก็บสมบัติ ผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งร่ายใช้เวทอำพรางตา นางก็คืออู๋อี้ต้งหลิงเจินจวิน พอนางเห็นภาพนี้ก็คลี่ยิ้ม “เชิญเทพเจ้ามาง่าย แต่ส่งเทพเจ้ากลับไปก็ไม่เห็นจะยากสักเท่าไหร่นี่นา”

อารมณ์ของนางนับว่าไม่เลว

อู๋อี้ได้เล่าประสบการณ์ของสองวันที่ผ่านมานี้อย่างละเอียด แล้วให้กระบี่บินส่งไปยังภูเขาพีอวิ๋นเขตการปกครองหลงเฉวียน รายงานให้บิดาฟังอย่างไม่มีตกหล่นบกพร่อง

เชื่อว่าต่อให้ไม่ได้รับรางวัล อย่างน้อยก็คงไม่ถูกลงโทษ

ในสายตาของอู๋อี้ เรือข้ามฟากลำนั้นค่อยๆ เคลื่อนไปไกลจนเล็กเท่าเมล็ดงาเมล็ดหนึ่ง

หัวใจของอู๋อี้พลันหดเกร็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้างกายของนางมีผู้เฒ่าชุดลัทธิขงจื๊อท่าทางสุภาพอ่อนโยนมาปรากฏตัว เขาทำลายค่ายกลใหญ่แห่งภูเขาและแม่น้ำของจวนจื่อหยางได้อย่างง่ายดาย มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายอู๋อี้อย่างเงียบเชียบเช่นนี้

อู๋อี้ทำจิตใจให้สงบ เอ่ยเบาๆ ว่า “บุตรอกตัญญูคารวะบิดา”

ที่แท้แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็คืออดีตรองเจ้ากรมการคลังของแคว้นหวงถิง รองเจ้าขุนเขาสำนักศึกษาหลินลู่ภูเขาพีอวิ๋นในปัจจุบัน ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานของชีวิต ไม่รู้ว่าเจียวเฒ่าตัวนี้เปลี่ยนนามแฝงมาแล้วกี่ครั้ง

ผู้เฒ่ามองอู๋อี้แล้วก็คลี่ยิ้มให้นางอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “เจ้ายิงธนูดอกเดียว แต่ได้นกถึงสามตัว ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ามีไหวพริบเช่นนี้?”

อู๋อี้หวาดหวั่นไม่เป็นสุข ด้วยรู้สึกว่าบิดากำลังเหน็บแนม พูดจาแฝงความนัย เกรงว่านาทีถัดมาตนคงต้องประสบหายนะ จึงเกิดความคิดที่จะเผ่นหนีไปให้ไกลแล้ว

ผู้เฒ่ายื่นฝ่ามือมาวางบนราวระเบียง เอ่ยเนิบช้าว่า “เทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงผู้นั้นเอาความสามารถที่ไหนมาสร้างหายนะให้แก่เซียวหลวนแม่น้ำป๋ายกู่ การเดินทางไปเยือนเขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างเอิกเกริกคราวนั้น ก็แค่ไปดื่มเหล้ากับงูน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น กว่าที่เด็กชายชุดเขียวแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ตบหน้าตัวเองให้กลายเป็นคนอ้วน (เปรียบเปรยถึงคนที่หน้าใหญ่ใจโต/ไม่ประมาณตน) ผู้นั้นจะขอแผ่นป้ายสงบสุขปลอดภัยแผ่นหนึ่งมาให้สหายได้สำเร็จ ตอนนั้นก็ต้องวิ่งชนตอไปทั่วทิศ เหนื่อยยากเปลืองแรงอยู่มาก ในความเป็นจริงแล้วก็แค่เซียวหลวนกังวลจนเสียกระบวนไปเอง เหมือนคนเป็นโรคร้ายที่หาหมอส่งเดช ถึงได้ยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองมาสวามิภักดิ์ต่อจวนจื่อหยางของพวกเจ้า แต่การที่เซียวหลวนตัดใจละทิ้งความสัมพันธ์ควันธูปกับสกุลหงได้ก็นับว่าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง อุทิศตนเพื่อจวนจื่อหยาง นางมีแต่จะได้รับผลประโยชน์ ส่วนเจ้าก็สามารถนอนนับเงิน ต่างคนต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน นี่คือข้อแรก”

ผู้เฒ่าแบฝ่ามือ ก้มหน้าลงมองแล้วส่ายหน้า จากนั้นจึงไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เอ่ยต่อว่า “วิธีการที่เจ้าใช้ประจบเอาใจเฉินผิงอันเป็นวิธีชั้นต่ำเกินไป แข็งทื่อเกินไป โดยเฉพาะในงานเลี้ยงโถงเซวี่ยหมางที่ถึงขั้นคิดจะข่มเฉินผิงอัน แต่กลับเหมือนการเข้าผิดออกผิดบนกระดานหมากล้อมที่กลับกลายเป็นว่าล้ำเลิศ ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกดีต่อเจ้าขึ้นอีกไม่น้อย เพราะหากเจ้าเอาแต่แสดงออกว่ามีจิตใจที่ลึกล้ำ เฉินผิงอันก็มีแต่จะยิ่งระแวงเจ้ามากขึ้น รู้สึกกริ่งเกรงและคอยป้องกันเจ้ากับจวนจื่อหยางอยู่ตลอดเวลา ถึงท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจผูกความสัมพันธ์ในยุทธภพอะไรกันได้เลย จุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดอยู่ที่สายฝนซึ่งเดิมทีเจ้าคิดจะช่วยอำพรางตัวเซียวหลวน สร้างภาพลวงตาว่าเทพแห่งสายน้ำเกิดความรักผลิบาน คาดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นการมอบโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุดให้แก่เฉินผิงอัน หากไม่เป็นเพราะข้าจงใจระงับเอาไว้ เกรงว่าปรากฎการณ์ประหลาดของฟ้าดินต้องเอิกเกริกกว่านี้มากนัก ไม่เพียงแต่จวนจื่อหยาง แต่ทั้งลำคลองเถี่ยเชวี่ยน หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำป๋ายกู่ก็ล้วนเกิดใจขานรับ ได้รับผลบุญกันถ้วนหน้า คำกล่าวที่ว่าอริยะชอบภูเขาแต่ใกล้ชิดกับสายน้ำมากกว่ามีความรู้ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ ดังนั้นการกระทำของเจ้าทำให้พ่อประหลาดใจอย่างมาก เป็นความประหลาดใจที่แฝงไว้ด้วยความยินดี นี่ก็คือข้อที่สอง”

ผู้เฒ่าหันหน้ามายิ้มให้ “ส่วนข้อสุดท้าย ครั้งนี้ที่บอกให้เจ้าเชิญเฉินผิงอันมาเป็นแขกในจวนจื่อหยาง เป็นแผนการของใต้เท้าราชครู ราชครูชุยบอกกับข้าอย่างชัดเจนว่าจะต้องทำให้การเดินทางกลับบ้านเกิดของเฉินผิงอันช้าลงกว่าเดิม ส่วนสิ่งที่ราชครูต้องการ เขาย่อมไม่เอามาพูดกับคนนอกอย่างข้า แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่อยากรู้ มามีส่วนร่วมกับเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าทั้งเจ้าและข้าจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรด้วย แต่คราวนี้เจ้าช่วยพ่อทำเรื่องนี้สำเร็จก็เท่ากับว่าพ่อช่วยเหลือราชครูชุยไปเล็กน้อย วันหน้าจวนจื่อหยางจะต้องได้รับรางวัลจากต้าหลีแน่นอน เจ้าก็รอฟังข่าวดีเถอะ”

นี่เป็นข่าวดีที่ใหญ่เทียมฟ้า เพียงแต่อู๋อี้อดรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวไม่ได้ ให้ตายนางก็นึกไม่ถึงว่าบิดาจะเฝ้ามองเรื่องตลกครั้งนี้มาตั้งแต่ต้นจนจบ

อู๋อี้ที่เวลานี้เผชิญหน้ากับเจียวเฒ่าในระเบียงของหอสูงคงจะรู้สึกพอๆ กับตอนที่ฮูหยินเซียวหลวนเผชิญหน้ากับอู๋อี้ในเรือนเล็กกระมัง

เจียวเฒ่าที่แต่งกายไม่ต่างจากปราชญ์ผู้รอบรู้แห่งโลกมนุษย์แบมือออกอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดแน่น “นี่จะมองอะไรออกกันนะ?”

อู๋อี้แอบชำเลืองตามองมา

อู๋อี้รู้สึกน้อยใจนิดๆ

ผู้เฒ่าโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เปลี่ยนจวนจื่อหยางให้กลายเป็นฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่งในฉับพลัน แล้วจึงหยิบเอาเรือตระกูลเซียนลำเล็กที่ปีนั้นเขาเคยล่องเรือไปเยือนม่านฟ้าดาวดารดาษออกมา ก้าวขึ้นไปในเรือไม้ก่อน บอกเป็นนัยให้อู๋อี้ก้าวตามมา แล้วถึงกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเคยปรากฏขึ้นในโลก คืออะไร?”

อู๋อี้กล่าวอย่างขลาดๆ “บรรพจารย์ของสามลัทธิ? แล้วก็ยังมีเหล่าผู้อาวุโสใหญ่ขอบเขตสิบสี่ที่ไม่ยินดีเผยกายบนโลก? ฝ่ายแรกขอแค่อยู่ในฟ้าดินของตัวเองก็จะไม่ต่างจากเทพเทวดาบนสรรค์ ส่วนฝ่ายหลัง ถึงอย่างไรก็หลุดพ้นจากขอบเขตของการแบ่งแยกระดับสูงต่ำทั้งหลายไปแล้ว และก็มีวิชาเซียนอภินิหารอันน่าเหลือเชื่อ…”

ผู้เฒ่าไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ เขาชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งของลำคลองเถี่ยเชวี่ยนอย่างไม่ใส่ใจ ยิ้มกล่าวว่า “ศาลจีเซียง ศาลเจ้าแม่เทพวารีแม่น้ำป๋ายกู่ที่ห่างไป ขยับไปไกลอีกนิดก็คือจวนแม่น้ำหันสือของน้องชายเจ้า รวมไปถึงศาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำและภูเขาที่อยู่รอบด้าน มีอะไรที่เหมือนกัน? ช่างเถิด ข้าพูดตรงๆ เลยดีกว่า ด้วยสมองนี้ของเจ้า กว่าเจ้าจะได้คำตอบก็คงต้องสิ้นเปลืองปราญวิญญาณที่ข้าสะสมมาอย่างเสียเปล่า ข้อที่เหมือนกันก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำและภูเขาในสายตาของคนบนโลกเหล่านี้ ขอแค่มีศาลแล้วก็ต้องสร้างร่างทอง ต่อให้ตอนมีชีวิตอยู่คุณสมบัติในการฝึกตนของเจ้าจะย่ำแย่แค่ไหน หากกลายมาเป็นองค์เทพที่มีร่างทองได้ นั่นก็เรียกว่าเดินขึ้นสวรรค์ในก้าวเดียว หลังจากนั้นยังต้องฝึกตนอีกไหม? ก็แค่กินควันธูปเท่านั้น ยิ่งกินมากเท่าไหร่ตบะก็ยิ่งสูง ความเร็วในการเสื่อมสภาพของร่างทองก็ยิ่งช้าลง วิธีนี้กับการฝึกตนของผู้ฝึกลมปราณคือเส้นทางใหญ่สองเส้น ดังนั้นนี่จึงเรียกว่าเทพเซียนมีความต่าง เมื่อทำได้แล้วค่อยหันกลับมาพูดถึงคำว่ากลับคืนอีกครั้ง เข้าใจแล้วหรือยัง?”

อู๋อี้ส่ายหน้า “ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างสะท้อนใจ “หากวันใดที่เจ้าหายเข้ากลีบเมฆไปก็คงเพราะโง่จนตายแน่ๆ รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเพื่อเลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิดเหมือนกันแล้ว น้องชายของเจ้าถึงได้อำมหิตต่อตัวเองมากกว่าเจ้า ยอมสละวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตมากมายของเผ่าพันธ์เจียวหลง ทำให้ตัวเองกลายเป็นเทพวารีของแม่น้ำสายหนึ่งที่ถูกพันธนาการมือเท้า?”

ดวงตาอู๋อี้เป็นประกาย “หากพวกเราอยาก ‘กลับคืน’ สู่ทารกก่อกำเนิด ก็ต้องกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์?”

ผู้เฒ่าใช้สายตาเวทนามองบุตรสาวคนนี้ เขาเริ่มรู้สึกหมดอารมณ์จะพูดคุย สมกับเป็นไม้ผุที่มิอาจแกะสลักจริงๆ “ทิศทางของน้องชายเจ้านั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่าสุดโต่งเกินไป กลายเป็นว่าตัดขาดมหามรรคาของเผ่าพันธ์เจียวหลงไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นข้าจึงหมดหวังกับเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีทางมาพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า เจ้าตั้งใจศึกษาวิชานอกรีต ยืมหินของภูเขาลูกอื่นมากลึงเป็นหยก ก็ถือว่าทำถูกเหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เดินยังไม่ไกลมากพอ แต่จะดีจะชั่วเจ้าก็ยังพอมีโอกาสเหลืออีกเสี้ยวหนึ่ง”

ผู้เฒ่ายื่นนิ้วมือข้างหนึ่งออกมาเคาะราวระเบียง “ไม่ใช่สองฝั่ง แต่อยู่ตรงนี้ อยู่ระหว่างเทพและคน นี่จึงจะเป็นรากฐานมหามรรคาที่สอดคล้องกับเผ่าพันธ์เจียวหลงมากที่สุด นี่ก็คือขนบธรรมเนียมประจำตระกูลของบรรพบุรุษพวกเราเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ช่วงเวลานั้นเจียวหลงปกครองห้าทะเลสาบสี่มหาสมุทรในใต้หล้า ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ลำคลอง ลำธาร ทุกสถานที่ที่มีน้ำล้วนเป็นอาณาเขตของพวกเรา เพียงแต่น้องชายของเจ้าฉลาดเกินจนเสียรู้ เข้าใจผิดคิดว่าการ ‘แต่งตั้ง’ ตามระบบที่ถูกต้องของวิถีเทพไม่แตกต่างจากการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ของราชสำนักในทุกวันนี้ คิดอย่างนั้นก็คือไร้ทางเยียวยาแล้ว นี่ทำให้เขาเดินไปบนทางแยกสายนั้น เพียงแต่ทุกวันนี้กฎเกณฑ์ของฟ้าดินเปลี่ยนไป ส่งผลกระทบต่อพวกเรามาก เพราะหายนะนองเลือดของปีนั้น พวกเราจึงถูกมหามรรคาที่มองไม่เห็นรังเกียจเดียดฉันท์ ดังนั้นการเลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิดจึงลำบากแสนเข็ญ…”

ในที่สุดอู๋อี้ก็อดไม่ไหวถามว่า “ท่านพ่อ ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าควรจะฝึกตนอย่างไรถึงจะเป็นก่อกำเนิดได้ ท่านพูดกับลูกมาตรงๆ เถอะ!”

ผู้เฒ่าหัวเราะ ย้อนถามว่า “เจ้ากับข้าคือพ่อลูกกัน เจ้าก็เลยรู้สึกว่าเจ้าฝึกตน ข้าถ่ายทอดวิชา เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว?”

อู๋อี้รู้สึกเหมือนเผชิญศัตรูตัวฉกาจ รู้สึกว่าอีกเดี๋ยวตนต้องเจ็บตัวแน่

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!