บุรุษคนหนึ่งที่หายตัวไปจากเมืองเล็กหลายปีได้ปรากฏตัวอีกครั้ง เจิ้งต้าเฟิงคนเฝ้าประตูผู้นั้น นอกจากจะเปลี่ยนเป็นคนหลังค่อมแล้วก็ยังไม่ได้พาภรรยากลับมาด้วย แล้วก็ไม่ได้พกเงินถุงเงินถังกลับมาจากต่างถิ่นเช่นกัน แม้ว่าเจิ้งต้าเฟิงจะไม่ใช่ลูกจ้างของร้าน แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขากลับยกม้านั่งมานั่งอยู่หน้าประตูใหญ่ของร้านยาเป็นประจำ ไม่ขัดขวางใคร เอาแต่ดูเรื่องสนุกอย่างเดียว ยังคงมีท่าทีเอ้อระเหยลอยชายเหมือนในอดีต สายตาคอยลอบไล่มองไปตั้งแต่ลำคอ หน้าอกจนถึงก้นของสตรีแต่งงานแล้ว นี่ยิ่งทำให้เหล่าสตรีในเมืองเล็กดูแคลนเขามากขึ้น
หลังจากที่เจิ้งต้าเฟิงกลับมาถึงเมืองเล็ก นอกจากจะได้ชมเรื่องสนุกครั้งนี้แล้ว ยังได้เห็นคนหลายคนที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน พวกเขาจับกลุ่มกันไปเล่นการพนันออกเช้ากลับค่ำ บ้างก็ไปมั่วสุมอยู่ในหอโคมเขียวแห่งใหม่ๆ ที่เพิ่งสร้างขึ้น ตอนเข้าไปยืดอกตั้ง ตอนกลับออกมาแข้งขาอ่อนเปลี้ย
และยังมีพวกที่เงินในกระเป๋ามีมากจนนับไม่หวาดไม่ไหว เอวจึงเหยียดตรงแข็งยิ่งกว่าลำต้นของต้นไหวโบราณในอดีตเสียอีก พวกบุรุษและหนุ่มโสดที่เมื่อก่อนยามเดินผ่านถนนฝูลวี่และตรอกเถาเย่ยังไม่กล้าหายใจดัง ตอนนี้กลับเริ่มชักชวนพวกพ่อบ้านผู้ดูแลในตระกูลเหล่านั้นให้มาร่วมดื่มเหล้า ปรึกษาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่หากจะขอซื้อตัวสาวใช้ที่ท่าทางสุภาพเรียบร้อยสักคนสองคน ทางที่ดีที่สุดควรต้องรู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ หากเป็นดรุณีน้อยเยาว์วัยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เหล่าสตรีที่มีกลิ่นอายของตำราติดตัวซึ่งเมื่อก่อนไม่กล้าแม้แต่จะฝันว่าได้อยู่เหนือร่างของพวกนางบนเตียง หากได้มาครอบครอง ชีวิตนี้จึงจะถือว่าไม่ขาดทุน! เมื่อก่อนเงินหนึ่งถุงคือท่านปู่ มาตอนนี้เงินกลับกลายเป็นหลานของพวกเราแล้ว เงินทองอะไรนั่นจะนับเป็นผายลมอะไรได้!
เงินไหลหายไปดุจสายน้ำที่พรั่งพรูเปลี่ยนผ่านมือของคนมากมาย
ใจคนก็เช่นกัน
หลังจากเข้าฤดูใบไม้ร่วงมา เจิ้งต้าเฟิงก็รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
นั่งตากแสงแดดอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง ก้มหน้าลงมองกางเกงของตัวเอง เจิ้งต้าเฟิงก็ยิ่งกลุ้มเข้าไปใหญ่ ด้วยมักจะรู้สึกผิดต่อน้องชายผู้นี้เสมอ หรือว่าเขาจะต้องเปลี่ยนจากหนุ่มโสดผู้หล่อเหลาสง่างามไปเป็นตาแก่ขึ้นคานจริงๆ?
อยู่ดีๆ ก็นึกถึงสตรีที่ชอบมาเดินอยู่บนถนนนอกร้านยาฮุยเฉินซึ่งสุดท้ายยอมบอกว่าตัวเองแซ่เจียง น้ำหนักของนางน่าจะเท่ากับเจิ้งต้าเฟิงสองคนรวมกัน เจิ้งต้าเฟิงสะดุ้งโหยง นางเป็นสตรีที่ดี แต่เรื่องบางอย่างใช่ว่าแค่ปิดไฟแล้วจะผ่านมันไปได้จริงๆ แม่นางที่ตัวใหญ่โตปานนั้น ต่อให้นิสัยดีแค่ไหน ยินยอมพร้อมใจจะเป็นสหายเท่าไหร่ เจิ้งต้าเฟิงก็ขอยอมผิดต่อน้องชาย แต่จะไม่ยอมผิดต่อตัวเองเด็ดขาด!
ในขณะที่เจิ้งต้าเฟิงกำลังรู้สึกผิดที่ตัวเองมีความคิดเช่นนี้ต่อแม่นางแซ่เจียงนั้นเอง วันนี้จู่ๆ หร่วนฉงก็มาปรากฏตัวที่เรือนด้านหลังของร้านยา หยางเหล่าโถวไม่ได้สูบยาอย่างที่หาได้ยาก เขาที่กำลังนั่งตากแดดงีบหลับเปิดเปลือกตาขึ้นเหลือบมองหร่วนฉง “แขกที่หาได้ยาก”
หร่วนฉงที่หิ้วกาเหล้ามาสองใบชูมือขึ้นสูง
หยางเหล่าโถวส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
หร่วนฉงยกม้านั่งตัวยาวมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องหลัก มีลานบ้านที่หลังคาเหลี่ยมเปิดโล่งขวางกั้นระหว่างเขากับหยางเหล่าโถว
หยางเหล่าโถวถาม “หาได้ยากที่จิตใจของอริยะหร่วนจะไม่สงบ ทำไม เป็นห่วงหร่วนซิ่วหรือ?”
หร่วนฉงพยักหน้ารับ
หยางเหล่าโถวเอ่ยหยอกล้ออย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “รับเฉินผิงอันเป็นลูกเขย มันยากขนาดนั้นเลยหรือ?”
หร่วนฉงดื่มเหล้าหนึ่งอึก “เฉินผิงอันนิสัยไม่เลว แม้ข้าจะไม่ยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ แต่ใช่ว่าจะไม่ยอมรับในนิสัยใจคอของเขา หากหร่วนซิ่วไม่ใช่หร่วนซิ่ว แต่เป็นสตรีทั่วๆ ไป นางอยากทำอะไรก็ตามใจนางเถอะ ไม่แน่ว่า…ข้าอาจจะดื่มเหล้ากับลูกเขยคนนี้เป็นประจำด้วยซ้ำ คิดดูแล้วชีวิตแบบนั้นก็ไม่เลว อีกอย่างยังไม่ต้องกังวลว่าลูกสาวตัวเองจะได้รับความไม่เป็นธรรม มีแต่จะต้องกลัวว่าลูกสาวของตนจะทำตัวดุร้ายเกินไปจนลูกเขยหนี แต่บุตรสาวของข้า คือซิ่วซิ่ว”
หยางเหล่าโถวพยักหน้ารับ “เรื่องบางอย่างหากดีมากเกินไปก็น่าเป็นกังวล ข้าเข้าใจได้”
หร่วนฉงดื่มเหล้าดับทุกข์อย่างแท้จริง หลังจากดื่มเหล้าอึกใหญ่ลงท้องไปแล้วก็เช็ดปาก กล่าวอย่างอัดอั้นว่า “เพราะก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกับเสินจวินผู้เฒ่ามาก่อน ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงพอจะเดาแผนการของชุนฉานได้คร่าวๆ เพียงแต่ว่ารายละเอียดในแผนการที่ว่ามีอันตรายอย่างไร ร้อยเรียงกันเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไร วางแผนไว้อย่างตั้งใจแค่ไหน ข้ากลับเดาไม่ออก เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่เรื่องถนัดของข้าอยู่แล้ว และข้าก็คร้านจะคิดให้มากความ แต่การฝึกตนมีข้อห้ามใหญ่ที่สุดก็คือการอืดอาดชักช้า หากหร่วนซิ่วของข้ายิ่งจมดิ่งลึกลงไปทุกที ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องเกิดเรื่อง ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงยอมให้หร่วนซิ่วไปทะเลสาบซูเจี่ยน”
หยางเหล่าโถวกล่าว “เจ้ายอมมอบลูกท้อไปให้ ชุยฉานเป็นคนฉลาดถึงปานนั้นย่อมต้องส่งลูกหลีกลับคืนมา วางใจเถอะ ทุกเรื่องจะต้องออกมางดงาม ไร้ช่องโหว่ อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นกลับตาลปัตร”
กล่าวมาถึงตรงนี้ หยางเหล่าโถวก็ยิ้มบางๆ คล้ายนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ท่านมอบลูกท้อแก่เรา เราตอบแทนท่านด้วยลูกหลี หลีตายแทนท้อ อืม ล้วนมีส่วนให้ต้องขบคิด ส่วนข้อที่ว่าจะขบคิดออกมาได้รสชาติขมปร่าเหมือนหวงเหลียน หรือหวานล้ำเหมือนน้ำตาล ก็ต้องดูที่คนแล้ว”
หร่วนฉงไม่คิดจะจมจ่อมอยู่กับปริศนานี้ อย่าว่าแต่เขาเลย เกรงว่านอกจากฉีจิ้งชุนแล้ว บุคคลของสามลัทธิที่ได้มานั่งพิทักษ์ถ้ำสวรรค์หลีจูคงไม่มีใครเดาความคิดความต้องการของเสินจวินผู้เฒ่าคนนี้ออก หร่วนฉงไม่เคยยึดติดเสียเวลากับเรื่องที่ไม่จำเป็น เวลาส่วนใหญ่ของเขาแค่ใช้ไปกับการหลอมกระบี่ก็ยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว ยังต้องคอยกังวลเรื่องอนาคตของซิ่วซิ่วอีก ไหนเลยจะมีเวลาเหลือมาเล่นปริศนาทายคำกับผู้อื่น
เดิมทีหยางเหล่าโถวก็พูดประโยคนั้นขึ้นมาลอยๆ อยู่แล้ว ตอนนี้จึงย้อนกลับมาพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน “เจ้าอยากจะทำให้เด็ดขาด อาศัยกู้ช่านจากตรอกหนีผิง แล้วก็อาศัยแผนการที่ไม่มีใครทราบของซิ่วหู่มาทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างหร่วนซิ่วกับเฉินผิงอัน ทั้งสองคนนี้ ยิ่งมองเห็นสภาพจิตใจทะลุปรุโปร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบมุ่งมั่นดึงดันมากเท่านั้น ข้อบกพร่องที่เล็กเท่าเมล็ดงาจะเปลี่ยนมาเป็นใหญ่เทียมฟ้า ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ห้ามไม่ให้หร่วนซิ่วออกไปจากเขตการปกครองหลงเฉวียน นี่ก็เป็นความรู้สึกทั่วไปของคนที่เป็นบิดาอย่างเจ้าหร่วนฉงเช่นกัน”
อยู่ดีๆ หร่วนฉงก็พูดขึ้นมาอย่างสะท้อนใจ “ชุยฉานผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ”
เขาหร่วนฉงหวังให้บุตรสาวหร่วนซิ่วเลิกเอาตัวไปพัวพันกับเรื่องความรักระหว่างชายหญิง ตั้งใจฝึกตน เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนในเร็ววัน อย่างน้อยก็ให้มีความสามารถในการปกป้องตัวเองเสียก่อน
คิดจะนอนหลับก็มีคนส่งหมอนมาให้
หร่วนฉงไม่เคยมีการติดต่อใดๆ กับชุยฉาน ชุยฉานก็ยิ่งไม่เคยบอกเป็นนัยอะไรแก่เขา
ทุกอย่างล้วนเป็นหร่วนฉงที่เต็มใจพาตัวเข้าไปอยู่ในกระดานหมากเอง ยอมรับหน้าที่เป็นหนึ่งในหมากบนกระดานของชุยฉานพร้อมกับบุตรสาวหร่วนซิ่ว
นี่คือการวางแผนที่แม่นยำและการคาดการณ์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับด้านจิตใจคนของชุยฉาน นี่ต่างหากจึงจะเป็นฝีมือการเล่นหมากล้อมนอกกระดานของนักเล่นระดับแคว้นคนหนึ่ง
หยางเหล่าโถวยิ้มกล่าว “อย่าได้ไม่เห็นอดีตลูกศิษย์คนแรกของเหวินเซิ่งอยู่ในสายตา ศึกตรีจตุที่ตัดสินทิศทางการเดินไปของสายบุ๋นทั่วทั้งใต้หล้าไพศาลครานั้น กฎกติกาครึ่งหนึ่ง เท่ากับว่าชุยฉานเป็นคนกำหนด แล้วเขาจะไม่ร้ายกาจได้หรือ? เพียงแต่ว่าตอนนั้นชุยฉานเป็นดั่งนกหวาดคันธนู อีกทั้งยังรู้สึกระแวงเหมือนวัวสันหลังหวะ หลบไปหลบมา ลำบากอย่างมาก ให้ตายก็ไม่กล้าปรากฏตัว ดังนั้นถึงได้สูญเสียโอกาสสุดท้ายในการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ แน่นอนว่านี่ก็เป็นการปกป้องที่เหวินเซิ่งมีต่อชุยฉานอย่างที่มองไม่เห็นแบบหนึ่ง เจ้าเห็นหรือไม่ว่าลูกศิษย์ใหญ่ของข้าหลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชนเช่นนี้แล้ว มีชีวิตเหมือนสุนัขไร้บ้านยิ่งกว่าปรมาจารย์มหาปราชญ์ในปีนั้นเสียอีก สายหย่าเซิ่งของพวกเจ้ายังมีหน้ามาตอแยเขาไม่เลิกอีกหรือ? พวกเจ้าพูดกันเองไม่ใช่หรือว่าต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถ้าอย่างนั้นก็เห็นชุยฉานเป็นดั่งผายลมซะสิ ดังนั้นชุยฉานจึงหนีมาที่แจกันสมบัติทวีปของพวกเราได้อย่างปลอดภัย หร่วนฉง อย่าใช้สายตาแบบนี้มองข้า เรื่องไร้ยางอายประเภทนี้ เหวินเซิ่งทำได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในบรรดาอริยะมากมายที่ถูกตั้งบูชา ข้าถึงได้ถูกชะตากับอาจารย์ท่านนี้มากกว่าใคร”
หร่วนฉงกระตุกมุมปาก “ความอ้อมค้อมวกวนของจิตใจบัณฑิต คาดว่าคงจะอ้อมไกลยิ่งกว่าเส้นทางภูเขาทั้งหมดในใต้หล้าไพศาลเสียอีก”
หยางเหล่าโถวหัวเราะหึหึ “บวกกับใต้หล้ามืดสลัวของลัทธิเต๋า ใต้หล้าบงกชของลัทธิพุทธและใต้หล้าเปลี่ยวร้างของเผ่าปีศาจแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!