เรือหอเรือนจอดเทียบท่าช้าๆ เนื่องจากตัวเรือใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าขุนเขา เป็นเหตุให้พวกฟ่านเยี่ยน หยวนหยวนและลวี่ไช่ซางที่รออยู่ริมท่าเรือได้แต่แหงนหน้ามองไป
ตรงหัวเรือ กู้ช่านที่สวมชุดหม่างสีหมึกกระโดดลงมาจากราวระเบียง ศิษย์พี่หญิงใหญ่เถียนหูจวินช่วยปัดชุดหม่างให้เขาเบาๆ อย่างเป็นธรรมชาติ กู้ช่านชำเลืองตามองนาง “วันนี้เจ้าไม่ต้องขึ้นฝั่งแล้ว”
ใบหน้าเถียนหูจวินเต็มไปด้วยความกังวล “นักฆ่าที่แฝงตัวอยู่ในนครน้ำบ่อกลุ่มนั้น ว่ากันว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่ของราชวงศ์จูอิ๋ง มิอาจดูแคลน มีข้าอยู่ด้วย…”
กู้ช่านยิ้มกล่าว “มีเจ้าอยู่ด้วยจะมีประโยชน์กะผายลมอะไร หรือว่าเมื่อถึงช่วงเวลาอันตรายที่ตัดสินเป็นตายจริงๆ ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะยอมตายแทนข้า? ในเมื่อไม่มีทางทำได้ ก็ไม่ต้องคิดจะเอาใจข้าในเรื่องนี้อีก คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง? ดูอย่างตอนนี้ที่เจ้าช่วยลูบรอยยับบนชุดของข้าให้ราบเรียบนี่สิ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้ อีกทั้งยังเต็มใจทำ ส่วนตัวข้าเองก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย ดีจะตายไป”
เถียนหูจวินสายตาหม่นหมอง ไม่ยืนกรานอีก
ฉินเจวี๋ยและเฉาเจ๋อหันมาสบตาแล้วยิ้มให้กัน
จะมองศิษย์น้องเล็กกู้ช่านเป็นเด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย
สกัดคงคาเจินจวินหลิวจื้อเม่า อาจารย์ที่พวกเขามีร่วมกันเคยพูดด้วยรอยยิ้มในงานเลี้ยงฉลองครั้งหนึ่งว่า มีเพียงกู้ช่านที่เหมาะสมกับการสืบทอดวิชาของเขามากที่สุด
หลิวจื้อเม่ายังกวาดตามองทุกคนที่นั่งกันอยู่เต็มโถงด้วยสายตามืดทะมึน พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเจ้าเกาะชิงเสียในอนาคตมีเพียงกู้ช่านเท่านั้น ใครก็อย่าได้คิดจะแย่งชิง ไม่อย่างนั้นไม่ต้องให้กู้ช่านทำอะไร เขานี่แหละที่จะลงมือด้วยตัวเอง เก็บกวาดสำนักให้สะอาดเอี่ยม ศพของคนผู้นั้นจะไม่ทิ้งให้เสียเปล่าเด็ดขาด
ตอนนั้นกู้ช่านเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างเอ้อระเหย เท้าสองข้างเหยียบอยู่บนร่างของ ‘หนีชิว’ ที่เผยร่างจริง แต่เรือนกาย ‘บอบบาง’ กว่าปกติอยู่มาก พอกู้ช่านได้ยินประโยคนี้ก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ชูจอกเหล้าที่บรรจุเหล้าผลไม้รสหวานขึ้นสูง “อาจารย์ ดื่มเหล้าๆ”
สุดท้ายคนที่ลงจากเรือมีเพียงกู้ช่าน ศิษย์พี่สองคนอย่างฉินเจวี๋ยกับเฉาเจ๋อ และแม่นางเปิดสาบเสื้อสองคนที่สวมหมวกผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่เรือนกายที่อรชนอ้อนแอ้นกลับเผยความมีเสน่ห์เย้ายวนออกมาอย่างเต็มที่
ฟ่านเยี่ยนเจ้านครน้อยของนครน้ำบ่อคือหมอนปักลายบุปผาที่งดงามแต่ไร้ประโยชน์ เรือนกายของเขาสูงใหญ่ หน้าตามีเสน่ห์สง่างาม เขาเดินก้าวเร็วๆ เข้ามารับพวกกู้ช่าน ค้อมเอวกำหมัด ยิ้มประจบเอ่ยว่า “พี่ใหญ่กู้ คราวก่อนเจ้ารังเกียจว่ากินปูยุ่งยากเกินไปไม่ใช่หรือ คราวนี้น้องชายอย่างข้าก็เลยตั้งใจช่วยพี่ใหญ่กู้คัดตัว…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ฟ่านเยี่ยนก็คลี่ยิ้มมีเลศนัย ยกสองมือทำท่าวาดเป็นครึ่งวงกลมตรงหน้าอกของตัวเอง “แม่นางที่หุ่นแบบนี้มาให้ บอกไว้ก่อนว่าหากพี่ใหญ่กู้ไม่ถูกใจ ก็แค่ให้นางช่วยแกะเนื้อปูก็พอ แต่หากถูกใจ ต้องพานางกลับไปเป็นสาวใช้ที่เกาะชิงเสียด้วยนะ แล้วก็ช่วยจดจำความดีของข้าไว้สักครั้ง พี่ใหญ่กู้ไม่รู้หรอกว่า เพื่อพาตัวนางออกจากแคว้นสือหาวมายังนครน้ำบ่อ ข้าต้องเปลืองแรงและต้องทุ่มเงินเทพเซียนไปมากเท่าไหร่!”
กู้ช่านยิ้มตาหยี “คงไม่ใช่ว่าสตรีที่มีโอกาสใกล้ชิดข้าคนนี้ แท้จริงแล้วถูกคนสลับตัว เปลี่ยนมาเป็นศัตรูคู่แค้นที่มีใจคิดร้ายอยากสังหารข้าหรอกกระมัง?”
ฟ่านเยี่ยนอึ้งงันเป็นไก่ไม้ “แล้วจะทำยังไงกันดี? เงินมากมายขนาดนั้นของน้องชายต้องละลายหายไปกับสายน้ำเช่นนี้หรือ?”
หยวนหยวนที่ได้เกิดมาในครรภ์ที่ดียิ้มอย่างคนมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ก่อนที่กู้ช่านจะมาอยู่เกาะชิงเสีย ลวี่ไช่ซางที่เคยเป็นอดีตมารน้อยจอมเกเรรุ่นก่อนของทะเลสาบซูเจี่ยนดูแคลนฟ่านเยี่ยนผู้โง่เขลามาโดยตลอด เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนมือเติบหน้าใหญ่ที่ ‘ใครขวางทางการทุ่มเงินของข้า คนผู้นั้นก็คือศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกับข้า’ เพิ่มขึ้นมาในกลุ่ม ใครเล่าจะไม่ยินดี เจ้าของเกาะทุกคนของทะเลสาบซูเจี่ยนล้วนต้องการพวกเงินถุงเงินถังที่ชอบใช้เงินมากกว่าหาเงินกันทั้งนั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่นครน้ำบ่อคือหนึ่งในสามนครใหญ่ที่อยู่รอบทะเลสาบซูเจี่ยน ในกระเป๋าของพวกเขาก็มีเงินจริงๆ นั่นแหละ
ลวี่ไช่ซางคือเด็กหนุ่มหน้าตางดงามที่มีเรือนกายเพรียวบาง ผิวทั้งร่างเป็นสีหิมะขาวนวลเนียน หวงเฮ้อเคยพูดหยอกล้อว่าหากลวี่ไช่ซางทาชาดประทินโฉมสักหน่อย คิดจะเป็นแม่นางเปิดสาบเสื้อให้กู้ช่านก็เพียงพอเหลือแหล่ เพียงแต่ว่าต้องยัดหมั่นโถวสองลูกใหญ่ไว้ในสาบเสื้อถึงจะได้ ผลกลับกลายเป็นว่าลวี่ไช่ซางเดือดดาลอย่างหนัก ลงมืออย่างรุนแรง สังหารปรมาจารย์วิถีวรยุทธคนหนึ่งที่มาขวางหน้าปกป้องหวงเฮ้อตาย สุดท้ายเป็นกู้ช่านที่ช่วยเกลี้ยกล่อมจนเขาใจเย็นลง แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างลวี่ไช่ซางและหวงเฮ้อบุตรชายโทนของแม่ทัพใหญ่แคว้นสือหาวแตกร้าวแล้ว หลังจบเรื่องหวงเฮ้อก็ให้รู้สึกเสียใจภายหลัง คิดหาสารพัดวิธีมาแก้ไขความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าลวี่ไช่ซางกลับไม่ไว้หน้าเขาเลย
ลวี่ไช่ซางที่น้ำเสียงเล็กแผ่วเบาพูดกับกู้ช่าน “ช่านช่าน วางใจเถอะ ข้าทดสอบมาแล้ว เป็นแค่ตัวอ่อนในการฝึกตนห้าขอบเขตล่างเท่านั้น แต่หน้าตาดูดีมากจริงๆ ตอนอยู่แคว้นสือหาวนางมีชื่อเสียงมาก ในบรรดาสตรีที่เจ้ารวบรวมไว้ในเรือนใหญ่เกาะชิงเสีย เมื่อเทียบกับนางแล้วก็เป็นแค่สตรีธรรมดาสามัญที่เกะกะนัยน์ตาเท่านั้น”
กู้ช่านวาดเท้าเตะลวี่ไช่ซางเบาๆ หนึ่งที ด่ายิ้มๆ ว่า “น้ำเข้าสมองเจ้าแล้วหรือไง ไยต้องบอกก่อนด้วย ไม่เหลือเรื่องให้ข้ารู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด”
ลวี่ไช่ซางตวัดตามองค้อนกู้ช่าน มองดูแล้วเย้ายวนไม่น้อย ทำเอาฉินเจวี๋ยและเฉาเจ๋อที่มองเห็นอดรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจไม่ได้ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกนี้ออกมา
แม้ว่าทุกคนจะเป็นหนึ่งในสิบวีรบุรุษของทะเลสาบซูเจี่ยน แต่ทุกคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ในบรรดาคนทั้งเก้านี้ ใครหนักกี่จินกี่ตำลึง ต้องพึงรู้ตัวให้ดี ยกตัวอย่างเช่นหวงเฮ้อที่ไม่ประมาณการตัวเองเพียงครั้งเดียว เข้าใจผิดคิดว่าสามารถวางตัวเป็นพี่เป็นน้องกับลวี่ไช่ซางได้อย่างแท้จริง กลายเป็นว่าถูกตอกกลับจนหน้าหงาย ว่ากันว่าหลังกลับไปถึงจวนแม่ทัพใหญ่ ตอนแรกยังบ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ผลกลับถูกบิดาด่าซะจนไม่เหลือชิ้นดี
หยวนหยวนนายน้อยแห่งเกาะหวงหลีที่บิดามารดาตั้งชื่อเล่นให้ว่าหยวนหยวน (กลม/กลมดิก/อ้วนกลม) เหลียวซ้ายแลขวา แล้วกล่าวอย่างสงสัย “กู้ช่าน หนีชิวใหญ่ตัวนั้นของเจ้าล่ะ ไม่ตามขึ้นฝั่งมาด้วยหรือ? เมื่อปีก่อนพวกเราก็เคยเดินผ่านถนนของนครน้ำบ่อมาก่อนแล้ว มันใหญ่พอจะให้หนีชิวใหญ่เลื้อยผ่านไปได้นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!