สีหน้าของเฉินผิงอันเลื่อนลอย
ปีนั้นตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วไม้ของเมืองเล็กในถ้ำสวรรค์หลีจู
ในประตูคือเด็กหนุ่มขาเปื้อนโคลนที่ยังสวมรองเท้าสาน
นอกประตูคือไช่จินเจี่ยน ฝูหนันหัว สกุลสวี่แห่งนครลมเย็น วานรย้ายภูเขาแห่งขุนเขาตะวันเที่ยง เด็กหญิงที่บอกว่าจะย้ายภูเขาพีอวิ๋นกลับไปเป็นสวนดอกไม้ที่บ้านตัวเอง
นั่นเป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันได้สัมผัสกับคนต่างถิ่นที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองเล็ก แต่ละคนล้วนเป็นคนบนภูเขา คือเทพเซียนในสายตาของคนธรรมดา
ยังดีที่ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีแม่นางคนหนึ่งที่เคยเอ่ยว่า ‘มหามรรคาไม่ควรเล็กถึงเพียงนี้’
เฉินผิงอันมาถึงทะเลสาบซูเจี่ยน
เมื่อความดีและความเลวของตัวเองพุ่งชนกันจนเลือดโชกไหลนอง เขาถึงได้ค้นพบว่าที่แท้สภาพจิตใจของตนก็มีจุดด่างพร้อยมากมายขนาดนี้ แตกสลายไม่เหลือชิ้นดีขนาดนี้
ยกตัวอย่างเช่นเขาจำเป็นต้องเริ่มยอมรับว่าตัวเองก็คือคนบนภูเขาแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าใช่ครึ่งตัว
ไม่อย่างนั้นก็จะคอยต่อต้านตัวเองอยู่ในใจตลอดเวลาเพียงแค่เพราะบุคคลอย่างวานรย้ายภูเขา นี่ก็คือข้อบกพร่องบนมหามรรคา
ดังนั้นแม้ว่าปีนั้นเขาจะสร้างสะพานยาวสีทองขึ้นมาท่ามกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลาของพื้นที่มงคลดอกบัวได้สำเร็จ แต่จิตดั้งเดิมของเฉินผิงอันกลับบอกตัวเองอย่างชัดเจนว่า
ขอแค่เดินขึ้นไปจริงๆ สะพานจะถล่มลงมา และเขาก็จะจมลงสู่ลำคลอง
เฉินผิงอันถอนหายใจ “ครั้งหนึ่งคือตอนที่หมุนตัว อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่เหม่อลอย หนีชิวน้อย ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วสองครั้ง แต่เจ้ากลับยังไม่กล้าสังหารข้าอย่างนั้นหรือ?”
นางเอ่ยเสียงเย็น “นี่ก็ยังอยู่ในแผนการของเจ้าไม่ใช่หรือ? ตามคำบอกของเจ้า กฎเกณฑ์มีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง อยู่ที่นี่ เจ้าซ่อนกฎเกณฑ์ของเจ้าเอาไว้ อาจจะแอบร่ายค่ายกลอำพรางตา อาจจะเป็นเชือกพันธนาการปีศาจที่กำราบข้ามาได้ตั้งแต่เกิด ล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด อีกอย่าง เจ้าเองก็บอกแล้วว่า เมื่อฆ่าเจ้า จะมีประโยชน์อะไรกับข้า ต้องเสียที่พึ่งอย่างหนึ่ง เสียยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งไปเปล่าๆ”
เฉินผิงอันยิ้มพูด “นี่ถือว่าเหตุผลของข้าใช้ได้แล้วหรือไม่?”
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กำลังจะบอกว่าคนอย่างข้าดีแต่เลือกใช้เหตุผลที่ตัวเองต้องการใช่หรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้าเบาๆ
นางคลี่ยิ้มอย่างเสแสร้ง “ท่านอาจารย์จะสั่งสอนข้าอย่างไร? ถานเซวี่ยล้างหูรอฟังแล้ว”
เฉินผิงอันเอ่ยว่า “เจ้าไม่ใช่คน เป็นแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ปีนั้นตอนอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูก็ไม่ควรมอบให้เจ้าเด็กขี้มูกยืด หากเอาไปต้มกินก็คงไม่มีบัญชีเละเทะมากมายอย่างในตอนนี้”
นางยิ้มบางๆ “ข้าไม่โกรธ แล้วก็จะไม่ทำให้เจ้าสมใจปรารถนา ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าได้ตัดขาดและขีดเส้นจำกัดขอบเขตกับข้า”
เฉินผิงอันจุ๊ปากพูด “มีพัฒนาการแล้ว แต่เจ้าไม่สงสัยหรือว่าข้ากำลังแสร้งข่มขู่ให้เจ้ากลัวอยู่หรือไม่?”
นางส่ายหน้า “ถึงอย่างไรหลังจากที่พูดคุยกันอย่างเปิดอก ข้าก็ได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย ยังมีหลักการเหตุผลข้อหนึ่งที่ข้าฟังเข้าหูแล้ว ตอนนี้ท่านเฉินกำลังทำความดีของคนดีเพื่อตัวเอง แม้ข้าจะทำไม่ได้ แต่ข้าก็สามารถอยู่ร่วมกับเจ้าอย่างว่าง่าย แค่ไม่ทำผิดอีกก็ได้แล้ว ถึงอย่างไรก็จะไม่เปิดโอกาสให้เจ้าได้หาข้ออ้างมาเล่นงานข้า แล้วแบบนี้จะไม่ยิ่งสามารถทำให้ท่านเฉิน ที่ฉลาดมาก แต่ก็ชอบรักษากฎเกณฑ์ ชอบใช้เหตุผล สะอิดสะเอียนได้มากหรอกหรือ? สังหารข้า มหามรรคาของกู้ช่านจะได้รับความเสียหาย สะพานแห่งความเป็นอมตะต้องขาดสะบั้น เขาไม่ได้มีความยืดหยุ่นและมานะอุตสาหะเฉกเช่นเจ้า ไม่มีปัญญาคลานไปทีละก้าวด้วยตัวเอง เกรงว่าคงกลายเป็นเศษสวะไร้ค่าไปชั่วชีวิต เฉินผิงอันเจ้าทนเห็นเขาเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ก็จริง เจ้าเด็กขี้มูกยืดจะเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร? คนที่แม้แต่มารดาตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นคนเช่นไร ไม่รู้ว่าสัตว์เดรัจฉานที่มหามรรคาเชื่อมโยงอยู่กับตนคิดเช่นไร แม้แต่เรื่องที่นอกจากหลิวจื้อเม่าจะใช้วิธีการอำมหิตโหดร้ายงัดข้อกับคนอื่นแล้ว ยังมีความสามารถในการควบคุมจิตใจคนอย่างไร แม้แต่กับลวี่ไช่ซางก็ยังไม่รู้ว่าควรจะผูกมัดใจเขาให้ได้จริงๆ อย่างไร หรือแม้กระทั่งกับคนโง่ฟ่านเหยี่ยนก็ยังไม่แม้แต่จะเต็มใจคิดให้มากว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนโง่จริงหรือไม่ แม้แต่หนึ่งในหมื่นของสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดก็ยังไม่ยอมเสียเวลาคิดพิจารณา กู้ช่านที่เป็นเช่นนี้ เขาจะเอาอะไรมาแข่งกับข้าได้? ตอนนี้เขาอายุยังน้อย แต่ก็อยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยน ทว่าต่อให้มอบเวลาให้เขาอีกสิบปียี่สิบปี เขาก็ยังไม่ยินดีจะคิดให้มากอยู่อย่างนี้”
คำพูดประโยคนี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยสบายๆ
เฉินผิงอันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือสองข้างรับไออุ่นอย่างเต็มที่ “เรื่องราวทางโลกก็ประหลาดเช่นนี้ ข้าสังหารปีศาจปลาไหล กลับกลายเป็นว่ามีเวรกรรมติดตัว กู้ช่านฆ่าคนบริสุทธิ์ของทะเลสาบซูเจี่ยนไปมากมายขนาดนั้น คนบางส่วนที่ฆ่าไปก็ถือว่าถูกต้องแล้ว แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแค่คนส่วนน้อยเท่านั้น นอกจากผลกรรมใหญ่แล้ว กลับยังได้รับโชควาสนามาเพิ่มด้วย ทะเลสาบซูเจี่ยนของพวกเจ้าช่างเป็นสถานที่ที่ทำให้คนไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจริงๆ หากไม่เล่นงานพวกคนธรรมดา เอาแต่เปิดฉากสังหารใหญ่กับผู้ฝึกตนอิสระอย่างเดียว คาดว่าคงฆ่ากันไปจนสิ้นซากแล้ว อย่างน้อยผลลัพธ์ที่ได้ก็คงเป็นความผิดและความชอบลดทอนหายกันไปกระมัง? แน่นอนว่าข้าไม่กล้ายืนยัน นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาในช่วงเวลาที่เบื่อหน่ายเท่านั้น”
ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
คำกล่าวนี้ เมื่อปรากฎอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนก็สามารถนำมาใคร่ครวญขบคิดได้ซ้ำไปซ้ำมา
คนที่มีชีวิตอยู่เป็นเช่นนี้ คนที่ตายไปแล้วก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นางยังคงยิ้มตาหยีกล่าวว่า “เรื่องราววุ่นวายอลวนเหล่านี้ ข้าไม่ท่านเฉินสักหน่อย ไม่คิดจะสนใจหรอกนะ ส่วนที่ด่าข้าว่าสัตว์เดรัจฉาน ขอแค่ท่านเฉินอารมณ์ดีก็พอ แล้วนับประสาอะไรกับที่เดิมทีถานเซวี่ยก็เป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่แล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มกว้างสดใส “เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านเกิด ต่อให้ข้าจะเดินทางท่องไปในยุทธภพไกลนับพันนับหมื่นลี้มาถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดี ต่อให้คนที่สำคัญต่อข้าอย่างมากสองคนจะบอกว่าข้าเป็นคนดีเกินเหตุ ข้าก็ยังไม่เชื่อแม้แต่น้อย ตอนนี้พอได้มาอยู่ทะเลสาบซูเจี่ยนระยำของพวกเจ้า ข้าผู้อาวุโสเกือบจะกลายเป็นอริยะผู้ทรงคุณธรรมอยู่แล้ว วิถีทางโลกชาติหมา กฎเกณฑ์ทะเลสาบซูเจี่ยนผายลมสุนัข พวกเจ้าคงกินขี้กันจนติดใจแล้วสินะ?”
นักบัญชีหนุ่มพูดไม่เร็ว แม้ว่าในน้ำเสียงจะแฝงไว้ด้วยคำถาม แต่เนื่องจากน้ำเสียงของเขาแทบจะไม่มีขึ้นลง จึงเหมือนคนกำลังเล่าเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น
นางปิดปากหัวเราะคิก “ท่านเฉินแน่จริงก็ไปพูดกับกู้ช่านสิ ข้าฟังไม่เข้าหูหรอก มีแต่จะเห็นเป็นลมที่พัดผ่านหูไป ตอนนี้สภาพจิตใจของกู้ช่านไม่มั่นคง ไม่สู้เลือกวันไหนที่แสงแดดสาดส่องหลังหิมะตก แล้วท่านเฉินก็ไปนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ไผ่กับเจ้าเด็กขี้มูกยืด คนหนึ่งพูด คนหนึ่งฟัง เหมือนกับก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่บนโต๊ะอาหารอย่างไรล่ะ เชื่อว่าตอนนี้กู้ช่านน่าจะเต็มใจฟัง อาจจะยังไม่เห็นเป็นจริงเป็นจังอยู่เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยก็เต็มใจรับฟังบ้างแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!