กล่าวมาถึงตรงนี้ หลิวเหล่าเฉิงก็เด็ดกิ่งหลิวมากิ่งหนึ่งแล้วเริ่มถักอย่างคล่องแคล่ว “ข้าคุณสมบัติดี โชคก็ดียิ่งกว่า เส้นทางในการฝึกตนของข้าเจอกับอุปสรรคอยู่ตลอดเวลา ยากลำบากมาไม่น้อย แต่ทุกครั้งที่ถึงช่วงเวลาสำคัญมักจะก้าวเดินมาได้อย่างราบรื่นเสมอ ดังนั้นจึงเลื่อนเป็นก่อกำเนิดมาตั้งนานแล้ว แต่พันไม่ควรหมื่นไม่ควร ข้าไม่ควรชอบนางเลยจริงๆ ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นคือนางยังมองออก ตอนแรกเพื่อหลบเลี่ยงนาง ข้าจึงออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน ผลกลับกลายเป็นว่าผ่านไปหลายสิบปี กิ่งหลิวบนเกาะกงหลิ่ว (กิ่งหลิวกับชื่อเกาะกงหลิ่วเขียนเหมือนกันความหมายเดียวกัน แต่คนไทยจะชินกับการเรียกต้นหลิวมากกว่าต้นหลิ่ว ผู้แปลจึงใช้คำว่าต้นหลิวแทนต้นหลิ่ว) ล้วนถูกนางเด็ดมาจนหมดแล้ว (เด็ดกิ่งหลิวมาถักทอเหมือนการบอกให้รู้ว่ารอคอยคิดถึงและรอคอยคนที่จากไปไกล) ข้าก็เลยเริ่มใจอ่อน คิดว่าไม่อย่างนั้นก็ทำตามใจตัวเองไปดีกว่า ก่อนหน้านี้ไร้หัวใจเกินไปถึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้เสียที ไม่แน่ว่าเมื่อนิ่งอย่างถึงที่สุดอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ กลับกลายเป็นว่ามีโอกาสฝ่าทะลุคอขวด ข้าก็เลยผูกสมัครเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับนาง และคอขวดก็มีการขยับเคลื่อนจริงๆ เพียงแต่ว่าหลังจากนั้น เนื่องจากปีนั้นนางต้องการอยู่กับข้าไปนานๆ อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับไม่ยอมมาขอร้องข้า กลัวว่าข้าจะดูแคลนนาง ไม่รู้ว่านางไปหาตำราลับที่ไม่สมบูรณ์แบบเล่มหนึ่งมาจากที่ใด วิธีการของมันค่อนข้างจะนอกรีต จึงเกือบจะธาตุไฟเข้าแทรก ข้าถึงต้องทุ่มเงินฝนธัญพืชก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือนาง เงินสะสมของเกาะกงหลิ่วในยามนั้นหายไปเกือบครึ่ง แต่ยังดี แม้จะทุลักทุเลก็ยังได้เป็นผู้ฝึกตนโอสถทอง แต่เพียงไม่นานข้าก็ค้นพบว่าการดำรงอยู่ของนางคือฝันร้ายสำหรับข้า แต่ข้าก็ไม่อยากสังหารนางเพื่อชดเชยจุดด่างพร้อยในจิตใจ ให้ตัวเองได้เลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบน จึงผลักดันนางให้ขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งเจ้าแห่งยุทธภพ จากนั้นก็ไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน แต่ว่าข้าผิดไปแล้ว ผิดมาก ผิดมหันต์ เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป นางที่ถูกข้าทิ้งไว้บนเกาะกงหลิ่วก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะนางกลัวตาย โอสถทองเม็ดนั้นของนางเดิมทีก็กึ่งจริงกึ่งปลอม ลมรั่วเข้าแปดทิศ ก่อนหน้านี้นางใช้วิธีลัดของสำนักนอกรีตมาสร้างโอสถ สภาพจิตใจจึงย่ำแย่ซ้ำซ้อน พอข้าจากไปเช่นนี้ก็ยิ่งเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ ทำให้นางยิ่งคลุ้มคลั่งมากขึ้นทุกที สุดท้ายมีวันหนึ่งนางออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยนแล้วเริ่มตามหาข้าทั่วสารทิศอย่างบ้าคลั่ง ทุกที่ที่ข้าเคยปรากฏตัวหรืออาจจะเคยผ่านไป นางล้วนไปเยือนมาหนึ่งรอบ ด้วยนิสัยของนาง ออกไปจากเกาะกงหลิ่ว อีกทั้งไม่มีตำแหน่งเจ้าแห่งยุทธภพ ตลอดทางจึงเผชิญแต่ความยากลำบาก หากไม่เป็นเพราะอาศัยสมบัติอาคมสองชิ้นที่ข้ามอบให้นาง ไม่แน่ว่าอาจต้องตายไปทั้งอย่างนั้น…แต่สำหรับพวกเราทั้งสองฝ่ายแล้ว นี่กลับกลายเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”
หลิวเหล่าเฉิงเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง มืออีกข้างหนึ่งหมุนกำไลกิ่งหลิวเบาๆ “ตอนที่ข้าหานางพบ จิตวิญญาณของนางแตกสลายคล้ายแผ่นกระเบื้องร้อยชิ้นพันชิ้น ต่อให้จนกระทั่งถึงวันนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่านางอาศัยอะไรถึงอดทนจนวันที่ได้พบเจอข้า หากเปลี่ยนไปเป็นผู้ฝึกตนก่อกำเนิดคนหนึ่ง เกรงว่าก็คงทนไม่ไหว นางในเวลานั้นไม่เหลือสติอยู่แล้ว แค่พอจะรู้สึกได้ว่าข้าไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่น นางจึงยืนอยู่ที่เดิม ตอนนั้นสายตานางที่มองข้า…เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคือความรู้สึกแบบใด? เจ้าไม่มีทางเข้าใจ นางพยายามที่จะจดจำข้าให้ได้ คล้ายกับว่ากำลังงัดข้ออยู่กับสวรรค์”
หลิวเหล่าเฉิงโยนเบาๆ กำไลกิ่งหลิวก็ตกลงไปในทะเลสาบซูเจี่ยน
ริ้วน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก ค่ายกลใหญ่แห่งภูเขาและแม่น้ำถูกเปิดใช้งานอย่างเงียบเชียบ
น้ำเสียงของหลิวเหล่าเฉิงเริ่มเย็นชา “นาทีนั้น ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดอย่างข้าที่ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้ จิตแห่งเต๋าเกือบจะแตกสลายคาที่ ไม่ต่างจากสภาพจิตวิญญาณของนาง จนกระทั่งบัดนั้นข้าถึงเพิ่งจะกระจ่างแจ้งอยู่ในใจว่า ที่แท้นางคือโอกาสใหญ่ในการบรรลุมรรคาของข้าจริงๆ ปีนั้นที่ข้าเลือกทำตามใจตัวเอง ไม่ใช่ความผิดพลาด ดังนั้นข้าจึงต้องกำจัดมารในใจ สังหารนางด้วยมือของตัวเอง”
หลิวเหล่าเฉิงหัวเราะเสียงเย็น “เพียงแต่ว่าตอนนั้นข้าใจดำอำมหิตมากพอ แต่มันกลับยังไม่ผสานกับมหามรรคาของข้าได้สมบูรณ์แบบมากพอ ถึงได้มีหงซูอย่างในทุกวันนี้ เดิมทีจิตวิญญาณของนางควรแหลกสลายไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่โอกาสไปจุติใหม่ก็ยังไม่มี ยิ่งไม่มีทางมีหงซูที่ไหนมาปรากฏตัวบนเกาะจูเสียน จากนั้นก็ถูกเจ้าคนโง่เขลาเบาปัญญาอย่างหลิวจื้อเม่านำมากุมเป็นจุดอ่อน ในเมื่อฆ่าไปแล้วครั้งหนึ่ง ฆ่าอีกครั้งจะเป็นไรไป?”
สีหน้าของหลิวเหล่าเฉิงเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด “ความใจอ่อนเพียงแค่เสี้ยวเดียวในเวลานั้น ทำให้ข้าที่กำลังฝ่าทะลุคอขวดก่อกำเนิดเกือบจะต้องกลายเป็นเหยื่อของเทวบุตรมารนอกโลก ศึกครั้งนั้นต่างหากที่เป็นการเข่นฆ่าสังหารที่เหี้ยมโหดที่สุดในชีวิตนี้ของข้าหลิวเหล่าเฉิง เทวบุตรมารนอกโลกใช้รูปโฉมของหวงฮั่น…ไม่สิ มันก็คือนาง นางก็คือมัน ก็คือหวงฮั่นในใจของข้าคนนั้น ในทะเลสาบหัวใจ กายธรรมร่างทองของข้าสูงเท่าไหร่ นางก็สูงเท่านั้น ตบะของข้าแข็งแกร่งเท่าไหร่ พละกำลังของนางก็แข็งแกร่งเท่านั้น ทว่าจิตใจของข้าได้รับบาดเจ็บ นางกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ถูกข้าตีให้แหลกสลายไปครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง นางสู้สุดชีวิตกับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แทบไม่เคยหยุดพัก สุดท้ายนางก็เปิดปากด่าว่าข้าหลิวเหล่าเฉิงเป็นคนทรยศ ด่าว่าเพื่อบรรลุมรรคาของตัวเอง แม้แต่นางก็ยังฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่าได้ลงคอ”
หลิวเหล่าเฉิงหัวเราะหยันตัวเอง “นั่นถือเป็นครั้งแรกที่นางด่าข้าเลยนะ ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่บอกว่าฆ่านางไปแล้วครั้งหนึ่งกลับไม่ถูกต้องนัก เพราะอันที่จริงข้าฆ่านางไปเป็นร้อยครั้งแล้ว”
“อันตรายหรือไม่?”
หลิวเหล่าเฉิงถามเองตอบเอง “เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กที่ทะเลาะกัน เกาผิวหนังถลอกแล้วร้องไห้จ้าก็เท่านั้น”
“หลังจากถูกข้าสังหารไปอีกนับครั้งไม่ถ้วน นางกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จ้องมองข้าอย่างหลงใหลเหมือนในอดีต ราวกับว่าพยายามจะนึกให้ออกว่าข้าเป็นใคร แล้วก็เหมือนมีอะไรดลใจ สติเสี้ยวหนึ่งของนางจึงกลับคืนมา เลือดเริ่มไหลออกมาจากดวงตา ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นางใช้เสียงในใจบอกข้าอย่างขาดๆ หายๆ ว่า ให้รีบลงมือ อย่าได้ลังเลเด็ดขาด สังหารนางแค่อีกครั้งก็พอแล้ว นางจะไม่เสียใจที่ชีวิตนี้เคยชอบข้า นางแค่เกลียดที่ตัวเองไม่สามารถเดินเคียงข้างข้าไปได้ถึงท้ายที่สุด…”
“ตอนนั้นสภาพจิตใจของข้าวุ่นวายอย่างหนัก เกือบจิตตายปณิธานสลาย เพื่อคำว่าห้าขอบเขตบน เพื่อให้มีที่หยัดยืนอยู่บนยอดเขา มันคุ้มกันแล้วหรือ? ไม่มีนางอยู่ข้างกายก็จะกลายเป็นเทพเซียนที่อิสระเสรีได้จริงๆ หรือ?”
“นางเดินเข้ามาหาข้าทีละก้าวอย่างโซซัดโซเซ แขนขาทั้งสี่แข็งทื่อ แต่กระนั้นก็ยังพยายามใช้เสียงในใจพูดสามคำซ้ำๆ ว่า ‘ขอร้องเจ้าล่ะ’ ประโยคสุดท้ายนางเอ่ยว่า ‘คิดซะว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อข้า’”
“ข้าจึงทุบตีนางให้แหลกสลายเหมือนคนบ้า ฟ้าดินเงียบสงัด”
“ข้าล้มลงมิอาจลุกขึ้นมาได้อีก”
“ผลคือเมื่อข้าลืมตาขึ้นมองไปบนท้องฟ้า หวงฮั่นนางเหมือนนางฟ้าที่โบยบินลงมา หุ่นอรชรอ้อนแอ้น คาดเข็มขัดหลากสีอาภรณ์พลิ้วไสว นางไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว ทว่าในดวงตานางได้บอกกล่าวทุกสิ่งอย่างแล้วว่า ความดิ้นรนพยายามทั้งหลาย ความรักความผูกพันลึกซึ้งทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่การเล่นละครของนางเท่านั้น”
หลิวเหล่าเฉิงหยุดพูด ไม่ได้เล่าจุดจบระหว่างตนกับหวงฮั่น หรือควรจะพูดว่าเทวบุตรมารนอกโลกตนนั้น แต่หันหน้ากลับมา
ผลคือเห็นว่าคนหนุ่มผู้นั้นทำหน้ายับยุ่งทอดสายตามองไปไกล ริมฝีปากสั่นระริกเบาๆ
หลิวเหล่าเฉิงหัวเราะ ส่ายหน้ากล่าวว่า “ดูท่าคงจะมีแม่นางที่ชอบแล้วสินะ เพียงแค่ลองพาตัวเข้ามาในสถานการณ์ก็รู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้เกิดกับตัวเอง มิอาจแบกรับได้ไหว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!