กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 446

เฉินผิงอันมองนาง เอ่ยเนิบช้า “ทะเลสาบซูเจี่ยนจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ หวังว่าท่านอาหญิงจะทำเหมือนตอนที่เพิ่งย้ายออกจากตรอกหนีผิงมายังเกาะชิงเสียที่ระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก คอยมองดูให้มาก มองดูว่าควรจะช่วยกู้ช่านขยับขยายกิจการของจวนชุนถิงให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างไร ในเมื่อทำเพื่อกู้ช่าน ถ้าอย่างนั้นข้าก็คิดว่าขนาดความลำบากที่ต้องเผชิญมาตลอดหลายปีในตรอกหนีผิงยังผ่านมาได้แล้ว สามปีที่เพิ่งมาอยู่เกาะชิงเสียก็เจอมาแล้ว วันหน้า เพื่อกู้ช่านแล้ว ท่านอาหญิงจะทนลำบากต่อไปอีกหน่อยได้หรือไม่? ย่อมมีสักวันที่ได้ลืมตาอ้าปาก ก็เหมือนปีนั้นที่เลี้ยงดูกู้ช่านจนเติบใหญ่ การกินอยู่ของเจ้าเด็กขี้มูกยืดไม่เคยแย่กว่าเด็กคนอื่นที่เป็นเพื่อนบ้านเลยแม้แต่น้อย ก็เหมือนเปลี่ยนจากบ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิงมาเป็นจวนชุนถิง ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจได้ครอบครองเกาะทั้งเกาะเป็นของตน ไม่ใช่แค่จวนเหิงโปที่ใหญ่กว่าจวนชุนถิงเท่านั้น ถูกไหม? แล้วนับประสาอะไรกับที่วันใดวันหนึ่งบิดาของกู้ช่านอาจจะมาพบพวกเจ้าที่ทะเลสาบซูเจี่ยนก็ได้”

สตรีแต่งงานแล้วพยักหน้ารับอย่างแรง น้ำตาคลอดวงตา ดวงตาบวมแดงเล็กน้อย

เฉินผิงอันไม่เอ่ยอะไรอีก

สตรีแต่งงานแล้วนั่งอยู่อีกพักหนึ่งก็บอกลาจากไป เฉินผิงอันไปส่งนางที่หน้าประตูเรือน ทำอย่างไรสตรีแต่งงานแล้วก็ไม่ยอมรับเตาอุ่นมือใบนั้นมา บอกว่าไม่ต้อง ลมหนาวแค่นี้จะนับเป็นอะไรได้ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในตรอกหนีผิงมีความยากลำบากอะไรบ้างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน นางเคยชินมาตั้งนานแล้ว

เฉินผิงอันมองส่งนางจากไป แล้วจึงกลับเข้าไปในห้อง

สตรีแต่งงานแล้วเดินไปด้วยความยากลำบากแต่ไร้คำพร่ำบ่นตลอดทาง

รอจนนางขยับเข้าไปใกล้จวนชุนถิง สีหน้าก็เปลี่ยนมาเป็นบึ้งตึง ริมฝีปากขยับน้อยๆ เพียงแต่ว่าเมื่อสาวใช้วิ่งเร็วๆ ออกมาหา สตรีแต่งงานแล้วกลับรีบคลี่ยิ้มทันที

เฉินผิงอันนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เหม่อลอยไร้คำพูด ก่อนจะพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่มีประโยชน์ ถูกไหม เฉินผิงอัน?”

เขานวดคลึงข้างแก้มของตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นก็ทำเรื่องที่มีประโยชน์สักหน่อย”

เฉินผิงอันก้มหน้าค้อมเอวขยับกระถางไฟมาใกล้ วางเท้าไว้ด้านบน ยังคงถือเตาอุ่นมือเอาไว้ ฟุบตัวลงบนโต๊ะ งีบหลับไปอย่างสะลืมสะลือ

กึ่งหลับกึ่งตื่น คล้ายย้อนกลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้ง

เสียงผ่าฟืน เสียงหมาเห่ายามดึกดื่น เสียงเด็กร้องกะจองอแงรบกวนคนนอนหลับฝัน เสียงทุบผ้าของหญิงชราหลังค่อม

หลายคนต่างก็รู้สึกรำคาญ

ตอนนั้นที่อยู่ในตรอกหนีผิง เฉินผิงอันก็รำคาญเหมือนกัน แต่ก็ได้แค่ทนรับ

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก

อีกทั้งยิ่งนานวัน เรื่องที่คิดว่าเล็กน้อยเท่าไหร่ วันนี้พอมาย้อนนึกดูกลับรู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูกเท่านั้น

เสียงตุ้บดังขึ้น เตาอุ่นมือร่วงตกลงบนพื้น เฉินผิงอันสะดุ้งตื่น หยิบเตาอุ่นมือขึ้นมาวางฝั่งหนึ่งของโต๊ะยาว

นอนหลับไปตื่นหนึ่ง

พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นกลางดึกแล้ว เขาตื่นเพราะเสียงเคาะประตู

เฉินผิงอันเดินไปเปิดประตู เกือบทนไม่ไหวสบถด่าออกไป

นึกไม่ถึงว่าผู้ที่มาเคาะจะเป็นเจ้าเกาะจูไช หลิวจ้งรุ่น

เฉินผิงอันเปิดประตู แต่ไม่ได้เปิดทางให้นางเดินเข้ามา

หลิวจ้งรุ่นเลิกคิ้ว “ทำไม จะไม่ให้ข้าเข้าไปสักหน่อยหรือ?”

เฉินผิงอันย้อนถาม “ให้เจ้าเข้ามา วันหน้าข้าจะไปพบหม่าหย่วนจื้อแห่งจวนจูเสียนได้อย่างไร?”

หลิวจ้งรุ่นชูขวดกระเบื้องในมือขึ้น “เรื่องสำคัญขนาดนี้ พวกเราจะยืนคุยกันหน้าประตูจริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “เจ้าจงใจ?”

หลิวจ้งรุ่นยิ้มตาหยีพยักหน้ารับ

เฉินผิงอันกล่าวอย่างระอาใจ “เจ้าเกาะหลิว เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? นี่ไม่ใช่กฎในการทำการค้า เข้าใจไหม?”

หลิวจ้งรุ่นยิ้มกล่าว “อย่าคิดใช้เหตุผลกับสตรี”

เฉินผิงอันอึ้งตะลึง ก่อนจะยิ้มเจื่อน “มีเหตุผล”

แล้วเขาก็เปิดทางให้หลิวจ้งรุ่นเดินเข้ามาในห้อง เฉินผิงอันไม่กล้าปิดประตู ผลคือหลิวจ้งรุ่นกลับยกเท้าตวัดถีบ ประตูห้องปิดสนิททันที

หลิวจ้งรุ่นก้มหน้าลงมองแผ่นหินสีเขียวก้อนใหญ่ ชำเลืองตามองหีบหนังสือตรงมุมห้อง รวมไปถึงไม้ไผ่ม่วงหกลำที่ถูกผ่าครึ่งวางเอนพิงไว้ริมผนัง สุดท้ายเส้นสายตากลับมาที่แผ่นหินสีเขียวอีกครั้ง “ท่านเฉินหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ทั้งวันก็เพื่อทำของเล่นที่น่าสะพรึงกลัวพวกนี้น่ะหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ

หลิวจ้งรุ่นเดินมาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ ก้มหน้าลงมองกระถางไฟแวบหนึ่ง “ของสิ่งนี้ นับว่าหายาก”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หากชาวบ้านได้เห็นมังกรดินในเรือนใหญ่โตโอ่อ่าของพวกเจ้าจะยิ่งรู้สึกว่าหายากกว่านี้”

ในฐานะเซียนดินโอสถทองที่จงใจอำพรางตนอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน หลังจากนั่งลงแล้ว หลิวจ้งรุ่นก็เอาเท้าทั้งสองข้างวางไว้ข้างกระถาง “โอ้โห อุ่นไม่เบาเลย เดี๋ยวกลับไปข้าต้องหาไปไว้ในหอแสงอัญมณีสักใบ”

เฉินผิงอันถาม “เจ้าเกาะหลิวคิดดีแล้วหรือ?”

หลิวจ้งรุ่นยังคงกวาดตามองไปรอบด้านด้วยความสงสัยใคร่รู้ ปากก็ตอบไปว่า “คิดดีแล้ว นักบัญชีท่านหนึ่งที่สามารถทำให้บรรพจารย์หลิวคุ้มครองมาส่งด้วยตัวเอง ข้าหรือจะกล้าเพิกเฉย รนหาที่ตายหรือไร?”

เฉินผิงอันกลับกล่าวว่า “ข้อตกลงของพวกเรา อาจต้องชะลอไว้ก่อนชั่วคราว”

หลิวจ้งรุ่นกล่าวอย่างเดือดดาล “เฉินผิงอัน เจ้าปั่นหัวข้าอย่างนั้นรึ? ก่อนหน้านี้ใครกันที่เป็นฝ่ายวิ่งไปทำการค้ากับข้าถึงหอแสงอัญมณี ตอนนี้ข้ามาให้คำตอบกับเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับเริ่มวางท่าใส่ข้างั้นรึ? ทำไม สนิทกับบรรพจารย์หลิวแล้วก็เลยคิดจะยกมูลค่าให้ตัวเอง? ได้ เจ้าเสนอราคามาเลย! ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะมีหน้าพูดจาน่าอายคิดเอาทั้งเงินและคนอย่างไร”

เฉินผิงอันจ้องมององค์หญิงใหญ่ที่แคว้นล่มสลายตรงหน้า “หากไม่เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีเจ้าเกาะมากมายแวะมาเยี่ยมเยียนบนเกาะชิงเสีย การที่เจ้าเดินทางมาคืนนี้ ข้าก็คงไม่ปล่อยให้เจ้ามานั่งด่าคนอยู่ที่นี่ แต่จะขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับเจ้าอย่างจริงจังแล้ว เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งทำเป็นเลอะเลือน? เจ้าสามารถอดทนรออยู่บนเกาะจูไชได้อย่างง่ายๆ สบายๆ การที่เจ้าวาดงูเติมขาเช่นนี้ มีแต่จะทำร้ายให้เกาะจูไชถูกผลักเข้าไปในน้ำวน หากข้าล้มเหลว อย่าว่าแต่เกาะจูไชจะย้ายออกจากทะเลสาบซูเจี่ยนเลย แม้แต่กิจการในตอนนี้ก็คงรักษาไว้ไม่อยู่! หลิวจ้งรุ่น ข้าจะถามเจ้าคำถามเดิมอีกครั้ง เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

หลิวจ้งรุ่นยิ้มกล่าว “ขนาดยามที่แคว้นล่มสลาย ครอบครัวแตกแยก ข้ายังผ่านมันมาได้ ตอนนี้ไม่มีโอกาสที่แคว้นจะล่มสลายอีกแล้ว อย่างมากก็แค่ครอบครัวแตกแยก ยังต้องกลัวอะไรอีกเล่า?”

จิตของเฉินผิงอันพลันขยับไหว มองไปทางประตูห้อง

หลิวจ้งรุ่นประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าเฉินผิงอันคือผู้ฝึกกระบี่โอสถทองอย่างที่ภายนอกเล่าลือกันจริงๆ? ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงได้มีสัมผัสที่เฉียบไวขนาดนี้?

เพราะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญแอบมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่นอกประตู คล้ายกับชายสกปรกโสมมที่ชอบไปแอบฟังอยู่ตามมุมกำแพงบ้านคนอื่น

เฉินผิงอันขยิบตาให้หลิวจ้งรุ่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าเกาะหลิว ข้าขอย้ำอีกครั้ง ข้าไม่มีทางรับผู้ฝึกตนหญิงของเกาะจูไชเป็นสาวใช้ประจำตัวเด็ดขาด! นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่าใช้เงินเทพเซียนมากหรือน้อย…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!