กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 448

พลังหมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจของคนหนุ่มมองดูเหมือนว่าจะสู้สุดใจกับเขาให้ตายกันไปข้าง ทว่าแท้ที่จริงแล้วกลับเหมือนกบกระโดดแตะผิวน้ำ แค่สัมผัสก็หยุดลงทันที เหมือนเด็กที่ในมือถือค้อนเหล็ก พอใช้แรงทั้งหมดยกค้อนขึ้นทุบลงบนพื้นดิน พอค้อนอยู่ห่างจากพื้นอีกแค่ชุ่นกว่าๆ กลับหยุดชะงักลอยค้างอยู่กลางอากาศไม่ขยับต่อ ประเด็นสำคัญคือตอนที่เด็กคนนั้นเหวี่ยงค้อนขึ้นคล้ายจะเปลืองแรงอย่างมาก ทว่ารอจนกระทั่งยกค้อนขึ้นจริงๆ กลับไม่รู้สึกเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย

บงทีหากหูหานไม่ถอยหนี แต่ฉวยโอกาสนี้ขยับเข้าประชิดตัวมากกว่าเดิม ไม่แน่ว่าหมัดนั้นของเขาอาจจะต่อยทะลุหน้าอกของคนหนุ่มได้จริงๆ

แต่หูหานก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า ความเป็นไปได้มากกว่านั้นคืออีกฝ่ายมีวิธีรับมือรอตนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นมือที่คนหนุ่มซ่อนไว้ด้านหลังนั่น

อีกฝ่ายสามารถควบคุมพายุหมัดของตัวเองได้เชี่ยวชาญถึงขั้นนี้ ต่อให้ขอบเขตไม่สูง แต่ก็ต้องมียอดฝีมือช่วยหล่อหลอมเรือนกายให้เขานับร้อยนับพันครั้งแน่นอน หรือไม่ก็เคยผ่านประสบการณ์ตัดสินเป็นตายที่อันตรายอย่างใหญ่หลวงมาครั้งแล้วครั้งเล่า

เฉินผิงอันสะบัดข้อมือ พูดด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ “อย่าว่าแต่คนบ้าคลั่งวรยุทธผู้นั้นเลย แม้ขอบเขตของเจ้าจะสูง แต่แท้จริงแล้วพรสวรรค์ในการเรียนวรยุทธของเจ้ายังสู้หน้ายิ้มที่ข้าเคยเจอในอดีตไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวแนวทางเดียวกันกับเจ้า ปณิธานหมัดไม่เพียงพอ แต่วิชาต่อสู้ประชิดตัวใช้ได้”

หูหานมีสีหน้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง

ไม่ได้บอกว่าอันดับหนึ่งวิถีวรยุทธของแคว้นสือหาวผู้นี้เพิ่งจะประมือกับศัตรูก็เกิดใจหวาดกลัวเสียแล้ว นี่ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

แต่มือที่คนหนุ่มไพล่ไว้ด้านหลัง รวมไปถึงดาบและกระบี่ที่เขาพกไว้ตรงเอวต่างก็ทำให้เขาหงุดหงิดใจ

นี่คือลางสังหรณ์ตามสัญชาตญาณที่ปรมาจารย์วิถีวรยุทธผู้หนึ่งขัดเกลามาจากเส้นแบ่งเป็นแบ่งตาย

นี่ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถึงชีวิตอย่างแท้จริง

ส่วนคำพูดเหลวไหลที่บอกว่า ‘รากฐานเหยาะแหยะ ขอบเขตร่างทองเหมือนกระดาษเปียก’ ‘ปณิธานหมัดไม่เพียงพอ วิชาต่อสู้ประชิดตัวพอใช้ได้’ อะไรพวกนั้น หูหานไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจนัก

“ขอแค่มือและใจสอดประสานก็สามารถเก็บและปล่อยได้ตามใจปรารถนา การฝึกหมัดก็ต้องพิถีพิถันในเรื่องการฝึกจิตใจเช่นเดียวกัน ความสำคัญของมันไม่เป็นรองผู้ที่ฝึกตนบำเพ็ญตบะเลยแม้แต่น้อย เบื้องล่างปณิธานหมัดก็คือโครงท่าของหมัด ต่อจากโครงท่าของหมัดถึงจะเป็นเคล็ดวิชา ขอบเขตร่างทองนี้ของเจ้า หากโยนไปไว้ที่นั่นก็คงมีชีวิตอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน มีแต่จะกลายไปเป็นหินลับมีดที่ดีที่สุดของผู้ฝึกยุทธที่นั่นเท่านั้น”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เอาล่ะ พูดคุยกันมาถึงตรงนี้ ข้าก็พอจะรู้ตื้นลึกของเจ้าแล้ว”

หูหานก็เอามือข้างหนึ่งไพล่หลังเหมือนกัน มืออีกข้างหนึ่งของเข้ากระดกงอนิ้ว ยิ้มหน้าเป็นเอ่ยว่า “มีรับก็ต้องมีมอบกลับคืน ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเจ้าที่ลงมือก่อนบ้าง เจ้าจะได้ไม่รู้สึกว่าข้าอาศัยความอาวุโสมารังแก ไม่มีมาดที่คนเป็นผู้ใหญ่สมควรมี”

อันที่จริงขอแค่ต่อสู้ประชิดตัวกัน ไม่ว่าอย่างไรหูหานที่มีฉายาว่า ‘ช่างตีเหล็ก’ ก็ต้องได้เปรียบอยู่แล้ว

มีเพียงพ่อแม่ตั้งชื่อให้ผิดเท่านั้น ไม่มียุทธภพที่ตั้งฉายาให้ผิด

พอได้ยินประโยค ‘ขอแค่มือและใจสอดประสานก็สามารถเก็บและปล่อยได้ตามใจปรารถนา’ นี้ของเฉินผิงอัน หม่าตู่อี๋ก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

แรกเริ่มนางนึกว่าท่านเฉินพูดจาคุยโวหลอกฝ่ายตรงข้ามไปส่งเดช แต่จู่ๆ หม่าตู่อี๋ก็เก็บสีหน้าทั้งหมด มองแผ่นหลังของคนผู้นั้นแล้วคิดว่า เขาคงไม่คิดว่าความรู้และวิชาหมัดเชื่อมโยงสอดประสานกัน ก็เลยเป็นตัวพิสูจน์กันและกันจริงๆ หรอกใช่ไหม?

หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น หม่าตู่อี๋ไม่มีทางเกิดความคิดประหลาดเช่นนี้ขึ้นมาแน่นอน แต่เมื่อคนผู้นี้คือเฉินผิงอัน หม่าตู่อี๋กลับรู้สึกว่าหนึ่งในหมื่นที่เกิดขึ้นได้ยากของเรื่องราวบนโลก เมื่อมาอยู่บนร่างของเฉินผิงอันก็คล้ายว่าหนึ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ยกตัวอย่างเช่นมีใครจะยอมมานั่งเฉยๆ อย่างน่าเบื่อหน่ายอยู่ในห้องตรงประตูภูเขาของเกาะชิงเสียอย่างเขาบ้าง?

แล้วยังออกจากทะเลสาบซูเจี่ยนจนมีการเดินทางในครั้งนี้จริงๆ?

เฉินผิงอันก้าวออกไปหนึ่งก้าว

ยังคงมีท่าทางผ่อนคลายสบายๆ ไม่มีมาดของปรมาจารย์เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกับหูหานที่ทุกครั้งที่ลงมือพายุหมัดล้วนสั่นสะเทือน โจมตีให้เกล็ดหิมะรอบด้านแหลกสลายแล้ว ก็เรียกได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

หูหานพอจะขบคิดจนเข้าใจอะไรบางอย่าง

คนหนุ่มที่อำพรางตัวอย่างลึกล้ำผู้นี้ต้องมีอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่บนกายอย่างแน่นอน ดังนั้นทุกครั้งที่ลงมือจึงคล้าย…นักบัญชีที่ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ถึงได้คอยคิดถึงผลกำไรก้อนเล็กเท่าหัวแมลงวันอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีความกล้าหาญของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอยู่แม้แต่นิดเดียวเลยจริงๆ!

ปราณสังหารท่วมท้นอยู่เต็มอกของหูหาน ครั้นจึงตัดสินใจแสดงฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อสังหารอีกฝ่าย

พริบตานั้นเส้นหัวใจของหูหานขมวดตึงแน่น ลางสังหรณ์บอกกับเขาว่าไม่ควรปล่อยให้คนผู้นั้นปล่อยหมัดใส่ตน แต่หลักการทั่วไปในการเรียนวรยุทธและประสบการณ์ในยุทธภพกลับบอกหูหานอีกว่า หลังจากเข้าประชิดตัวแล้ว ขอแค่ตนไม่ออมมืออีก ไม่ช้าก็เร็วอีกฝ่ายจะต้องตายสถานเดียว

จิตใจของเขาจึงเริ่มไม่มั่นคง

หมัดหนึ่งพุ่งมาถึง

หลังจากโดนไปหนึ่งหมัดแล้ว หูหานก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “นี่มันการเกาของสตรีหรืออย่างไร…”

แต่แล้วหูหานก็หัวเราะไม่ออก

หนึ่งหมัดมาถึง หมัดต่อมาก็ตามมาติดๆ

พลังอำนาจประหนึ่งน้ำตกที่ไหลซัดสาดสามพันฉื่อ

หูหานได้แค่ต้านรับไปทีละหมัด เงาร่างของคนทั้งสองเลื่อนลอยไม่หยุดนิ่ง ลมพายุม้วนตัวพัดอย่างบ้าคลั่งอยู่บนทางเดิน

ต่อให้เป็นขอบเขตร่างทองที่เหมือนกระดาษเปียกจริงๆ แต่นั่นก็เป็นขอบเขตร่างทองที่มองเหยียดยุทธภพของหนึ่งแคว้นได้!

หลังจากเจ็ดแปดหมัดผ่านไป หน้าผากของหูหานก็มีเหงื่อซึมออกมาบางๆ

สิบเอ็ดหมัดผ่านไป หูหานไม่เพียงแต่เหงื่อท่วมเต็มตัว มุมปากยังมีเลือดซึมออกมาแล้วด้วย

ส่วนคนหนุ่มที่การออกหมัดแต่ละครั้งเร็วกว่าครั้งล่าสุดเสมอผู้นั้นกลับไม่มีลางว่าลมปราณจะแห้งเหือดและคิดจะหยุดมือเลย

หูหานผู้ฝึกตนขอบเขตเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่ที่อัดอั้นตันใจสุดขีดถึงขั้นล้มเลิกความคิดที่จะเอาคืน พายุลมกรดกระจายไปทั่วทุกเส้นชีพจรในร่าง ปกป้องช่องโพรงใหญ่ที่สำคัญเอาไว้ ปล่อยให้คนหนุ่มปล่อยหมัดต่อไป ปณิธานหมัดสามารถยืนหยัดได้นาน ทว่าปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ของผู้ฝึกยุทธต้องมีช่วงเวลาที่หมดสิ้นลง ถึงเวลานั้นก็คือเวลาที่ดีที่สุดในการปล่อยหมัดของหูหาน

แต่หูหานกลับได้ยินท่านเจิงที่อยู่ห่างไปไกลด้านหลังระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า “แม่ทัพสวี่ รีบช่วยหูหานสะบั้นปณิธานหมัดของคนผู้นี้!”

แม่ทัพแซ่สวี่ขมวดคิ้ว แต่กลับควบม้าพุ่งออกไปโดยไม่มีความลังเลใดๆ

เขาสามารถถูกเรียกว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่มีฝีมือในการรบบนหลังม้าของแคว้นสือหาวได้ก็เพราะยามที่นั่งอยู่บนหลังม้า มือถือหอกยาว พลังการต่อสู้เลิศล้ำโดดเด่น ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธในความหมายธรรมดาทั่วไป

ก่อนหน้านี้หูหานยินดีขี่ม้าเคียงบ่าอยู่กับคนผู้นี้ แล้วยังพูดคุยกันอย่างถูกคอ แน่นอนว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่แท้จริง ทุกอย่างล้วนอาศัยความสามารถที่แท้จริงเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!