มุมปากของสวี่เม่ากระดกขึ้น
คล้ายเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
แต่นี่ไม่ถ่วงรั้งให้เขาถือหอกยาวในมือเดินก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
หูหานทำท่าครุ่นคิด
คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะหันหน้ากลับมากล่าวอีกว่า “คิดได้แล้วหรือ? น่าเสียดายที่เจ้าทำไม่ได้”
หูหานยืดคอยาว “อ้อ? นี่ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก”
พลังอำนาจทั่วร่างของหูหานพลันแปรเปลี่ยน ราวกับว่านี่ต่างหากจึงจะเป็นหูหานตัวจริง คือบุคคลอันดับหนึ่งที่เป็นผู้นำเหล่าผู้กล้าในยุทธภพของแคว้นสือหาว
หูหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังกังวาน “ท่านเจิง แม่ทัพสวี่ อีกเดี๋ยวรอให้ข้าลงมือก่อนก็แล้วกัน พวกเจ้าแค่คอยช่วยเสริมก็พอ!”
สำหรับคำพูดของหูหาน เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสวี่เม่าที่ถือหอกพร้อมออกรบ
ลมพัดพาหิมะกว้างไกลไปสุดลูกหูลูกตา ในสายตาของเฉินผิงอันกลับมีเพียงมือกระบี่วัยกลางคนที่สะพายกระบี่คนนั้น
ไม่เห็นว่าบุรุษลงมืออย่างไร ทว่ากระบี่ยาวที่อยู่ด้านหลังเขากลับพุ่งออกจากฝักทะยานขึ้นฟ้าด้วยตัวเอง พริบตาเดียวก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
นี่ก็คือความสามารถของอาจารย์กระบี่ท่านหนึ่ง เวทควบคุมกระบี่
อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้ผู้ฝึกกระบี่บนภูเขาดูแคลนอาจารย์กระบี่ล่างภูเขา
มือซ้ายของเฉินผิงอันกดอยู่บนด้ามกระบี่โบราณเลียนแบบฉวีหวงเล่มนั้น “บังเอิญนัก ข้าเองก็เป็นมือกระบี่คนหนึ่งเหมือนกัน”
ใช้นิ้วโป้งค่อยๆ ผลักกระบี่ออกจากฝักมาชุ่นกว่า
พลังอำนาจดุจขุนเขา
แยกไม่ออกแล้วว่าเป็นปณิธานหมัดหรือปณิธานกระบี่กันแน่
สวี่เม่าต้องหรี่ตาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะรู้สึกแสบจ้าบาดตาเกินไป
แต่สวี่เม่ากลับเป็นคนแรกที่ลงมือ
ม้าศึกควบตะบึง ถือหอกพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า
หูหานเองก็ไม่รีรอ พุ่งร่างวูบเข้าหาเฉินผิงอัน
มือกระบี่วัยกลางคนยิ้มอย่างสง่างาม
กระบี่โบราณที่ด้ามจับเป็นหลิงจือหยกขาวเล่มนั้นยังคงหายไปไม่รู้ร่องรอย
เฉินผิงอันที่ยืนอยู่บนหลังม้าก้าวยาวๆ ไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หลังจากก้าวนั้นเหยียบลงบนความว่างเปล่าแล้ว ร่างของเขาก็หายไป
หูหานเพิ่งจะกระโจนข้ามหลังม้ามาพลิ้วกายลงบนถนนฝั่งตรงข้ามพอดี
นาทีถัดมาเงาร่างสีเขียวก็มาปรากฏอยู่ข้างกายสวี่เม่า กระแทกไหล่ชนให้ทั้งสวี่เม่าและม้าลอยคว้างออกไป
สวี่เม่าทะยานตัวออกจากหลังม้าศึกกลางอากาศ พลิ้วกายลงบนพื้นอย่างมั่นคง น่าสงสารก็แต่ม้าตัวนั้นที่หล่นกระแทกอย่างหนักลงกลางกองหิมะห่างไปสิบกว่าจั้งแล้วตายคาที่ทันที
ทว่าเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้น เพราะเงาร่างของมือกระบี่วัยกลางคนผู้นั้นก็หายไปจากจุดเดิมอย่างเงียบเชียบไม่ต่างจากเฉินผิงอัน
ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ฝักกระบี่ที่สะพายอยู่ด้านหลัง เขาก็ยังตัดใจทิ้งได้ลง มันจึงหล่นลงจากหลังม้า ปักเอียงอยู่บนพื้นหิมะพอดี
เฉินผิงอันยืนอยู่บนหลังม้า ขมวดคิ้วไม่พูดไม่จา
ผลักเลียนแบบชวีหวงกลับเข้าฝักกระบี่เบาๆ
ก้มหน้าลงมองฝักกระบี่ที่ด้านในว่างเปล่าฝักนั้นนิ่ง
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วเสี้ยววินาทีก่อนหน้านี้ หูหานและสวี่เม่าที่ความสนใจทั้งหมดอยู่บนร่างของตนอาจไม่ทันสังเกตเห็นว่าฝักกระบี่นั้นเป็นของจริง แต่สิ่งที่อยู่ด้านในของฝักกลับไม่ใช่กระบี่ยาว แต่เหมือนกับดาบทรงตรงเล่มหนึ่งมากกว่า
เฉินผิงอันพึมพำอย่างระอาใจ “ข้าคงไม่ได้ปากอีกาจนมาเจอเข้ากับคนเชื่อดาบจริงๆ หรอกกระมัง?”
ทิ้งฝักกระบี่เอาไว้
ตัวคนหนีหายไปแล้ว ดาบตรงเล่มนั้นก็น่าจะถูกเอาไปด้วย
มีแต่เรื่องประหลาดทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้ ‘ท่านเจิง’ ผู้นั้นบอกว่าเฉินผิงอันประหลาด ตอนนี้ถือว่าต่างสนองคืนกันและกันแล้ว
เรื่องที่คิดแล้วไม่เข้าใจก็วางลงไว้ก่อน ทำเรื่องที่ตัวเองเข้าใจให้เสร็จเสียก่อน
ยกตัวอย่างเช่นเฉินผิงอันใช้วิชาบังคับกระบี่ดึงฝักกระบี่นั้นออกมาจากกองหิมะแล้วโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง
ฝักกระบี่ก็เหมือนกระบี่บินที่พุ่งฉิวออกไป
แทงทะลุลำคอขององค์ชายแคว้นสือหาวผู้นั้น
หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเวทตระกูลเซียนประเภทยันต์ตัวตายตัวแทนอะไร เฉินผิงอันก็ไม่สนใจศพที่หล่นจากหลังม้าอย่างไร้พลังชีวิตนั่นอีก
เฉินผิงอันหมุนตัวกลับ เส้นสายตามองเคลื่อนไประหว่างสวี่เม่ากับหูหาน
สวี่เม่ายืนนิ่งไม่ขยับ มือกำหอกยาวแน่น
หูหานกลับชักเท้าเผ่นหนีไปแล้ว
เฉินผิงอันจึงไล่ตามไป
เงาร่างของคนทั้งสองทยอยกันหายไปจากสายตาของทุกคน
ทหารม้าฝีมือแกร่งกล้าทุกคนหันมามองหน้ากันเอง
รอฟังคำสั่งจากสวี่เม่า
ในเมื่อฟ้าถล่มลงมาแล้ว คนที่มีหมวกสูงก็ควรต้องค้ำยันเอาไว้
ประมาณครึ่งก้านธูปต่อมา
ก็พอจะมองเห็นได้เลือนๆ ว่าเงาร่างสีเขียวกลับมาแล้ว ในมือหิ้วของชิ้นหนึ่งมาด้วย
หม่าตู่อี๋และเจิงเย่ใกล้บ้าเต็มทีแล้ว
ที่แท้หลังจากเฉินผิงอันจากไปได้ไม่นาน สวี่เม่าก็เหมือนกับมารบ้าคลั่งที่รวบรวมผู้ติดตามซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มของทหารกล้าจวนอ๋องมาก่อน จากนั้นก็เริ่มกระทำการโหดร้ายเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ ฆ่าทหารม้าอีกสี่สิบกว่านายที่เหลือจนสิ้น สุดท้ายก็ทรุดตัวลงนั่งยอง ใช้มีดรบบั่นหัวขององค์ชายหันจิ้งซิ่นมาแขวนไว้ตรงเอว เลือกม้าศึกมาสามสี่ตัว แล้วพลิกกายขึ้นขี่ม้าตัวหนึ่งในนั้น ส่วนม้าตัวที่เหลือก็เอาไว้ผลัดเปลี่ยนในการห้อตะบึงระยะทางไกล หลีกเลี่ยงไม่ให้ฝีเท้าของม้าศึกบาดเจ็บ
สวี่เม่ายังไม่ได้จากไป
แต่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างสงบนิ่ง รอการกลับมาของเฉินผิงอัน
เฉินผิงอันเดินมาใกล้สวี่เม่า โยนศีรษะของหูหานที่อยู่ในมือไปให้แม่ทัพบู๊ที่นั่งอยู่บนหลังม้า ถามว่า “จะเอาอย่างไร?”
สวี่เม่ารับศีรษะมาแขวนไว้ด้านข้างอานม้า ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าคงเดาได้แล้วกระมัง? ว่าที่ฮ่องเต้แคว้นสือหาวตายไปคนหนึ่ง ข้าที่ปกป้องเจ้านายไม่ได้ย่อมต้องเจอโทษประหาร ยังจะทำอะไรได้อีก ก็ได้แต่หันไปสวามิภักดิ์ซูเกาซานแห่งต้าหลีน่ะสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!