ลมหิมะเป็นอุปสรรคและอันตราย ม้าทั้งสามตัววิ่งห้อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ใจกลางของแคว้นสือหาว
นครที่มีกำแพงสูงใหญ่จำนวนไม่น้อยซึ่งเป็นสถานที่ที่กองทัพต้องยึดครองมาล้วนเต็มไปด้วยหลุมบ่อผุพัง กลับกลายเป็นแถบชนบทชานเมืองเสียอีกที่ส่วนใหญ่โชคดีรอดพ้นจากภัยสงครามมาได้ ทว่าชาวบ้านต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ ระเหเร่ร่อนหนีภัยพิบัติไปสี่ทิศ และยิ่งมาเจอกับหิมะใหญ่ที่ตกหนักถึงสามครั้งติดนับตั้งแต่เข้าหน้าหนาวมา ข้างถนนทางหลวงของหลายๆ สถานที่จึงมีแต่ศพผอมแห้งที่หนาวตาย มีทั้งคนหนุ่ม สตรี เด็กและคนชรา
หม่าตู่อี๋มีจิตใจเมตตา เจิงเย่ซื่อบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะคนหรือผีล้วนไม่เหมือนผู้ฝึกตนที่แท้จริงของทะเลสาบซูเจี่ยน ดังนั้นเมื่อเฉินผิงอันเดินทางผ่านเมืองแห่งหนึ่งแล้วบอกว่าจะควักเงินหาคนในท้องที่มาช่วยตั้งโรงทานและร้านยา เมื่อทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว พวกเขาค่อยเดินทางกันต่อ นี่จึงทำให้หม่าตู่อี๋และเจิงเย่ดีใจกันเป็นอย่างมาก
เฉินผิงอันจึงควักแผ่นหยกผู้ถวายงานเกาะชิงเสียออกมาแขวนไว้ตรงเอวฝั่งตรงข้ามกับดาบและกระบี่ แล้วไปเยือนที่ว่าการในท้องถิ่นแห่งหนึ่ง หม่าตู่อี๋สวมหมวกคลุมหน้าปิดบังรูปโฉม อีกทั้งยังสวมชุดผ้าฝ้ายหนาใหญ่ที่เหลือเกินมา แม้แต่หุ่นอรชรอ้อนแอ้นของสาวงามหนังจิ้งจอกก็ถูกบดบังไปด้วย
ก่อนหน้านี้พวกเขาเดินทางผ่านเมืองและอำเภอกันมาไม่น้อย ยิ่งขยับเข้าใกล้พื้นที่ใจกลางแคว้นสือหาว ยิ่งขยับขึ้นไปทางเหนือ คนตายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และยังได้เห็นทหารม้าเพิ่มขึ้น บ้างก็เป็นทหารม้าอิสระผู้กล้าหาญที่แพ้สงครามจึงหนีมาทางใต้ของแคว้นสือหาว บ้างก็เป็นทหารบู๊ที่สวมเสื้อเกราะใหม่เอี่ยม มองไปแล้วเข้าท่าเข้าที เจิงเย่จึงรู้สึกว่าทหารแคว้นสือหาวที่เดินทางไปสนามรบทางเหนือเหล่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะได้ไปสู้รบกับกองทัพม้าเหล็กต้าหลี
แต่เฉินผิงอันกลับรู้ดีว่า หากเกิดสงครามกันขึ้นมา ทหารบู๊ที่สวมเสื้อเกราะใหม่เอี่ยมซึ่งเพิ่งเอาออกมาจากคลังยุทโธปกรณ์ของแต่ละสถานที่ อีกทั้งในมือยังถืออาวุธที่ฝุ่นเกาะมานานหลายปีแต่ก็ยังดูใหม่เหล่านี้จะต้องตายเร็วมาก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะโชคดีมีโอกาสเปลี่ยนจากทหารใหม่ที่ ‘ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะตายอย่างไร’ ค่อยๆ เดินทีละก้าวกลายไปเป็นทหารเก่าที่ ‘รู้ว่าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร’
ในแม่น้ำแห่งกาลเวลาของพื้นที่มงคลดอกบัว เฉินผิงอันได้เห็นภาพสงครามอันโหดร้ายที่ตัดสินโชคชะตาของสี่แคว้นกับตาตัวเองมาหลายครั้ง
ในใต้หล้าไพศาลแห่งนี้ เฉินผิงอันก็เคยเห็นทหารลาดตระเวนชายแดนทางใต้ของต้าหลีมากับตาตัวเองเช่นกัน เห็นเพียงต้นตอก็อนุมานทิศทางการดำเนินไปได้ เขาจึงเข้าใจได้ว่าเหตุใดกองทัพชายแดนต้าหลีถึงมีฉายาว่า ‘หนุ่มฉกรรจ์บนเนิน’ นั่นเป็นเพราะพวกเขาล้วนยืนอยู่บนเนินที่เกิดจากการกองทับถมกันของกระดูก กลายเป็นทหารเก่าร้อยศึกที่รอดชีวิตมาได้ในท้ายที่สุด บางทีในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ของต้าหลี ทหารชายแดนอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ คนหนึ่งอาจเคยทำสงคราม เคยเห็นคนตายมามากกว่าแม่ทัพบู๊ผู้กุมอำนาจแท้จริงอายุสี่สิบห้าสิบปีที่อยู่ในแคว้นสือหาวนี่เสียอีก
อันที่จริงเฉินผิงอันคิดไปไกลยิ่งกว่านั้น ในฐานะที่แคว้นสือหาวเป็นหนึ่งในแคว้นใต้อาณัติของราชวงศ์จูอิ๋ง ไม่พูดถึงพวกคนอย่างหวงเฮ้อ หันจิ้งหลิง พูดถึงแค่แคว้นใต้อาณัติส่วนใหญ่เหล่านี้ พวกเขาก็เหมือนองค์ชายหันจิ้งซิ่นที่กล้าลงมือสังหารทหารลาดตระเวนของต้าหลีที่มีผู้ฝึกตนติดตามกองทัพมาสองคนด้วยตัวเอง กองทัพชายแดนเหนือของแม่ทัพเว่ยวัตถุหยินก็ยิ่งถูกสังหารจนสิ้น กระนั้นฮ่องเต้แคว้นสือหาวก็ยังต้องพยายามระดมเอากำลังทหารมาจากชายแดนแถบต่างๆ เพื่อขัดขวางการกรีฑาทัพลงใต้ของต้าหลี ตอนนั้นเมืองหลวงถูกโอบล้อม แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังวางท่าว่าจะปกป้องเมืองให้ได้ถึงที่สุด
เหตุใดแคว้นสือหาวถึงยินดีทำเช่นนี้? ยอมสละชีวิตของคนมากมายขนาดนั้นไปเป็นหินปูทางโดยไม่เสียดาย แต่ก็ต้องพยายามขัดขวางกองทัพม้าเหล็กของต้าหลีที่มีผู้นำคือซูเกาซานให้จงได้?
นักประพันธ์เขียนไว้ในตำราว่า ฤดูหนาวเหมาะกับหิมะตก ประหนึ่งเสียงตีหยกแก้วใส
เฉินผิงอันทอดสายตามองไปไกล บนเส้นทางคือหิมะ บนภูเขาก็คือหิมะ ราวกับภาระหนักอึ้งที่สวรรค์กดลงมาบนบ่าของมนุษย์
เฉินผิงอันถอนหายใจหนึ่งที เพียงแค่คิดถึงเสียงเกราะเหล็กดังกังวานในอารามหลิงกวานคืนนั้น เขาก็พอจะโล่งใจได้บ้าง
ตลอดทางที่ขึ้นเหนือกันมานี้ หม่าตู่อี๋ยังดีหน่อย นางเคยเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูล แล้วก็เคยเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่แท้จริงของทะเลสาบซูเจี่ยนมาก่อน ความทุกข์ความเศร้าย่อมเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นตกอกตกใจมากเกินไป แต่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เป็นดั่งนรกบนดินวันแล้ววันเล่า แม้แต่เจิงเย่ที่ตอนแรกยังหลั่งน้ำตาเงียบๆ ก็ยังเริ่มชาชินแล้ว
ระหว่างนี้เจิงเย่เคยให้วัตถุหยินเพศชายสิงร่างอยู่หลายครั้ง บางตนก็ทำตามความปรารถนาก่อนตายได้สำเร็จ บางตนก็ยังรู้สึกเสียดาย เพราะเมื่อไปเยือนมาตุภูมิบ้านเกิด วัตถุยังคงเดิมแต่คนเปลี่ยนไปนานแล้ว
ส่วนวัตถุหยินเพศหญิงที่พักพิงอยู่ในสาวงามกระดาษยันต์หนังจิ้งจอกนั้น แต่ละตนก็พากันไปจากโลกมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่นซูซินไจ แล้วก็มีสตรีวัตถุหยินตนใหม่ที่พากันมาพักอาศัยในกระดาษยันต์ เดินท่องอยู่ในโลกมนุษย์ กระดาษยันต์แต่ละแผ่นก็เหมือนโรงเตี๊ยมและท่าเรือแต่ละแห่งที่ผู้คนสัญจรไปมา บ้างก็เป็นการพบกันใหม่ที่มีทั้งสุขและทุกข์ บ้างก็เป็นการจากลาไปอยู่กันคนละภพ ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกของพวกนาง ถ้อยคำที่ใช้มีทั้งความจริงและการปิดบังอำพราง
วันนี้เฉินผิงอันพาหม่าตู่อี๋และเจิงเย่ไปเยือนที่ว่าการของเจ้าเมือง ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น
เจ้าเมืองของที่นี่คือผู้เฒ่าร่างอ้วนฉุจนแทบมองไม่เห็นดวงตา ยามอยู่ในวงการขุนนาง เวลาเห็นใครเป็นต้องยิ้ม และพอยิ้มก็ยิ่งมองไม่เห็นดวงตาเข้าไปใหญ่
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ชีวิตของผู้เฒ่าไม่สงบสุขเลยแม้แต่น้อย กองทัพทหารม้าทำสงครามกันวุ่นวาย นอกจากจะทุ่มเงินก้อนใหญ่เชิญเซียนซือของจวนตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเมืองมากที่สุดมาเป็นผู้คุ้มกันด้านล่างภูเขาแล้ว ด้วยความที่เหตุการณ์ฉุกเฉินจึงหาทางแก้ไขส่งเดช เขาจึงยังซื้อตัวผู้ฝึกตนอีกสองคนที่ไม่รู้ประวัติความเป็นมาไว้ด้วย พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือเป็นผู้ฝึกตนอิสระห้าขอบเขตล่างที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเข้าตาเขาสักเท่าไหร่ เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่เป็นห้าขอบเขตล่างเหมือนกัน ด้วยความโมโหก็เกือบจะกลับบนภูเขาไปทันที เจ้าเมืองพยายามพูดจาดีๆ เพื่อโน้มน้าว อีกทั้งยังเพิ่มเงินเดือนให้เขาอีกสามเหรียญเงินเกล็ดหิมะ นี่ถึงได้รั้งตัวเทพเซียนบนภูเขาที่ไม่ค่อยอยากอยู่ร่วมกับผู้ฝึกตนอิสระสองคนนั้นเอาไว้ได้ เจ้าเมืองทั้งต้องเจ็บเนื้อและเจ็บใจ ยังดีที่พอเฉินผิงอันมาเยือนก็ทำให้เขารู้สึกว่าเงินสามเหรียญเกล็ดหิมะที่เกินมานั้น นำไปใช้อย่างคุ้มค่า เพราะเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลคนนั้นไม่เสียแรงที่เป็นเทพเซียนแท้จริงซึ่งผู้ฝึกตนอิสระเทียบไม่ได้ แค่ได้จับแผ่นหยกก็มองออกว่าเป็นสมบัติที่ ‘เป็นหน้าเป็นตา’ สมกับคำว่ามีสายตาเฉียบแหลมของผู้เชี่ยวชาญ สรุปก็คือมองออกว่านั่นคือแผ่นหยกผู้ถวายงานระดับต้นของเกาะชิงเสียที่ใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าเสียอีก เขาจึงตัวสั่นเทิ้ม ขาดอีกแค่นิดเดียวก็คือลงไปนั่งคุกเข่าโขกหัวให้เซียนซือหนุ่มจากทะเลสาบซูเจี่ยนผู้นั้น
เรื่องราวในลำดับถัดมาก็จัดการได้ง่ายแล้ว ผู้ถวายงานที่บอกว่าตัวเองแซ่เฉินคนนั้นบอกว่าต้องการตั้งโรงทานแจกโจ๊กและร้านยาในเมืองเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน เขาจะเป็นคนควักเงินเอง แต่รบกวนให้ทางที่ว่าการช่วยจัดหากำลังคนมาให้ เงินไม่ต้องช่วยออกแล้ว ตอนนั้นในที่สุดหม่าตู่อี๋และเจิงเย่ก็มองเห็นว่าดวงตาคู่นั้นของผู้เฒ่าเจ้าเมืองเบิกกว้าง ถือว่าตาของเขาไม่เล็กเลยจริงๆ น่าจะเพราะรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่อยู่ข้างกายเจ้าเมืองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ คนดีมีเมตตาที่มาจากทะเลสาบซูเจี่ยน นั่นก็ไม่ต่างจากปีศาจใหญ่ที่ก่อตั้งจวนแล้วเรียกตัวเองว่าเทพเซียนหรอกหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!