เฉินผิงอันจนใจ เขาปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าเพื่อให้ตัวเองสดชื่น
ต่อให้จะแค่ได้ฟังเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงบนเกาะชิงเสียก็สิ้นเปลืองแรงใจมากขนาดนี้แล้ว กระตุกผมเส้นเดียวสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง การวางแผนมากมายหลังจากนี้ยังต้องเหนื่อยใจอีกมาก
เฉินผิงอันเอ่ย “ทางทิศตะวันออกสุดของภูเขาหูลั่วมีภูเขาขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่คนเพิ่งย้ายกันเข้ามา ข้าเห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดบางอย่างของที่นั่น หากผู้อาวุโสจางเหล่าเชื่อใจข้า ไม่สู้ไปพักอยู่ทางแถบนั้นก่อน ถือซะว่ามาผ่อนคลายอารมณ์ ตอนนี้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่หลิวจื้อเม่ากายดับมรรคาสลายอยู่บนเกาะกงหลิ่ว เป็นไก่ที่ถูกเชือดให้ลิงดู ถึงเวลานั้นผู้อาวุโสควรจะทำอย่างไร ไม่ว่าใครก็ขัดขวางไม่ได้ ข้าก็ยิ่งไม่มีทางห้ามปราม แต่อย่างไรก็ดีกว่ากลับไปตอนนี้ เพราะบางทีอาจถูกมองเป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง แล้วจะถูกจับขังคุกน้ำบนเกาะกงหลิ่วไปพร้อมกันด้วย บางทีผู้อาวุโสอาจจะไม่กลัวเรื่องนี้ กลับกันยังอาจรู้สึกว่าแค่ได้เห็นหลิวจื้อเม่าสักครั้งก็สบายใจแล้ว ทว่าในเมื่อตอนนี้มีเพียงจวนเหิงโปของเกาะชิงเสียเท่านั้นที่เจอหายนะ ทั้งเกาะไม่ได้ล่มสลายลงมา แม้แต่เกาะใต้อาณัติอย่างเกาะซู่หลินก็ยังไม่ติดร่างแหเดือดร้อนไปด้วย นี่หมายความว่าวันหน้าหากเกิดโอกาสพลิกผัน เกาะชิงเสียก็ต้องการให้มีคนที่สามารถหยัดยืนขึ้นมาได้ ข้า คงไม่ได้ แล้วก็ไม่ยินดีจะทำด้วย แต่ผู้เฒ่าบนเกาะชิงเสียอย่างจางเย่ที่หลิวจื้อเม่าไว้วางใจที่สุด ต่อให้ขอบเขตไม่สูงมากพอก็ยังสามารถโน้มน้าวให้ผู้คนสยบยอมได้อยู่ดี”
จางเย่ใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบหนึ่งก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเย้ยหยันตัวเองว่า “ข้ามันมีชะตากรรมที่ต้องยุ่งวุ่นวายซะจริง”
แล้วจู่ๆ จางเย่ก็ใช้เสียงในทะเลสาบหัวใจบอกกับเฉินผิงอันว่า “ระวังทางฝ่ายของเกาะกงหลิ่วไว้ให้ดี มีคนกำลังใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ หากเป็นจริง เหตุใดอีกฝ่ายถึงทำในสิ่งที่เกินความจำเป็น ไม่เอากู้ช่านและจวนชุนถิงเป็นเหยื่อล่อเสียเลย ข้อนี้ข้าคิดแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ คาดว่าในเรื่องครั้งนี้ย่อมต้องมีหลักการเหตุผลที่พลิกเปลี่ยนร้อยรอบพันตลบซ่อนอยู่ แน่นอนว่าท่านเฉินน่าจะคิดได้แล้ว ข้าก็แค่ได้เปรียบแล้วยังทำเรื่องไร้คุณธรรมเพื่อให้ตัวเองสบายใจเท่านั้น ภาระนี้ นาทีที่ข้าออกมาจากเกาะชิงเสียก็ถูกข้านำไปวางไว้บนไหล่ของท่านเฉินแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มอย่างเข้าใจ “คำพูดเกรงอกเกรงใจบางอย่าง บางครั้งก็ยังต้องควรพูด อย่างน้อยก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้เยอะ นี่ก็เป็นหลักการเล็กๆ ข้อหนึ่งที่ข้าเพิ่งรู้มาจากคนหนุ่มแซ่กวนคนหนึ่ง”
จางเย่เอ่ยสัพยอก “ท่านเฉินยังต้องเรียนรู้หลักการเหตุผลมาจากคนอื่นอีกหรือ?”
เฉินผิงอันชี้จางเย่ จากนั้นจึงชี้ไปยังหม่าตู่อี๋กับเจิงเย่ ก่อนจะโบกมือวาดวงกลมวงหนึ่งโดยหันไปทางหมู่บ้านตีนเขาของภูเขาหูลั่วคล้ายไม่ใส่ใจ “หลักการเหตุผลนอกตำรามีมากมายมหาศาล หากจะพูดถึงเรื่องเล็กเมื่อครู่นี้ ก็อย่างเช่นที่ชาวบ้านในบ้านป่ารู้จักมารยาทในการข้ามสะพาน ผู้ฝึกตนบนภูเขาที่อยู่สูงส่งเหนือผู้ใดจะมีสักกี่คนที่ยินดีปฏิบัติตามหลักการเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้? ถูกไหม?”
ความกลัดกลุ้มในใจของจางเย่ลดทอนหายไปหลายส่วน “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปเยือนภูเขาเล็กๆ ที่ท่านเฉินพูดถึง ลองไปเดินและตามหาหลักการเหตุผลดูสักข้อ?”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ทำไมจะทำไม่ได้เล่า?”
จางเย่กวาดตามองไปรอบด้าน กี่ปีแล้วที่เขาไม่เคยสงบใจหันมามองทัศนียภาพในโลกมนุษย์ตามตีนเขาเหล่านี้
เฉินผิงอันเอ่ย “ข้าไม่มีทางรีบกลับไปที่ทะเลสาบซูเจี่ยนเพื่อหลิวจื้อเม่า ข้ายังมีธุระของตัวเองให้ต้องทำ ต่อให้กลับไปแล้วก็ได้แต่ทำในเรื่องที่ตัวเองมีความสามารถเท่านั้น”
จางเย่พยักหน้ารับ “หากเพิ่งได้รู้จักกันแล้วได้ยินคำตอบนี้ ข้าต้องร้อนใจราวกับมีไฟลนแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหลือกะจิตกะใจอะไรแล้ว ทั้งไม่กล้าและไม่ยินดีจะสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น ท่านเฉินแค่ทำเรื่องตามแผนการของตัวเองไปเถิด”
เฉินผิงอันกับจางเย่พูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน “คำพูดเกรงอกเกรงใจบางอย่าง บางครั้งก็ต้องควรพูดบ้าง”
คนทั้งสองหันมายิ้มให้กัน
จางเย่จัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบแล้วจึงจากไป ไม่ได้จำแลงร่างเป็นสายรุ้งทะยานลม แต่แค่เดินช้าๆ ข้ามสะพานเล็กแห่งนั้นไป
เฉินผิงอันพาหม่าตู่อี๋และเจิงเย่จูงม้าเดินผ่านทางสายเล็กหินสีเขียวของหมู่บ้าน พอขึ้นเขามาแล้วก็ผ่านประตูภูเขาหูลั่ว ประตูแห่งนี้เป็นเพียงแค่ซุ้มหินเล็กๆ ไม่ได้ปฏิเสธผู้มาเยือนให้อยู่ห่างไปไกลเป็นพันลี้ แม้กระทั่งผู้ฝึกตนเฝ้าประตูก็ยังไม่มี ผู้ฝึกตนของภูเขาหูลั่วสืบทอดจากอาจารย์สายเดียว ต่อให้ศาลบรรพจารย์จะไม่ได้มีแค่หนึ่งสาย แต่กระนั้นก็ยังมีคนน้อยจนนับนิ้วได้ หากไม่นับผู้ถวายงานและเค่อเชิง ผู้ฝึกตนที่แท้จริงของภูเขาหูลั่วคาดว่ารวมกันแล้วคงมีไม่ถึงยี่สิบคน แต่บนภูเขาหูลั่วก็ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับถนนเรียกสวรรค์ของใบถงทวีปหรือไม่ก็ถนนวานรร่ำไห้ของนครน้ำบ่อ ถึงอย่างไรการฝึกตนของผู้ฝึกตนก็ต้องใช้เงินในการบุกเบิกเส้นทาง นี่คือหลักการที่ต่อให้ผ่านไปหมื่นปีก็ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นภูเขาหูลั่วจึงไม่ถือว่าเงียบสงัดวังเวงเกินไปนัก
เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมอง
ก็มองไม่เห็นเงาร่างของจางเย่แล้ว
หากจะบอกว่าจางเย่ไม่ได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการจากตน หลิวจื้อเม่าตกอับ กลายเป็นนักโทษชั้นต่ำของเกาะกงหลิ่ว และมีความเป็นไปได้อย่างสูงสุดว่ามหามรรคาอาจจะต้องขาดสะบั้นไปนับแต่นี้ จางเย่ไม่ผิดหวังงั้นหรือ? แน่นอนว่าต้องผิดหวังอย่างถึงที่สุด
แต่ว่า
เรื่องของความผิดหวัง เมื่อความรู้สึกผิดหวังผ่านไปแล้วควรจะทำเช่นไรก็ยังจำเป็นต้องทำเช่นนั้น และนี่ยังต้องดูที่สภาพจิตใจและความสามารถของตัวบุคคลเองด้วย
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงรู้สึกเคารพเลื่อมใสคนอย่างจางเย่และกวนอี้หราน รวมไปถึงแม่ทัพผีแคว้นสือหาวที่พบเจอกันโดยบังเอิญในอารามหลิงกวาน และซูซินไจแห่งภูเขาหวงหลีเป็นอย่างยิ่ง
พวกเราไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อพวกเราเดินอยู่บนทางดินเละเฉอะแฉะที่เดินได้ยากลำบากอย่างถึงที่สุด จะพบเจอกับลมมรสุมที่ใหญ่ยิ่งกว่าหรือไม่ จะพบเจอคนดีสักคนสองคนโดยบังเอิญที่เป็นเหมือนเปลวไฟส่ายไหวในตะเกียงดวงแล้วดวงเล่าหรือไม่
เฉินผิงอันเชิญผีที่ตอนมีชีวิตอยู่คือผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรคนนั้นออกมาช่วยพวกหม่าตู่อี๋และเจิงเย่ดูของ หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขาถูกหลอก
บนถนนเส้นนั้นของภูเขาหูลั่ว หม่าตู่อี๋เดินเข้าออกร้านน้อยใหญ่จนทั่ว เปรียบเทียบของอย่างน้อยสามร้าน ทั้งสามารถขายวัตถุดิบวิเศษออกไปได้ แล้วก็มีทั้งที่ซื้อมาเพิ่มใหม่ นางกับเจิงเย่ ‘แบ่งอามิส’ กันไปนานแล้ว นางยังช่วยเจิงเย่วางแผนอีกด้วยว่าด้วยขอบเขตในเวลานี้ควรจะซื้อวัตถุวิเศษชิ้นใดถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด ไม่ได้หวังจะเอาแต่ของดีหรือระดับขั้นสูงๆ อย่างเดียว แม้ว่าเจิงเย่จะเลือกจนตาลาย แล้วก็มักจะถูกใจอยู่หลายชิ้น แต่ก็ยังคงฟังความเห็นของหม่าตู่อี๋ แล้วก็เป็นเช่นนี้ หนึ่งคนหนึ่งผีจึงกลายมาเป็นสหายกันจริงๆ
เฉินผิงอันเห็นอยู่ในสายตา แล้วก็ยิ้มอยู่ในใจ
เนื่องจากเป็นร้านตระกูลเซียน ของสะสมล้ำค่าในโลกมนุษย์ที่กินฝุ่นมานานหลายสิบปีหรือเป็นร้อยปี หรือเป็นของที่เพิ่งซื้อมาในราคาถูก ส่วนใหญ่มักจะถือว่าเป็นของรางวัลที่ได้เพิ่มเติมมาจากการค้าขายด้วยเงินเทพเซียนก้อนหนึ่ง นี่ก็ไม่ต่างจากตอนที่เฉินผิงอันซื้อภาพวาดสาวงามและเลียนแบบชวีหวงมาจากร้านบนถนนวานรร่ำไห้ แล้วเจ้าของร้านมอบของชิ้นเล็กสามชิ้นให้เฉินผิงอันโดยไม่เก็บเหรียญทองแดงเพิ่มแม้แต่เหรียญเดียว ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ผีผู้เฒ่าก็จะต้องแสดงฝีไม้ลายมือ ผู้ฝึกตนที่ตัดขาดเรื่องทางโลก ต่อให้เป็นการค้าขายกับพวกพ่อค้า แต่ก็ไม่แน่เสมอไปที่จะมองออกว่าของสะสมโบราณเก่าแก่ในราชวงศ์โลกมนุษย์จะดีหรือเลว หรือควรมีมูลค่าเท่าไหร่ ดังนั้นเฉินผิงอันจึงมีอีกอาชีพเป็นการเก็บตกของเก่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!