กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 453

หลังจากเก็บกล่องไม้ลงไปแล้ว เฉินผิงอันก็จมสู่ภวังค์การครุ่นคิด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือฝีมือของหลิวเหล่าเฉิงแห่งเกาะกงหลิ่ว แต่เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้ นี่คู่ควรแก่การขบคิดอย่างจริงจังแล้ว

‘คำเตือน’ ที่หลิวเหล่าเฉิงบอกอย่างตรงไปตรงมานี้ต้องไม่ด้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทะเลสาบซูเจี่ยนอย่างที่มองเห็นภายนอกแน่นอน นี่ไม่จำเป็นต้องให้หลิวเหล่าเฉิงมาบอกเฉินผิงอันเลยสักนิด เฉินผิงอันไม่ได้หูหนวกตาบอด อีกทั้งยังมีจางเย่มาส่งข่าวให้เขาด้วยตัวเอง ด้วยความละเอียดรอบคอบและจิตใจที่ทะเยอทะยานของหลิวเหล่าเฉิงแล้ว เขาไม่มีทางทำเรื่องที่เกินความจำเป็นหรือต้องเปลืองน้ำลายโดยใช่เหตุเช่นนี้แน่ ถ้าอย่างนั้นคำว่าคำเตือนและคำว่าระวังของหลิวเหล่าเฉิงก็จะต้องเป็นจุดที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่านั้น มีความเป็นไปได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับเขาเฉินผิงอันโดยตรง

เฉินผิงอันยืนอยู่ริมขอบของศาลาหลังเล็กที่มีน้ำรั่วลงมาอย่างต่อเนื่อง มองไปยังม่านฝนหนาหนักมืดทะมึนด้านนอก ตอนนี้มีผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่ารอเขาอยู่

การที่จางเย่อาศัยช่องทางลับของเกาะชิงเสียที่เป็นดั่งกระต่ายเจ้าเล่ห์มีโพรงสามโพรงหลบหนีออกมาจากทะเลสาบซูเจี่ยน ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ในการคาดการณ์และแผนการของคนเบื้องหลังบางคนอยู่แล้ว

แล้วทำไมถึงไม่ได้ลงมือกับกู้ช่านและจวนชุนถิงโดยตรง ไม่เลือกวิธีการที่ง่ายดายและประหยัดเวลามากกว่า อีกทั้งยังเห็นผลทันตาเพื่อบีบให้ตนต้องรีบร้อนกลับไปยังทะเลสาบซูเจี่ยน แล้วสังหารตนทิ้งก็สิ้นเรื่อง

เฉินผิงอันถอนหายใจ พึมพำเบาๆ ว่า “เป็นการช่วงชิงบนมหามรรคาอีกแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ฝีมือของสำนักที่มีอักษรคำว่าจงในชื่อของแจกันสมบัติทวีปแล้ว สำนักใบถงของตู้เม่า? หรือว่า ภูเขาไท่ผิง? ไม่ใช่แน่นอน สำนักใหญ่แห่งแรกที่ต้องผ่านทางหากไปเยือนใบถงทวีปอย่างสำนักฝูจี? แต่ตอนนั้นข้ากับลู่ไถก็แค่เดินทางผ่านเท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องพัวพันอะไรกับพวกเขาแม้แต่น้อย การช่วงชิงบนมหามรรคาก็มีการแบ่งสูงต่ำ แคบกว้าง สามารถไล่ตามมาถึงแจกันสมบัติทวีปอย่างไม่ยอมเลิกรา อีกฝ่ายต้องเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนคนหนึ่งแน่นอน ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเป็นสำนักฝูจีจึงมีไม่มาก”

เฉินผิงอันขมวดคิ้วแน่น “แต่หากจะบอกว่าเป็นเจ้าอารามผู้เฒ่าที่มีวิชาอภินิหารสูงส่งผู้นั้นก็ไม่เหมือนอีกเหมือนกัน เมื่ออยู่กับเขา มหามรรคาก็ไม่ควรจะเล็กขนาดนี้”

เฉินผิงอันพลันหันหน้าไปมองด้านหลัง “เจิงเย่ หม่าตู่อี๋ พวกเจ้าไม่ต้องกลับทะเลสาบซูเจี่ยนไปพร้อมกับข้า แต่ไปยังชายแดนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นสือหาวกับแคว้นเหมยโย่ว รอข้าที่ด่านหลิวเซี่ยของที่นั่น”

เจิงเย่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกหม่าตู่อี๋กระตุกชายแขนเสื้อห้ามไว้

เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมองม่านฝนต่อ

พวกเขาจากลากันที่ศาลาริมทาง

แล้วเฉินผิงอันก็ขี่ม้าลงใต้ไปเพียงลำพัง

เปลี่ยนจากชุดผ้าฝ้ายสีเขียวหนาหนักมาเป็นชุดสีเขียวบางๆ พอดีตัว

เฉินผิงอันมาถึงเมืองลวี่ถงซึ่งอยู่ในอาณาเขตของทะเลสาบซูเจี่ยนได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค

ถึงอย่างไรเมืองลวี่ถงก็เป็นกองกำลังริมชายแดนของทะเลสาบซูเจี่ยน คลื่นใต้น้ำ คลื่นมรสุมที่เกิดขึ้นในทะเลสาบซูเจี่ยน รวมไปถึงคำพูดและการกระทำที่สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้คนของซูเกาซาน สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ของเมืองลวี่ถงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่อาจครอบครองเกาะบุกเบิกก่อตั้งสำนักเป็นของตัวเอง หรือพวกชาวบ้านที่ทำงานหาเลี้ยงชีพไปวันๆ หลายครั้งที่เหตุการณ์ยิ่งใหญ่โตเท่าไหร่ พวกเขากลับอยู่กันอย่างสงบสุขมากเทานั้น เพราะภายใต้สถานการณ์ใหญ่ หากไม่ยอมรับชะตากรรม แล้วยังจะทำอย่างไรได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนธรรมดาที่เกิดและเติบโตมาในท้องถิ่น โลกภายนอกวุ่นวายขนาดนั้น ต่อให้มีสมบัติสะสมไว้เล็กน้อย แต่จะย้ายไปอยู่ที่ไหนได้ กล้าหรือ?

เมืองลวี่ถงมีอาหารอร่อยมากมาย

เฉินผิงอันจึงแวะร้านขายซาลาเปาร้านหนึ่ง มีเรื่องน่ายินดีเล็กๆ เกิดขึ้น เขาซื้อซาลาเปามาสองลูก กินแล้วอร่อยก็เลยซื้อมาอีกสองลูก นานมากแล้วที่เฉินผิงอันไม่เคยกินอิ่มถึงเก้าส่วนเช่นนี้

ร้านนี้เป็นร้านเปิดใหม่ เถ้าแก่ยังหนุ่มอยู่มาก เป็นคนหนุ่มที่เพิ่งจะพ้นวัยเด็กหนุ่มมา

กิจการก็นับว่าไม่เลว

ระหว่างทางที่เฉินผิงอันอ้อมจากนครลวี่ถงไปยังนครน้ำบ่อของทะเลสาบซูเจี่ยนก็ได้ยินข่าวบางอย่างมาเพิ่ม เมื่อเทียบกับตอนอยู่ในแคว้นสือหาวที่เกิดสงครามวุ่นวายไม่หยุดหย่อนแล้ว เห็นได้ชัดว่าข่าวเล็กๆ ของที่นี่ขยับเข้าใกล้ความจริงมากกว่า

ตรงท่าเรือที่คุ้นเคยของนครน้ำบ่อ เวลาผ่านไปเกินครึ่งปีแล้ว แต่เรือข้ามฝากลำนั้นก็ยังถูกผูกอยู่ริมฝั่งอย่างสงบ

ต่อให้หลิวจื้อเม่าแห่งเกาะชิงเสียจะสูญเสียอำนาจไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ทว่าสถานะผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของเกาะชิงเสียก็ยังถือว่าพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง

ระหว่างที่เดินทางมา เฉินผิงอันได้ทิ้งม้าตัวนั้นไว้ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และยังทิ้งเงินก้อนหนึ่งให้ทางโรงเตี๊ยมช่วยเลี้ยงม้าแทนให้

ยามที่กลุ่มดาวกระบวยใหญ่เรียงตัวเป็นรูปคล้ายหูกาเหล้า นั่นก็คือช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด ตลอดทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนมีแต่ไอร้อนลอยระอุ ราวกับกลายมาเป็นเตานึ่งขนาดใหญ่

ยากที่จะจินตนาการได้ว่าตอนที่ออกไปจากทะเลสาบซูเจี่ยน สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นดั่งม้วนภาพวาดขุนเขาและสายน้ำที่มองไปทางใดก็เห็นแต่หิมะขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา

เฉินผิงอันถ่อเรือกลับไปยังเกาะชิงเสียเพียงลำพัง

หลังจากจอดเรือริมฝั่งแล้วก็เดินข้ามประตูภูเขา ผู้ฝึกตนเฒ่าที่อยู่ตรงเรือนหน้าประตูยังคงไม่มีชีวิตกะจิตกะใจเช่นเดิม พอเห็นนักบัญชีที่ย้อนกลับมายังเกาะชิงเสีย ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้ม

ราวกับว่าการหายไปของหลิวจื้อเม่าและจวนเหิงโปที่กลายเป็นซากปรักหักพังแห่งนั้น รวมไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยนที่แม่ทัพหลักแคว้นต้าหลีวางอำนาจบารมีเข้าข่ม ล้วนไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆ ต่อชีวิตอันเรื่อยเปื่อยผ่อนคลายของผู้ฝึกตนเฒ่าคนนี้ได้

เฉินผิงอันทักทายผู้ฝึกตนเฒ่าคนเฝ้าประตู คุยเล่นกันอยู่สองสามคำก็เดินไปเปิดประตูเรือน ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิม ก็แค่มีฝุ่นเกาะเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพราะก่อนที่เขาจะออกไปจากชิงเสียได้เคยบอกไว้ว่าไม่ต้องให้คนมาทำความสะอาดที่นี่

เฉินผิงอันไปเยือนจวนเหิงโปที่เหลือแต่ซากจนถึงขั้นไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขายืนอยู่ริมขอบซากรกร้าง เงียบงันอยู่ครู่ใหญ่ถึงได้หมุนตัวเดินไปยังจวนชุนถิงที่ยังคงความโอ่อ่าหรูหราดังเดิม

ตอนนี้เกาะชิงเสียเป็นฝูงมังกรที่ไร้หัว จางเย่ที่พอจะประคับประคองสถานการณ์ได้กลับหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ทว่าเถียนหูจวินลูกศิษย์ใหญ่ของหลิวจื้อเม่าบนเกาะซู่หลินที่เป็นผู้ฝึกตนโอสถทองในพื้นที่คนหนึ่งกลับเลือกจะปิดด่านในช่วงเวลานี้ บวกกับที่กู้ช่านสูญเสียหนีชิวน้อยตัวนั้นไป พวกผู้ถวายงานใหญ่บนเกาะใต้อาณัติอย่างอวี๋กุยก็ได้แอบไปมาหาสู่กันอย่างลับๆ ระหว่างบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลิวจื้อเม่า รวมไปถึงระหว่างผู้ถวายงานที่อยู่บนเกาะใต้อาณัติด้วยกัน ต่างคนต่างก็มีแผนการเป็นของตัวเอง

เชื่อว่าเมื่อไม่มีจวนเหิงโปและหลิวจื้อเม่าที่คอยกดหัวอยู่อีกแล้ว แม้ภายนอกช่วงที่ผ่านมานี้มองดูเหมือนจวนชุนถิง จะมีหน้ามีตา แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับต้องทุกข์ทรมานอยู่มาก

ฟ้าถล่มลงมาแล้ว คนที่มีหมวกสูงก็ต้องต้านรับไว้ ตอนนี้หลิวจื้อเม่าเป็นแบบนี้ไปแล้ว อันดับต่อไปจะเป็นคราวของใคร?

ต่อให้คนตลอดทั้งจวนชุนถิงจะไม่เข้าใจสถานการณ์ใหญ่แค่ไหน ในเวลานี้ก็ต้องรู้กระจ่างชัดกันดีอยู่แก่ใจแล้ว

มารดาของกู้ช่านได้พาสาวใช้ผู้รู้ใจสองคนที่อายุน้อยและหน้าตางดงามออกมายืนรอที่หน้าประตูใหญ่แล้ว

การรายงานข่าวเล็กน้อยแค่นี้ จวนชุนถิงยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!