กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 456

ขยับเข้าใกล้ช่วงปลายปี ทะเลสาบซูเจี่ยนในตอนนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วก็มีสภาพน่าอนาถยิ่งกว่าร้านขายซาลาเปาเสียอีก เมื่อปลายปีของปีก่อนมีหิมะใหญ่เท่าขนห่านตกติดต่อกันถึงสามครั้ง ปราณวิญญาณในทะเลสาบซูเจี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ผู้ฝึกตนที่เฉยชากับเรื่องของการเฉลิมฉลองปีใหม่ก็ยังเหมือนได้เฉลิมฉลองปีที่ดีกันไปรอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าปีนี้ยังไม่ทันสิ้นสุดก็ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว เกาะนับพันแห่งซึ่งรวมถึงเกาะชิงเสียล้วนจำเป็นต้องมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เป็นของบรรณาการแก่กองทัพม้าเหล็กต้าหลีใต้บังคับบัญชาของซูเกาซาน เกาะบางแห่งที่มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์จูอิ๋ง รวมไปถึงแคว้นใต้อาณัติอย่างแคว้นสือหาว แคว้นเหมยโย่วก็ต้องเรียกว่าลำบากยากแค้นอย่างที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ ไม่เพียงแต่เสียพลังต้นกำเนิดอย่างใหญ่หลวง ยังไม่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งสองฝ่ายด้วย

ที่น่ากลัวที่สุดยังคงเป็นถานหยวนอี้แห่งเกาะลี่ซู่ เถียนหูจวินแห่งเกาะซู่หลิน และผู้ถวายงานอย่างอวี๋กุ้ยที่ร่วมมือกับเกาะทั้งหมดที่มีบรรพจารย์เป็นผู้ฝึกตนเซียนดิน ยกตัวอย่างเช่นคู่รักเซียนดินแห่งเกาะหวงหลีที่จับมือเป็นพันธมิตรกันอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีข้อถกเถียงโต้แย้งใดๆ กลับกันยังร่วมมือกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจเป็นพิเศษ พวกเขาเป็นฝ่ายลากเส้นโอบล้อมโดยมีสี่นครใหญ่รอบทะเลสาบซูเจี่ยนอย่างนครน้ำบ่อ นครลวี่ถงเป็นหนึ่งในนั้นให้เป็น ‘หน้าด่าน’ ไม่ว่าผู้ฝึกตนคนใดกล้าพกพาทรัพย์สินของเกาะหนีไปโดยพลการแล้วถูกจับได้ จะมอบตัวให้คนของกองทัพม้าเหล็กต้าหลีที่รับผิดชอบเฝ้าพิทักษ์ที่แห่งนี้ซึ่งมีทั้งแม่ทัพบู๊ม้าเหล็ก ขุนนางบุ๋นหนึ่งคน และผู้ฝึกตนติดตามกองทัพสองคน คนทั้งสี่แยกกันปักหลักอยู่ในนครทั้งสี่แห่ง ประหนึ่งตาข่ายสวรรค์ที่แผ่ปกคลุมผู้ฝึกตนอิสระหลายหมื่นคนไว้ด้านใน ออกไปไหนไม่ได้ ได้แต่แข็งใจกรีดเนื้อบนร่างตัวเอง เงินเทพเซียนหีบแล้วหีบเล่าถูกส่งออกไปนอกนครน้ำบ่อไม่ขาดสาย ระหว่างนี้ก็มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงและความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่ผู้ฝึกตนอิสระตายกันไปเกือบร้อยคน ในที่สุดผู้ฝึกตนโอสถทองสองคนในบรรดานั้นก็ยอมสงบลง เก็บหางเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างว่าง่าย

ว่ากันว่านี่เป็นแค่รอบแรกเท่านั้น

ลำดับถัดมายังมีเกาะใหญ่บางแห่งที่ได้รับคำอนุญาตจากกองทัพม้าเหล็กต้าหลีจึงคิดทำตัวเป็นปลาใหญ่ที่กินกุ้งหอยปูปลา พากันบุกเบิกเกาะใต้อาณัติอย่างกำเริบเสิบสาน สุดท้ายมีความเป็นไปได้ว่าเกาะนับพันเกาะของทะเลสาบซูเจี่ยนในทุกวันนี้จะมีศาลบรรพจารย์น้อยใหญ่หายไปสามส่วน ควันธูปขาดสะบั้น ต้องตกอยู่ใต้อาณัติคอยพึ่งพาเกาะใหญ่อย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางขั้นตอนที่อบอวลไปด้วยคาวเลือดนี้ ผู้ฝึกตนทุกคนที่กล้าต่อต้าน มีเพียงจุดจบเดียวที่รอพวกเขาอยู่ เล่าลือกันว่าใต้บังคับบัญชาของซูเกาซานจะมีการตั้งตำแหน่งที่ไม่มีระดับขั้นอย่างใหม่ขึ้นมา นั่นคือผู้ฝึกตนจูงม้า ความหมายก็คือให้ทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้คอยจูงม้าให้กับผู้ฝึกตนติดตามกองทัพต้าหลี หากซูเกาซานฉีกแนวเส้นป้องกันของแคว้นเหมยโย่วไปได้ บวกกับกองทัพใหญ่ของเฉาผิง กองทัพม้าเหล็กสองกองแบ่งทหารออกเป็นห้าจุด ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็จะผนึกกำลังกันโอบล้อมราชวงศ์จูอิ๋งเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ผู้ฝึกตนจูงม้ากลุ่มนี้มีโชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือ สามารถอาศัยการเข่นฆ่าในสนามรบกับกองทัพจูอิ๋งมาสะสมคุณความชอบทางหารทหาร มีหวังจะเลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพระดับขั้นต่ำที่สุด เพียงแต่ว่าผู้ฝึกตนจูงม้าสิบคนจะสามารถมีชีวิตรอดสักสองสามคน กลายมาเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพได้หรือไม่ก็คงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ ต่อให้กลายเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพ แล้วถ้ากองทัพม้าเหล็กต้าหลียังจะเคลื่อนพลลงใต้ต่อไปอีก จะทำอย่างไร?

คำกล่าวนี้เล่าลือกันอย่างสมจริงสมจัง เพราะได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่า ซูเกาซานคนเถื่อนต้าหลีที่บ้าเงินผู้นั้นสามารถทำเรื่องประเภทฆ่าไก่ชิงเอาไข่ได้จริงๆ

แต่ตอนนี้จิตใจของคนแตกแยก ขั้วอำนาจใหญ่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ นานแล้ว ใครเล่าจะกล้าชูธงลุกฮือต่อต้านขึ้นมาก่อน?

เวลานี้ผู้ฝึกตนอิสระในทะเลสาบซูเจี่ยนกลับคิดถึงความดีของหลิวจื้อเม่าขึ้นมา ปีนั้นแต่ละคนกลัวว่าหลิวจื้อเม่าจะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบน ตอนนี้กลับเจ็บใจที่หลิวจื้อเม่าไม่ตั้งใจฝึกตนมากพอ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นตกเป็นนักโทษของเกาะกงหลิ่ว ไม่อาจช่วยขยับขยายที่ทางให้แก่ทะเลสาบซูเจี่ยนได้เลย

เฉินผิงอันขึ้นเกาะชิงเสีย เขานั่งอยู่ในห้องตรงหน้าประตูภูเขาพักหนึ่ง พบว่าด้านในไม่มีฝุ่นเกาะก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจอย่างมาก นี่น่าจะเป็นฝีมือของกู้ช่าน

มองดูเหมือนผิดต่อข้อตกลงของสองฝ่าย แต่อันที่จริงแล้วนี่คือเรื่องดี

เฉินผิงอันเดินออกจากห้อง ชำเลืองตามองทัศนียภาพของทะเลสาบแวบหนึ่ง

ระหว่างทางผ่านเกาะมาไม่น้อย คิดดูแล้วป่านนี้พวกคนมีใจคงรู้ข่าวนี้แล้ว

เพียงแต่เวลานี้ไม่เหมือนในอดีตจึงไม่มีแขกขึ้นเกาะมาเยี่ยมเยียนอีก อันที่จริงคราวก่อนที่เฉินผิงอันออกจากแคว้นสือหาวกลับมายังทะเลสาบซูเจี่ยนก็ได้เจอกับสภาพการณ์ที่เงียบเหงาเช่นนี้แล้ว

พวกเจ้าเกาะอย่างอวี๋กุ้ย เจ้าเกาะไผ่ม่วง หลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชต่างก็ทยอยกันมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย ครึกครื้นจนราวกับว่าเฉินผิงอันต่างหากที่เป็นเจ้าแห่งยุทธภพของทะเลสาบซูเจี่ยน

หากร่ำรวยต่อให้อยู่ในภูเขาลึกก็ยังมีญาติมาเยี่ยมเยียน แต่หากยากจนต่อให้อยู่ในตลาดครึกครื้นก็ยังไร้คนถามหา

เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่โบราณกาล

เฉินผิงอันชื่นชอบความเงียบสงบเช่นนี้ เขายังคงไปเยือนซากปรักหักพังของจวนเหิงโปพักหนึ่ง มองมันให้นานหน่อย จะได้ยิ่งเข้าใจความอันตรายของการฝึกตนบนภูเขามากอีกหน่อย

ครั้งนี้เพียงไม่นานกู้ช่านก็ตามมาที่ซากของจวนเหิงโป เขามายืนอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน “ยังนึกว่าเจ้าจะกลับมาหลังปีใหม่เสียอีก”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างสะท้อนใจ “หลังจากนี้ยังต้องไปที่กลุ่มเทือกเขาทางใต้ของทะเลสาบซูเจี่ยน อาจจะต้องเสียเวลามากกว่านี้”

กู้ช่านพยักหน้ารับ

เฉินผิงอันถาม “เถียนหูจวินเคยมาหาเจ้าหรือไม่?”

กู้ช่านกล่าว “เคยมา นางพูดจาค่อนข้างจะจริงใจ แถมยังเกลี้ยกล่อมให้ข้าวางมาดใหญ่โตลง บอกว่าในเมื่อข้ามีชาติกำเนิดมาจากเขตการปกครองหลงเฉวียน นี่ก็คือต้นทุนที่ไม่เล็กก้อนหนึ่ง ไม่สู้ไปที่นครน้ำบ่อ ตามหาผู้ฝึกตนติดตามกองทัพอายุไม่มากท่านหนึ่ง ยังบอกว่าคนที่อายุเท่านี้แต่มาเฝ้าพิทักษ์นครน้ำบ่อได้ แสดงว่าต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ พยายามตีสนิทใกล้ชิดกับคนผู้นี้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้มีชีวิตที่สงบสุขมั่นคง เพียงแต่ข้าไม่ค่อยกล้าเชื่อนาง ตอนนี้นางกับหันจิ้งหลิงและหวงเฮ้อค่อนข้างจะสนิทกันมาก”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เหตุผลที่นางเกลี้ยกล่อมให้เจ้าไปนครน้ำบ่อ ไม่ถือว่าโกหก เพียงแต่ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างที่นางบอก เจ้าไม่ได้ตอบรับนางโดยการไปหาผู้ฝึกตนติดตามกองทัพต้าหลีผู้นั้นที่นครน้ำบ่อก็ไม่ถือว่าผิด เพราะเจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่าผู้ฝึกตนติดตามกองทัพที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาคนนั้นมีนิสัยอย่างไรกันแน่ จะถูกหันจิ้งหลิงและหวงเฮ้อวางแผนเล่นงานเจ้าไว้แต่แรกแล้วหรือไม่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้ากลับสามารถพูดถึงนิสัยบางอย่างของคนทั่วไปได้ ยกตัวอย่างเช่นหากผู้ฝึกตนหนุ่มคนนั้นมีชาติกำเนิดจากตระกูลชนชั้นสูงของต้าหลีจริง การที่เขาได้เข้าร่วมกองทัพ รับผิดชอบเป็นผู้ฝึกตนติดตามกองทัพที่จำเป็นต้องลงสนามรบเข่นฆ่าศัตรู นี่ก็หมายความว่าคนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีจิตใจหยิ่งทระนง ไม่ยินดีอาศัยตระกูลมาก่อร่างสร้างตัว นี่คือข้อแรก อีกทั้งลูกหลานตระกูลขุนนาง ส่วนใหญ่แล้วต่อให้จะเข้าใจการกระทำที่เจ้ากู้ช่านเคยทำลงไปในทะเลสาบซูเจี่ยนก่อนหน้านี้แค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางจะยอมรับได้ เพราะพวกเขาเคยชินกับกฎเกณฑ์ในวงการขุนนาง และยอมรับในมาตรฐานชุดนั้นมากกว่า ดังนั้นข้าไม่พูดว่าการที่เจ้าไม่ไปเยือนนครน้ำบ่อเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่อย่างน้อยก็ไม่ผิดแน่นอน”

กู้ช่านหันมามองเฉินผิงอัน ยิ้มถามว่า “เจ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”

เฉินผิงอันชี้ไปที่ดวงตาของตัวเอง ก่อนจะชี้ไปที่สมองของตัวเอง “มองให้มากคิดให้มาก ก็จะผิดน้อยลงไปอีกนิด อีกทั้งยังสามารถพร้อมรับมือกับการทำผิดแล้วรู้จักแก้ไขได้ตลอดเวลา นอกจากความเป็นความตายแล้ว ต้องรู้จักเว้นที่ว่าง เว้นทางถอยไว้ให้กับตัวเองในทุกๆ เรื่อง เส้นทางไม่ควรยิ่งเดินก็ยิ่งแคบลง ไม่อย่างนั้นวันใดอาจค้นพบกะทันหันว่าพาตัวเองไปอยู่ในซอยตันทางหัวขาดแล้วก็เป็นได้”

กู้ช่านทรุดตัวลงนั่งยอง หยิบเศษหินขึ้นมาก้อนหนึ่งแล้วขว้างทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ “นี่ก็ไม่ได้หมายความว่ายอมเป็นหยกแตก ดีกว่าเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์หรอกหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!