เรือข้ามฟากตระกูลเซียนลำนี้จะไม่ได้ขับตรงไปยังเขตการปกครองหลงเฉวียน เพราะถึงอย่างไรร้านผ้าห่อบุญก็ย้ายออกไปจากภูเขาหนิวเจี่ยวแล้ว ท่าเรือจึงแทบจะถูกปล่อยร้าง และตอนนี้ก็อยู่ในนามของกองทัพต้าหลี แต่ไม่ใช่สถานที่สำคัญอันเป็นจุดศูนย์กลางอะไร มีเรือข้ามฟากจอดอยู่อย่างประปราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชนชั้นสูงของต้าหลีที่มาเที่ยวชมแม่น้ำและภูเขาของเขตการปกครองหลงเฉวียน เพราะทุกวันนี้เขตการปกครองหลงเฉวียนที่ทรุดโทรมได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่จนสมบูรณ์สวยงาม อีกทั้งยังมีข่าวลือเล็กๆ แพร่สะพัดไปทั่วว่าเขตการปกครองหลงเฉวียนที่อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลจะเลื่อนจากเขตการปกครองขึ้นเป็นมณฑล นี่หมายความว่าในวงการขุนนางของต้าหลีจะมีเก้าอี้ว่างระดับขั้นไม่ต่ำโผล่พรวดขึ้นมาอีกหลายสิบตำแหน่ง เมื่อกองทัพม้าเหล็กต้าหลีบุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญ ควบรวมแผ่นดินครึ่งหนึ่งของแจกันสมบัติทวีปเอาไว้ได้ นี่จึงทำให้ขุนนางของต้าหลีได้ยกระดับเหมือนเรือที่ลอยสูงตามน้ำไปด้วย ขุนนางในพื้นที่ที่มีสำมะโนครัวต้าหลีก็จะเป็นเหมือน ‘ขุนนางในเมืองหลวง’ ของแคว้นเล็กๆ ใต้อาณัติทั่วไป และตอนนี้หากถูกส่งตัวไปยังแคว้นใต้อาณัติแห่งใดก็ตามที่อยู่ทางทิศใต้ การได้เลื่อนตำแหน่งขุนนางก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เรือข้ามฟากลำที่เฉินผิงอันโดยสารมานี้จะจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของแคว้นเล็กซึ่งมีชื่อว่าแคว้นเชียนเฮ้อ แคว้นเชียนเฮ้อมีเทือกเขามากมาย กองกำลังของแคว้นอ่อนแอ พื้นดินขาดความอุดมสมบูรณ์ สิบลี้ธรรมเนียมต่าง ร้อยลี้สำเนียงไม่เหมือน คือสถานที่เงียบสงบสันติสุขเนื่องจากกองทัพม้าเหล็กต้าหลีไม่เคยย่างกรายมาเยือน ท่าเรืออยู่ในครอบครองของถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา เจ้าของถ้ำฝูอินเป็นทั้งราชครูของแคว้นเชียนเฮ้อ แล้วก็เป็นทั้งผู้นำของเซียนซือในหนึ่งแคว้น เพียงแต่ว่าเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลของทั้งแคว้นเชียนเฮ้อกลับมีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น และราชครูของแคว้นเชียนเฮ้อก็มีตบะแค่ขอบเขตประตูมังกร ลูกศิษย์ในสำนักก็ไม่ได้มีฝีไม้ลายมืออะไร การที่ได้ครอบครองท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งก็เพราะว่าถ้ำฝูอินเคยเป็นหนึ่งในซากปรักของถ้ำสวรรค์ที่ปริแตกในยุคบรรพกาล ผลิตผลหลายชนิดในถ้ำแห่งนี้สามารถนำไปขายได้ไกลถึงทางทิศใต้ เพียงแต่ว่าเงินที่ได้มาล้วนเป็นเงินที่ยากลำบาก ตลอดทั้งปีก็ได้แค่ไม่กี่เหรียญเงินร้อนน้อยเท่านั้น จึงไม่มีผู้ฝึกตนต่างถิ่นหมายตาอยากครอบครองที่แห่งนี้
เฉินผิงอันวางแผนไว้ว่าจะกลับไปที่เขตการปกครองหลงเฉวียนสักรอบหนึ่งก่อน แล้วค่อยไปเยือนแคว้นไฉ่อี แคว้นซูสุ่ย ที่บ้านเกิดมีเรื่องมากมายที่จำเป็นต้องให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะถึงอย่างไรเรื่องบางอย่างก็ต้องปรากฎตัวด้วยตัวเอง ไปมาหาสู่กับราชสำนักต้าหลีด้วยตัวเองถึงจะได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องซื้อภูเขาที่เว่ยป้อสามารถช่วยได้ แต่ไม่สามารถ ‘ลงนาม’ ในสัญญาฉบับใหม่กับต้าหลีแทนเขาเฉินผิงอันได้
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้มีเหตุวิวาทเกิดขึ้นเล็กน้อย มีเซียนซือกลุ่มหนึ่งที่มาจากนครลมเย็นรู้สึกว่าการที่ม้าธรรมดาตัวหนึ่งได้ครอบครองพื้นที่ชั้นล่างของเรือร่วมกับสัตว์วิเศษที่พวกเขาตั้งใจเลี้ยงและอบรมเป็นอย่างดี คือเรื่องอัปยศอย่างหนึ่ง ด้วยรู้สึกไม่ค่อยพอใจจึงคิดจะเล่นลูกไม้บางอย่าง แน่นอนว่าวิธีการของพวกเขาค่อนข้างจะอำพรางได้ดี แต่โชคดีที่เฉินผิงอันดูแลม้าตัวโปรดที่เขาตั้งชื่อเล่นให้มันว่า ‘ฉวีหวง’ เป็นอย่างดี มักจะให้กระบี่บินสืออู่บินไปดูมันอยู่เป็นประจำ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ต้องรู้ว่าการเดินทางเคียงข้างกันตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เฉินผิงอันซาบซึ้งใจต่อม้าตัวโปรดที่เฉลียวฉลาดตัวนี้อย่างมาก
ดังนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉวีหวงได้รับความตกใจอยู่ชั้นล่างของเรือ จิตของเฉินผิงอันก็สัมผัสได้ทันที เขาบอกให้สืออู่จำแลงร่างเป็นภาพมายาทะลุกระดานเรือแต่ละชั้นลงไปยังห้องเก็บของที่อยู่ด้านล่างสุดก่อน เพื่อขัดขวางไม่ให้สัตว์วิเศษบนภูเขาฉีกทึ้งฉวีหวง
ส่วนเฉินผิงอันก็ตามออกไปติดๆ เพียงแต่กลับถูกคนงานของเรือข้ามฝากที่รับผิดชอบเฝ้าชั้นล่างขัดขวางเอาไว้ เฉินผิงอันพลันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ เขายื่นมือไปคว้าไหล่คนหนุ่มผู้นั้น กึ่งลากกึ่งกระชากเขาไปยังจุดที่ฉวีหวงอยู่ เมื่อเฉินผิงอันที่สีหน้าเฉยชาเดินเข้าไปด้านใน สัตว์วิเศษทุกตัวที่มีสติปัญญาล้วนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หมอบคลานอยู่กับพื้น โดยเฉพาะสัตว์ตัวที่อยู่ใกล้กับฉวีหวงมากที่สุดซึ่งร่างทั้งร่างเป็นสีดำสนิทดุจหยก มีเพียงสี่เท้าที่เป็นสีขาวหิมะ ลักษณะคล้ายสุนัข แต่ร่างกลับมีขนาดใหญ่โตดุจวัวตัวเล็กๆ จากบันทึกในตำราเทพเซียนที่ซื้อมาจากภูเขาห้อยหัวเล่มนั้น นี่น่าจะเป็นหนึ่งในทายาทของสุนัขตะลุยภูเขาสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาล ไม่อย่างนั้นหากเป็นสุนัขตะลุยภูเขาจริงๆ ก็ไม่มีทางมีสีสันที่ปะปนกันเช่นนี้ ทว่าสายพันธ์ของสุนัขตะลุยภูเขานั้นมีนิสัยดุร้ายซึ่งคล้ายคลึงกับวานรย้ายขุนเขา
เมื่อสัตว์วิเศษที่เป็นทายาทสุนัขตะลุยภูเขาเห็นเฉินผิงอัน มันก็แสดงความหวาดกลัวยิ่งกว่าสัตว์วิเศษตัวอื่นๆ ใต้ท้องเรือที่หมอบคลานอยู่บนพื้นอย่างว่าง่ายเสียอีก ถึงกับเก็บหางงอตัว
เฉินผิงอันปล่อยไหล่ของนักการของเรือข้ามฝาก คนผู้นั้นนวดคลึงไหล่ ยิ้มประจบเอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้ มีความเป็นไปได้ว่านิสัยของม้าท่านกับสัตว์เดรัจฉานที่อยู่ในคอกข้างกันคงจะเข้ากันไม่ได้ จึงเกิดวิวาทกัน นี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนเรือข้ามฝากบ่อยๆ ข้าจะแยกพวกมันออกจากกันเดี๋ยวนี้ เปลี่ยนที่พักให้ม้าตัวโปรดของท่าน จะไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นอีกเด็ดขาด”
เฉินผิงอันชำเลืองตามองราวรั้วที่กั้นระหว่างฉวีหวงและทายาทสุนัขตะลุยภูเขา ว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด
ระหว่างราวรั้วของกรงทั้งสอง เดิมทีควรจะมียันต์ระดับต่ำบางส่วนติดอยู่ หากสัตว์วิเศษข้ามบ่อสายฟ้านี้เข้ามาก็จะไปกระทบโดนตราผนึกทันที แล้วทางเรือข้ามฝากก็จะได้ออกหน้ามาช่วย ‘ไกล่เกลี่ย’ ให้ แต่สัตว์วิเศษส่วนใหญ่ที่สามารถถูกผู้ฝึกตนนำขึ้นเรือข้ามฝากได้ล้วนมีสติปัญญา จะไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับเจ้าของเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นการจ่ายเงินฟาดเคราะห์ ส่วนที่ต้องเจอเคราะห์ก็คือมหามรรคาของผู้ฝึกตน หากก่อปัญหายุ่งยากที่เงินทองไม่อาจแก้ไขได้ก็ยิ่งเป็นหายนะ
เพียงแต่ว่าคงเป็นเพราะในสายตาเจ้าของทายาทสุนัขตะลุยภูเขาตัวนี้คิดว่า ต่อให้มีเรื่องกับคนกระจอกที่จูงม้าขึ้นเรือมา แล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหนกระมัง?
เฉินผิงอันยื่นมือไปลูบหัวฉวีหวง มันกระทืบเท้าเบาๆ ท่าทางดูไม่ได้ตกอกตกใจสักเท่าไหร่
ตอนที่เดินทางผ่านกลุ่มภูเขาทางทิศใต้ของทะเลสาบซูเจี่ยน ฉวีหวงก็เคยเห็นโลกกว้างมาพร้อมกับเฉินผิงอันแล้ว
เฉินผิงอันจึงดึงมือกลับมา ยิ้มกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดจะทำลายมหามรรคาของข้างั้นหรือ?”
นักการของเรือข้ามฝากอึ้งตะลึง เขาเดาเอาว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าของม้าจะซักไซ้เอาความผิด เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขนาดนี้ หรือคิดจะรีดไถเอาเงิน?
นี่กลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องดี
นักการหนุ่มรู้สึกชอบอกชอบใจ นึกอยากจะให้สองฝ่ายตีกันยิ่งนัก
ถึงอย่างไรไม่ว่าพวกเขาจะมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ไม่ว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงสามารถทำให้สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นตัวสั่นเงียบกริบเป็นจั๊กจั่นในหน้าหนาวได้ ขอแค่เจ้าไปมีเรื่องกับผู้ฝึกตนนครลมเย็น แล้วจะไม่โดนเล่นงานกลับได้อย่างไร?
เซียนซือของนครลมเย็นกลุ่มนั้นเป็นแขกผู้มีเกียรติของเรือข้ามฟากลำนี้มาโดยตลอด สนิทสนมกับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะหนึ่งในผลผลิตของถ้ำฝูอินแคว้นเชียนเฮ้อคือไม้วิเศษประเภทหนึ่งที่เป็นที่ถูกอกถูกใจของเนินจิ้งจอกซึ่งเป็นราวกับแคว้นเล็กๆ ใต้อาณัติของราชวงศ์ใหญ่แห่งนั้น ด้วยเหตุนี้ไม้วิเศษที่สามารถบำรุงให้หนังจิ้งจอกนุ่มลื่นได้ จึงแทบจะถูกเซียนซือของนครลมเย็นเหมาไปหมด จากนั้นก็ขายต่อให้แก่สกุลสวี่ นั่นก็คือกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หากจะถามว่าเหตุใดสกุลสวี่ของนครลมเย็นถึงไม่เดินทางมาด้วยตัวเอง ทางฝั่งของเรือข้ามฟากก็เคยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ไปแล้ว ผู้ฝึกตนของนครลมเย็นกลับหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง บอกว่าสกุลสวี่จะสนใจกำไรเท่าหัวแมลงวันที่คนอื่นได้ไปจากพวกเขางั้นหรือ? หากมีเวลาว่างเช่นนี้ ป่านนี้ลูกหลานสกุลสวี่ที่รู้จักวิธีหาเงินก็คงได้เงินเทพเซียนมากกว่าเดิมไปนานแล้ว สกุลสวี่นครลมเย็นได้ครอบครองเนินจิ้งจอกแห่งหนึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเงินทองที่แค่ต้องนั่งนับเงินอยู่ในบ้านอย่างเดียวแล้ว
เซียนซือกลุ่มหนึ่งที่ห่มชุดคลุมหนังจิ้งจอกสีขาวหิมะเดินเนิบช้าเข้ามายังชั้นล่างของเรือ ดูสะดุดตามากเป็นพิเศษ
หนังจิ้งจอกของนครลมเย็นทั้งสามารถขับไล่ความหนาวเย็นให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว และหน้าร้อนก็ยังช่วยคลายความร้อน เพียงแค่แบบหนึ่งหนาแบบหนึ่งบาง แต่ทว่ายามเข้าสู่หน้าร้อนแล้วยังห่มหนังจิ้งจอกไว้บนร่าง ต่อให้จะเป็นหนังจิ้งจอกที่บางแค่ไหน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังขัดตาอยู่ดี แต่เดิมทีนี่ก็คือยันต์คุ้มกันกายชนิดหนึ่งของผู้ฝึกตนที่เดินลงจากภูเขา หน้าตาของนครลมเย็นในแถบภาคเหนือของแจกันสมบัติทวีปก็ถือว่าไม่เล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่ากันว่าตอนนี้เจ้าประมุขสกุลสวี่นครลมเย็นยังได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่ คู่บำเพ็ญตนของเขายังช่วยเอาเสื้อเกราะโหวจื่อ (เกราะโหวจื่อคือเกราะชนิดหนึ่งที่เผ่าชิงถังเชียงของยุคราชวงศ์ซ่งทำด้วยวิธีการอัดขึ้นรูปแบบเย็น มีความแข็งแกร่งทนทานมากเป็นพิเศษ) ซึ่งเป็นสมบัติสำคัญชิ้นหนึ่งจากถ้ำสวรรค์หลีจูมาให้เขา นี่ก็ยิ่งทำให้เขาพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น ในตระกูลยังได้ครอบครองป้ายสงบสุขปลอดภัยของต้าหลีแผ่นหนึ่ง การลุกผงาดของสกุลสวี่นครลมเย็นจึงไม่มีใครต้านทานได้อยู่
เฉินผิงอันไม่พูดไม่จา ท่าหมัดของเขายังคงหละหลวม ลักษณะท่าทางคล้ายคนขี้โรค แต่กลับเดินแค่สองสามก้าวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนกลุ่มนั้น ปล่อยหนึ่งหมัดก็ต่อยให้หนึ่งคนล้มลง คนหนึ่งในนั้นยังเป็นเด็กสาวหน้ากลมป้อม นางถึงกับตาเหลือกแล้วล้มตึงสลบคาที่ สุดท้ายเหลือแค่คุณชายหล่อเหลาที่อยู่กลางวงคนเดียว หน้าผากของเขามีเม็ดเหงื่อผุดซึม ริมฝีปากขยับเบาๆ น่าจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยถ้อยคำที่แข็งกระด้าง หรือพูดจาโอนอ่อนยอมแพ้กันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!