ในช่วงเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงตีนภูเขาลั่วพั่ว
ด้านหน้าภูเขาสร้างซุ้มประตูหินขึ้นมา เพียงแต่ว่าไม่มีป้ายใดๆ แขวนไว้ อันที่จริงตามหลักแล้วบนยอดเขาของภูเขาลั่วพั่วมีศาลเทพภูเขา ก็น่าจะควรแขวนป้ายเทพภูเขาไว้ป้ายหนึ่ง เพียงแต่ว่าเทพภูเขาที่ในอดีตเคยเป็นขุนนางผู้ตรวจการงานเตาเผาผู้นั้นโชคไม่ดีนัก เขาไม่เพียงแต่ต้อง ‘อาศัยอยู่ใต้ชายคาผู้อื่น’ บนภูเขาลั่วพั่วอันเป็นรากฐานกิจการของเฉินผิงอัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเว่ยป้อยังแข็งค้างชะงักงัน บวกกับที่บนเรือนไม้ไผ่ยังมีปรมาจารย์ใหญ่วิถีวรยุทธที่ลึกล้ำเกินจะหยั่งผู้หนึ่งอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังมีงูเหลือมยักษ์สีดำที่มักจะเลื้อยป้วนเปี้ยนอยู่แถวภูเขาลั่วพั่ว ปีนั้นหลี่ซีเซิ่งใช้เหล็กหมาดหิมะเขียนอักขระยันต์ไว้บนผนังเรือนไม้ไผ่ก็ยิ่งทำให้ตลอดทั้งภูเขาลั่วพั่วลดระดับลงไปหลายส่วน ศาลเทพภูเขาจึงได้รับผลกระทบมากที่สุด ไปๆ มาๆ ในบรรดาศาลเทพภูเขาทั้งสามแห่งของเขตการปกครองหลงเฉวียน ศาลเทพภูเขาลั่วพั่วจึงมีควันธูปเบาบางที่สุด เรียกได้ว่าองค์เทพภูเขาที่ได้สร้างร่างทองหลังจากที่ตายไปผู้นี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของใครเลย
เว่ยป้อเดินลงมาจากภูเขาช้าๆ ด้านหลังมีสือโหรวติดตามมาไกลๆ
เฉินผิงอันพลิกตัวลงจากหลังม้า ยิ้มถามว่า “พวกเผยเฉียนล่ะ?”
เว่ยป้อกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “ข้าจงใจบอกร่องรอยของเจ้าแก่พวกเขา เจ้าเด็กทั้งสามยังนึกว่าอาจารย์และนายท่านอย่างเจ้าจะกลับเข้าเขตการปกครองหลงเฉวียนผ่านทางเมืองหงจู๋ ตอนนี้คงกำลังรอคอยตาปริบๆ อยู่เลยล่ะ ส่วนจูเหลี่ยน ช่วงนี้ชอบไปเตร็ดเตร่อยู่แถวเขตการปกครอง บอกว่าเจอกับต้นกล้าที่ดีในการฝึกวรยุทธคนหนึ่งโดยบังเอิญ หากเป็นขอบเขตที่สูงมากคงไม่กล้าพูด แต่หากเป็นขอบเขตร่างทองกลับยังพอมีหวัง จึงอยากจะมอบโชคเปิดประตูต้อนรับนายท่านกลับบ้านเกิดสักหน่อย”
เฉินผิงอันเดินเคียงไหล่ไปกับเว่ยป้อ สือโหรวยังคงเดินตามมาด้านหลังอยู่ไกลๆ เพียงแค่ผงกศีรษะให้กับเฉินผิงอัน ถือเป็นการทักทายกันแล้ว
เฉินผิงอันเอ่ยขออภัย “เรื่องซื้อภูเขายืดเยื้อมาครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
เว่ยป้อที่สวมชุดสีขาวเดินไปบนทางภูเขา ประหนึ่งองค์เทพแห่งทะเลสาบที่ก้าวเหยียบคลื่นน้ำเบาๆ หูข้างหนึ่งสวมต่างหูวงกลมสีทอง ช่างเป็นเทพเซียนในเทพเซียนอย่างแท้จริง เขายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อันที่จริงปลายปีรัชศกหย่งเจียที่สิบเอ็ด การค้าครั้งนี้เกือบจะหลุดมือไปแล้ว ราชสำนักต้าหลีใช้เหตุผลที่ว่าท่าเรือตระกูลเซียนบนภูเขาหนิวเจี่ยวไม่สะดวกขายให้กับผู้ฝึกตน ต้องเก็บเข้ากองทัพต้าหลี นี่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนใจที่ชัดเจนแล้ว อย่างมากที่สุดก็คงจะขายภูเขาที่ตั้งอยู่ริมขอบที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ให้เจ้ากับข้าสักลูกสองลูก ถือเป็นการชดเชยที่แสดงออกภายนอกแล้ว และข้าเองก็ไม่อาจยืนกรานอะไรได้ ทว่าพอถึงสิ้นปี กรมพิธีการต้าหลีกลับวางเรื่องนี้ลงชั่วคราว เดือนหนึ่งผ่านไป รอจนเหล่านายท่านของกรมพิธีการต้าหลีทำธุระกันเสร็จสิ้น เฉลิมฉลองปีใหม่ กินดื่มกันอย่างเต็มคราบ แล้วกลับมาที่เขตการปกครองอีกครั้ง จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ บอกว่าสามารถรอได้อีกหน่อย ข้าเลยเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะเจ้าปิดงานที่ทะเลสาบซูเจี่ยนได้อย่างราบรื่น”
เฉินผิงอันยิ้มขื่น “ไม่ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”
เว่ยป้อหันหน้ามามองสภาพของเฉินผิงอันในปัจจุบันก็หัวเราะร่าเสียงดัง “มองออกแล้วล่ะ ก็แค่ดีกว่าคำว่า ‘ผ่ายผอมเหลือแต่กระดูก’ ที่คนธรรมดาต้องผ่านยามเข้าสู่วิถีเทพนิดหน่อยเท่านั้น สภาพเจ้าน่าสังเวชจนแทบจะทนมองไม่ได้เลย คาดว่าพวกเผยเฉียนมาเห็นเจ้าคงจะจำไม่ได้เป็นแน่”
เฉินผิงอันเกาหัว ถอนหายใจ “ต่อให้พูดคุยเรื่องซื้อภูเขาได้เรียบร้อยแล้ว ข้าก็ยังติดหนี้อยู่ที่ทะเลสาบซูเจี่ยนอีกบานเบอะ”
เว่ยป้อยิ้มบางๆ “ก็แค่ต้องปวดหัวกับเรื่องเงินทองเท่านั้น ถึงอย่างไรดีว่าช่วงแรกเริ่มสุดที่สภาพจิตใจไม่อยู่นิ่ง ไม่ว่าทำอะไรก็เหมือนจะผิดไปหมดทุกอย่างกระมัง?”
เฉินผิงอันคลี่ยิ้มกว้าง พยักหน้ารับ “เหตุผลนี้เลย”
เว่ยป้อพลันเอ่ยว่า “แต่ข้าไม่มีเงินให้เจ้ายืมหรอกนะ ก็มีแต่มาดเปล่าๆ ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาเหนือเท่านั้น แต่หากเจ้าสามารถอาศัยสิ่งนี้ไปหลอกเอาเงินเทพเซียนจากคนอื่นได้ ก็ตามสบาย ได้ไปเท่าไหร่ก็ถือว่าเป็นความสามารถของเจ้า”
เฉินผิงอันถูมือเบาๆ พลางหัวเราะหึหึ “แบบนั้นจะดีหรือ”
เว่ยป้ออึ้งตะลึง ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่เหมือนเฉินผิงอันในอดีตคนนั้นเลย ดูเหมือนว่าหากตนไม่ระวังสักเพียงนิด ไอ้หมอนี่ก็จะฉวยโอกาสหาทางลงให้ตัวเอง จะห่มหนังพยัคฆ์ขององค์เทพขุนเขาเหนือไปหาเงินจากคนอื่นจริงๆ ? เว่ยป้อรีบตบไหล่เฉินผิงอัน ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “ในเมื่อไม่ดีก็ช่างมันเถิด ข้าหรือจะกล้าทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี ก็เพื่อนกันนี่นะ ต้องเข้าอกเข้าใจกันและกัน…”
สือโหรวเดินตามด้านหลังคนทั้งสองอยู่ไกลๆ บอกตามตรง ตอนที่เห็นเฉินผิงอันครั้งแรกตรงหน้าประตูภูเขาลั่วพั่ว นางตกใจจนสะดุ้งโหยงจริงๆ
ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เขาเปลี่ยนแปลงไปมากเกินไปแล้ว
หรือว่าพอไม่มีสุยโย่วเปียน หลูป๋ายเซี่ยง เว่ยเซี่ยนและจูเหลี่ยนอยู่ข้างกาย จำต้องบุกตะลุยอยู่ในยุทธภพของทะเลสาบซูเจี่ยนเพียงลำพัง ก็เลยถูกทะเลสาบซูเจี่ยนที่มีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนเล่นงานจนกลับคืนสภาพเดิม เลยมีสารรูปน่าอเนจอนาถเช่นนี้? สามารถมีชีวิตออกมาจากสถานที่ที่อันตรายซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งแจกันสมบัติทวีปแห่งนั้นได้ก็เลยพึงพอใจมากแล้ว? สือโหรวไม่ได้รู้สึกดูแคลนเฉินผิงอันเพราะเหตุนี้ เพราะถึงอย่างไรหลังจากที่ได้ฟังจูเหลี่ยนกับเว่ยป้อองค์เทพใหญ่แห่งขุนเขาพูดคุยกันถึงความไร้ขื่อไร้แปของทะเลสาบซูเจี่ยน นางก็พอจะเข้าใจเรื่องวงในได้บ้างแล้ว เข้าใจดีว่าเฉินผิงอันคนเดียว ต่อให้ข้างกายมีจูเหลี่ยน ก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่สามารถอาศัยหมัดบุกสังหารเปิดเส้นทางสายเลือดขึ้นที่ทะเลสาบซูเจี่ยนได้ เพราะแค่หลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวินคนเดียวก็มากพอจะทำให้คนต่างถิ่นทุกคนสะอึกได้มากพอแล้ว นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าภายหลังยังมีหลิวเหล่าเฉิงที่ย้อนกลับไปยังทะเลสาบซูเจี่ยนเลย นั่นคือผู้ฝึกตนอิสระห้าขอบเขตบนเพียงคนเดียวในแจกันสมบัติทวีปเชียวนะ
เฉินผิงอันเอ่ย “บอกกับพวกเผยเฉียนสักหน่อยเถิด อย่าปล่อยให้พวกเขาเสียเวลารออยู่ในเมืองหงจู๋อย่างโง่งมเลย”
เว่ยป้อยิ้มอย่างเข้าใจพลางพยักหน้ารับ ก่อนจะเป่าปากหนึ่งครั้ง จากนั้นก็พูดว่า “รีบกลับมาเถอะ เฉินผิงอันอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วแล้ว”
ประหนึ่งมีจอกแหนล่องลอยใบหนึ่งที่หมุนคว้างกลางสายน้ำวน แล้วพุ่งวาบหายไป
จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยของเว่ยป้อก็ดังขึ้นข้างหูของเด็กทั้งสามอย่างพวกเผยเฉียนที่อยู่บนหลังคาเรือนหลังหนึ่งของเมืองหงจู๋
เผยเฉียนที่กำลังเท้าคางเบิกตากว้าง “จริงหรือหลอก?”
เด็กชายชุดเขียวที่กำลังนอนอาบแดดอยู่บนหลังคาลูบคลำปลายคาง “ข้าว่าเว่ยป้อกำลังหลอกพวกเรา กินอิ่มแล้วก็ว่างงาน เลยหาเรื่องแกล้งพวกเราเล่น”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูที่นั่งอยู่ข้างกายเผยเฉียนพูดขึ้นเสียงเบา “ท่านเว่ยคงไม่หลอกกันด้วยเรื่องแบบนี้หรอกกระมัง?”
เผยเฉียนลุกพรวดขึ้นยืน สองมือกำหมัดกระทบกันเบาๆ “อาจารย์ของข้าทำตัวลับๆ ล่อๆ เสียจริง มาถึงอย่างเงียบเชียบโดยไม่ให้พวกเราสามคนรับมือได้ทันแม้แต่น้อย พวกเจ้าว่าร้ายกาจหรือไม่!”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูปิดปากหัวเราะคิก
เด็กชายชุดเขียวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ร้ายกาจกะผีน่ะสิ ปล่อยให้พวกเรารอเก้ออยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน คอยดูเถอะ หากเจอหน้ากันข้าจะต้องทวงหงเปาจากเขาทันที ถ้าขาดไปแม้แต่ซองเดียว ข้าจะเอาเรื่องเฉินผิงอันแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!