วันนี้ในเรือนของจูเหลี่ยนคึกคักอย่างที่หาได้ยาก เว่ยป้อไม่ได้ไปจากภูเขาลั่วพั่ว แต่แวะมาเล่นหมากล้อมกับจูเหลี่ยน
บนโต๊ะวางโถเก็บเม็ดหมากงามประณีตไว้สองใบ เป็นของที่ใช้กันในพระราชวังซึ่งเฉินผิงอันควักเงินจ่ายมาระหว่างเดินทางไกล ราคาไม่ถือว่าถูกนัก แต่มองดูแล้วสะดุดตาชวนให้คนชื่นชอบ พอกลับมาถึงภูเขาลั่วพั่วจึงมอบมันให้กับจูเหลี่ยน เว่ยป้อเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ จึงมักจะมาเล่นหมากล้อมกับจูเหลี่ยนเป็นประจำ ปีนั้นจูเหลี่ยนชอบดูสุยโย่วเปียนกับหลูป๋ายเซี่ยงเล่นหมากล้อมกัน แสร้งทำเป็นว่าตัวเองเล่นหมากล้อมไม่เป็นแล้วยังชี้แนะคนอื่นส่งเดช แต่แท้จริงแล้วฝีมือของเขากลับไม่ธรรมดา นี่ไม่ใช่เรื่องที่เก็บซ่อนเป็นความลับอะไร เพราะสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วยังคงเป็นเพราะจูเหลี่ยนไม่เคยเห็นสุยหลูสองคนเป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน แต่คิดดูแล้วพวกเขาสองคนเองก็คงจะเห็นจูเหลี่ยนเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ถึงแม้ว่ารากฐานเรือนกายและจิตวิญญาณของเจิ้งต้าเฟิงจะถูกทำร้ายตอนอยู่นครมังกรเฒ่า เส้นทางวิถีวรยุทธขาดสะบั้น แต่สายตาและลางสังหรณ์กลับยังคงมีอยู่ เขาเดาเอาว่านี่น่าจะเป็นความเคลื่อนไหวที่เฉินผิงอันชักนำให้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงรีบวิ่งตุปัดตุเป๋มาจากตีนเขา
เด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูก็ยืนชมศึกอยู่ด้านข้าง ฝ่ายแรกช่วยวางแผนออกกระบวนท่าให้พ่อครัวเฒ่าส่งเดช จูเหลี่ยนเองก็ไม่มีใจคิดจะเอาชนะสักเท่าไหร่ เด็กชายชุดเขียวบอกให้วางลงตรงไหน เขาก็คีบเม็ดหมากไปวางลงตรงนั้นจริงๆ แน่นอนว่าจากสถานการณ์ที่สูสีจึงกลายเป็นเสียเปรียบ แล้วก็เปลี่ยนจากเสียเปรียบเป็นลางของความพ่ายแพ้ นี่ทำให้เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่รักษากฎวิญญูชนชมหมากล้อมไม่ส่งเสียงร้อนใจขึ้นมาทันควัน นางไม่อนุญาตให้เด็กชายชุดเขียวพูดจาเหลวไหล ในฐานะงูเหลือมไฟที่จำแลงกายมาจากโชคชะตาบุ๋นในหอเก็บหนังสือของสกุลเฉาจือหลัน หลังจากที่เริ่มมีสติปัญญา เวลาหลายร้อยปีที่อยู่ว่างๆ ไม่ทำอะไร นางก็ต้องพลิกตำราอ่านหนังสือแก้เบื่ออยู่ทุกวัน ไม่กล้าพูดว่าตัวเองเก่งกาจเท่าฉีไต้จ้าวหรือนักเล่นระดับประเทศอะไร แต่ทิศทางการดำเนินไปคร่าวๆ ของสถานการณ์บนกระดานหมาก นางยังพอมองออกอย่างกระจ่างชัด
เฉินยวนจีที่มีเวลาว่างหลังจากฝึกท่าหมัดเสร็จก็แวะมาร่วมความคึกคักเช่นกัน สำหรับท่านเว่ยที่เปี่ยมไปด้วยมาดแห่งองค์เทพผู้นั้น นางมีความรู้สึกที่ดีด้วยอย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้ ท่านเว่ยหน้าตาดีมากจริงๆ ความใกล้ชิดสนิทสนมนี้ของเฉินยวนจีไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่ของชายหญิง นางเพียงแค่รู้สึกว่าต่อให้ตัวเองมองเขานานอีกหน่อยก็ยังถือว่าได้กำไร ถือซะว่ากำลังชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม มองดูแล้วสบายตาอย่างไรล่ะ!
เด็กสาวผู้นี้คงไม่รู้เลยว่า บนภูเขาลั่วพั่วแห่งนี้ นอกจากเจ้าภูเขาหนุ่มที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดจนน่าตกใจแล้ว เทพเซียนผู้เฒ่าจูที่นางเชื่อใจมากที่สุดไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกขั้นสูงสุดอะไรเลย แต่เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลตัวจริงเสียงจริงคนหนึ่ง ส่วนชายฉกรรจ์ที่หลังค่อมยิ่งกว่าเทพเซียนผู้เฒ่าจู หรือพี่น้องต้าเฟิงคนนั้น ในอดีตเคยเป็นถึงผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขา ส่วนผู้เฒ่าเปลือยเท้าที่อยู่ในเรือนไม้ไผ่ก็ยิ่งเป็นถึงผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทาง ที่นี่มีครบทั้งขอบเขตแปด เก้า และสิบ
ภายใต้การช่วยให้เสียเรื่องของเด็กชายชุดเขียว จูเหลี่ยนจึงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูบ่นไม่หยุด เด็กชายชุดเขียวชำเลืองตามองสถานการณ์หมากบนกระดานที่ถูกสังหารมังกรใหญ่จนสภาพอเนจอนาถแล้วก็จุ๊ปากพูดว่า “พ่อครัวเฒ่าจู แม้ว่าจะแพ้ แต่ก็แพ้อย่างสมเกียรติ”
จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ ชูมือขึ้นเอ่ยว่า “เป็นเช่นนี้จริง คราวหน้าพวกเราสองพี่น้องต้องพยายามให้มากหน่อย พี่น้องร่วมแรงร่วมใจกัน แม้ทองก็ยังฟันให้แตกได้”
เด็กชายชุดเขียวยิ้มหน้าบาน หลังจากจูเหลี่ยนยกมือขึ้นมาเขาก็รีบเข้าไปนวดแขนให้จูเหลี่ยน “พ่อครัวเฒ่า เจ้าอาจจะไม่รู้ มือนี้ของข้ามีไอเซียนด้วยนะ! ใช่ไหม เว่ยป้อ?”
ย้อนนึกถึงเรื่องในอดีต เขาเคยใช้ฝ่ามือตบไหล่ของเจ้าลัทธิลู่เฉินไปสองที หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหอป๋ายอวี้จิง ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเซียนหรือเทียนจวินอะไร ใครบ้างที่กล้าไม่ยกนิ้วโป้ง ชมว่าเขาเป็นวีรบุรุษชายชาตรี?!
เว่ยป้อยิ้มบางๆ กล่าวว่า “คันหนังอีกแล้วใช่ไหม?”
เด็กชายชุดเขียวกลอกตามองบน
สำหรับองค์เทพแห่งขุนเขาเหนือต้าหลีที่แล้งน้ำใจอย่างเว่ยป้อนี้ เด็กชายชุดเขียวไม่เคยคิดจะปิดบังความไม่พอใจของตัวเองแม้แต่น้อย ปีนั้นเพื่อพี่น้องเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงแคว้นหวงถิงผู้นั้น เขาเคยทดลองไปขอป้ายสงบสุขปลอดภัยมาจากต้าหลี แต่กลับต้องไปชนตอทุกครั้ง โดยเฉพาะกับเว่ยป้อที่ทำให้เขาผิดหวังอย่างยิ่ง ดังนั้นพอมีการเล่นหมากล้อมกันเมื่อไหร่ เด็กชายชุดเขียวก็จะยืนอยู่ข้างจูเหลี่ยนคอยชูธงร้องให้กำลังใจ ไม่อย่างนั้นก็แข็งขันบีบแขนนวดไหล่ให้จูเหลี่ยน ต้องการให้จูเหลี่ยนนำพละกำลังออกมาสิบสองส่วน นึกอยากจะให้เขาเข่นฆ่าตัวหมากของเว่ยป้อจนต้องโยนหมวกทิ้งเสื้อเกราะ จะได้สอนให้เว่ยป้อรู้จักคุกเข่าร้องขอวิงวอน พ่ายแพ้ยับเยินจนชั่วชีวิตนี้ไม่ยินดีแตะต้องหมากล้อมอีกแล้ว
สรุปก็คือขอแค่มีเขาอยู่ด้วย การประลองฝีมือระหว่างจูเหลี่ยนกับเว่ยป้อก็หาคำว่าสงบสุขไม่ได้เลย
จูเหลี่ยนพลันเอ่ยว่า “พวกเจ้าสองคนตัดสินใจแล้วจริงๆ หรือ?”
เด็กชายชุดเขียวเชิดจมูกขึ้นฟ้า แค่นเสียงหยันในลำคอ “หากยังไม่รีบย่อมต้องตกหลุมพรางอันอำมหิตของเฉินผิงอันอย่างแน่นอน!”
เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูพยักหน้ารับเบาๆ
ที่แท้ตอนนี้พวกเขาก็มีชื่อเป็นของตัวเองกันแล้ว ไม่ใช่ชื่อแห่งชะตาชีวิต แต่เป็นชื่อที่ตั้งโดยอิงตามคำบอกของเฉินผิงอัน ซึ่งวันหน้าอาจจำเป็นต้องบันทึกลงไปบนทำเนียบศาลบรรพจารย์
เด็กชายชุดเขียวตั้งชื่อให้ตัวเองว่าเฉินหลิงจวิน ส่วนเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูตั้งชื่อให้ตัวเองว่าเฉินหรูชู
เจิ้งต้าเฟิงเอ่ยสัพยอก “เฉินหลิงจวิน ชื่ออะไรของเจ้า?! ข้าว่าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวชิงชิง (เจ้าเขียวน้อย) นั่นแหละ คล่องปากกว่ากันเยอะ”
เด็กชายชุดเขียวเองก็ไม่คิดจะเกรงใจเจิ้งต้าเฟิง “พี่น้องต้าเฟิง เจ้าจะเข้าใจกะผายลมอะไร”
เจิ้งต้าเฟิงหัวเราะร่า “ข้าเข้าใจเจ้า”
เด็กชายชุดเขียวกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เลิกพูดมากได้แล้ว แน่จริงพวกเราก็มาแสดงฝีมือให้เห็นกันบนกระดานหมากสิ!”
เว่ยป้อเอ่ยเสียดสี “หาเรื่องให้ตัวเองอับอายโดยแท้”
เจิ้งต้าเฟิงถูมืออย่างกระเหี้ยนกระหือรือ “มาลองเดิมพันเล็กๆ หาของรางวัลกันสักหน่อยดีไหม? แต่ว่าความสามารถในการเล่นหมากล้อมของเจ้าสูงเพียงนี้ ให้วางก่อนก็ยังไม่ได้อยู่ดี ต้องต่อเม็ดหมากให้ ต่อให้ข้าสักสองเม็ดแล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่เดิมพันกับเจ้า”
เด็กชายชุดเขียวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ขมวดคิ้วพูดว่า “ต่อให้สองเม็ด? นี่ไม่ใช่ว่าดูแคลนพี่น้องต้าเฟิงอย่างเจ้าหรอกหรือ ต่อให้เม็ดหนึ่งเป็นอย่างไร?”
เว่ยป้อหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
จูเหลี่ยนตบหน้าผากตัวเอง เจิ้งต้าเฟิงขุดหลุมไว้ชัดเจนขนาดนี้ ยังจะกระโดดลงไปเต็มแรงอีก
เจิ้งต้าเฟิงกลั้นยิ้ม ไม่คิดจะรังแกเจ้าตัวน้อยทึ่มทื่อผู้นี้ต่อ จึงโบกมือเอ่ยว่า “ช่างเถิด ไว้ค่อยว่ากันวันหลัง”
ความสามารถในการเล่นหมากล้อมของเจิ้งต้าเฟิงเป็นอย่างไร ง่ายดายมาก ทุกครั้งที่จูเหลี่ยนเล่นหมากล้อมกับเว่ยป้อ เจิ้งต้าเฟิงช่วยใคร คนนั้นก็ชนะ
บางทีอาจพูดไม่ได้ว่าเจิ้งต้าเฟิงคมในฝัก แต่หากจะบอกว่าในบรรดาคนที่ฉลาดที่สุดของถ้ำสวรรค์หลีจูปีนั้น เจิ้งต้าเฟิงต้องมีคุณสมบัติพอที่จะยึดครองตำแหน่งหนึ่งไว้ได้อย่างแน่นอน
เด็กชายชุดเขียวชำเลืองตามองเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพู ฝ่ายหลังส่ายหน้าให้เบาๆ
เขาถึงเพิ่งจะกระจ่างแจ้ง มารดามันเถอะ เจ้าเจิ้งต้าเฟิงผู้นี้ก็เจ้าเล่ห์เสียจริง เกือบจะทำลายภาพลักษณ์วีรบุรุษผู้เลื่องชื่อของตนเสียแล้ว
เฉินยวนจีจากไปเงียบๆ กลับไปฝึกหมัดของนางต่ออีกครั้ง
ช่วงเวลากลางวัน นางจะเลือกภูเขาเขียวน้ำใสของบนภูเขาลั่วพั่วฝึกท่าเดินนิ่งหกก้าวเพียงลำพัง
ทว่าเมื่อยามค่ำคืนมาถึง นางจะฝึกอยู่ในเรือน อย่างน้อยที่สุดก็อยู่ให้ใกล้กับที่พักของเทพเซียนผู้เฒ่าจูเสียหน่อย จะได้ไม่ต้องกังวลว่ายามที่ถูกคนล่วงเกินแล้วเรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบรับ
เด็กชายชุดเขียวมองสีท้องฟ้าแล้วก็คิดว่าจะไปเที่ยวเล่นหาเผยเฉียนในเมืองเล็กสักหน่อย เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูก็ประสานมือโค้งคำนับพวกจูเหลี่ยนเพื่อบอกลาตามไปด้วย นางบอกให้เด็กชายชุดเขียวรอนาง เพราะเมล็ดแตงในกระเป๋านางเหลือไม่พอแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!