เฉินผิงอันมาถึงหน้าประตูใหญ่แล้วก็ปลดงอบลง
ผู้อาวุโสซ่งยังคงสวมชุดยาวสีดำอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้พกกระบี่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังแก่ขึ้นเยอะมาก
อริยะกระบี่แห่งแคว้นซูสุ่ยท่านนี้มีสีหน้าเหลือเชื่อ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก “เจ้าเด็กน้อย?”
เฉินผิงอันจะพยักหน้าก็ไม่ใช่ ส่ายหน้าก็ไม่ใช่ สุดท้ายก็ยังคงพยักหน้ารับ
ซ่งอวี่เซาหัวเราะเสียงดังกังวาน ยื่นฝ่ามือมาตบบ่าเฉินผิงอันหนักๆ “เจ้าตัวดี โตเร็วจริงๆ ข้าเกือบจะจำเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมไม่สวมรองเท้าสานสะพายหีบไม้ไผ่แล้วเล่า? ไม่แน่ว่าข้าอาจจะจำเจ้าได้ในทันทีเลยก็ได้”
เฉินผิงอันยิ้มถาม “ไปกินหม้อไฟกันไหม?”
ซ่งอวี่เซาไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถามย้อนกลับว่า “ที่เมืองเล็กเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆ ปราณกระบี่ของซูหลางก็ขาดสะบั้นไป เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ถูกข้าขวางเอาไว้ ต่อยเจ้าซูหลางผู้นั้นกลับเข้าไปในเมืองเล็ก เขาน่าจะไม่มาหาเรื่องท่านผู้อาวุโสอีกแล้ว”
เขาไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาอย่างขอไปที ถึงอย่างไรผู้อาวุโสซ่งก็เป็นคนเก่าแก่ในยุทธภพที่เขาเคารพนับถืออย่างถึงที่สุด ยากที่จะโกหกเขาได้
เพียงแต่เรื่องราวทางโลกมักจะมีความจริงที่เหมือนเท็จ และคำเท็จที่เหมือนจริงอยู่มากมาย
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูไม่เชื่อ หลานชายซ่งอวี่เซาอย่างซ่งเฟิ่งซานและภรรยาของเขาหลิ่วเชี่ยนก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกัน
มีเพียงซ่งอวี่เซาที่เชื่อ เขาดึงแขนเฉินผิงอันมาหาตัว “ในเมื่อเรื่องราวยุติลงแล้ว งั้นก็ไป ไปนั่งข้างใน กินหม้อไฟมีอะไรให้ต้องรีบร้อนกัน กินหม้อไฟเสร็จ เจ้าใช้หนี้คืนหมดสิ้นแล้วก็คงปัดก้นเดินจากไป ข้าจะกล้ารั้งเจ้าไว้อีกหรือ? อีกอย่างต่อให้รั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่”
ซ่งเฟิ่งซานกับหลิ่วเชี่ยนหันมามองหน้ากันเอง
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูก็ยิ่งแอบกลืนน้ำลาย
ตอนที่เฉินผิงอันเดินสวนไหล่กับผู้เฒ่าคนเฝ้าประตู เขาก็หยุดเท้า ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยิ้มกล่าวว่า “เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าสนิทกับหมู่บ้านของพวกเจ้ามาก คราวหน้าห้ามขวางข้าล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าจะปีนกำแพงเข้าไปเลย”
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ได้แต่กุมหมัดเอ่ยขออภัย “คุณชายเฉิน ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ตาถั่ว ล่วงเกินแล้ว”
เฉินผิงอันแหงนหน้ายกมือทำท่ากระดกเหล้า
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูรู้ใจ ยกนิ้วโป้งให้เฉินผิงอัน
ซ่งอวี่เซาลากเฉินผิงอันเดินไปด้วยกัน
ซ่งเฟิ่งซานไม่ได้ตามไปทันที แต่ถามเบาๆ ว่า “เหล่าฉี เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูจึงเล่าเรื่องตลกก่อนหน้านี้ให้เขาฟังไปรอบหนึ่ง แม้จะเรื่องน่าอายของตัวเอง แต่เขาก็เล่าอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกอย่างอารมณ์ดี
ซ่งเฟิ่งซานยื่นนิ้วข้างหนึ่งมานวดคลึงหว่างคิ้วของตัวเอง
หลิ่วเชี่ยนยิ้มกล่าว “นี่ก็ดีมากไม่ใช่หรือ หากแพร่ออกไปย่อมเป็นเรื่องดีงามใหญ่เทียมฟ้าที่คนในยุทธภพจะเล่าลือกัน”
ผู้เฒ่าคนเฝ้าประตูหัวเราะกว้างอย่างชอบใจ
ที่ห้องโถงของหมู่บ้าน ทุกคนพากันนั่งลง หลิ่วเชี่ยนรินน้ำชาให้ทุกคนด้วยตัวเอง
เฉินผิงอันดื่มชาไปหนึ่งอึกก็ถามอย่างใคร่รู้ “ปีนั้นฉู่หาวยังไม่ตายหรือ?”
ซ่งเฟิ่งซานส่ายหน้า “ตายจนตายไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพียงแต่ถูกหานหยวนซ่านเข้ามาสวมรอยตัวตนของเขาแทน หานหยวนซ่านเชี่ยวชาญด้านการแปลงโฉมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เฉินผิงอันพลันกระจ่างแจ้ง
สี่พิฆาตแห่งแคว้นซูสุ่ยในช่วงแรกเริ่มสุดได้แก่ผีสาววัดโบราณเหวยเว่ย หานหยวนซ่าน บุคคลแห่งลัทธิมารที่ถูกโจวจวี่นักปราชญ์แห่งสำนักศึกษาฆ่าตายอยู่ในหมู่บ้านวารีกระบี่ สุดท้ายอยู่ห่างไกลไปสุดขอบฟ้า อยู่ใกล้แค่เพียงเบื้องหน้า ก็คือภรรยาของซ่งเฟิ่งซาน หลิ่วเชี่ยน
สิ่งที่หลิ่วเชี่ยนทำไปก็เพื่อผลักชื่อเสียงในยุทธภพของสามีอย่างซ่งเฟิ่งซานและหมู่บ้านวารีกระบี่ให้สูงขึ้นไป
ส่วนคุณชายสกุลหานจากภูเขาเสี่ยวฉงอย่างหานหยวนซ่านผู้นั้น กลับมีจิตใจทะเยอทะยาน กลอุบายลึกล้ำ วิธีการที่เลือกใช้ก็ยิ่งไม่เลว เขาคิดจะควบคุมสถานการณ์ของยุทธภพในหนึ่งแคว้น พาตัวเข้าสู่ใจกลางของราชสำนัก จากนั้นหานหยวนซ่านคิดจะทำอะไรอีก ก็เกินกว่าที่ใครจะคาดการณ์ได้
หานหยวนซ่านสามารถทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้สำเร็จโดยการใช้รูปโฉมและตัวตนของฉู่หาว ใช้ฝ่ามือหนึ่งปิดแผ่นฟ้าอยู่ในราชสำนักและยุทธภพของแคว้นซูสุ่ย เฉินผิงอันไม่แปลกใจ แต่ในเมื่อซ่งเฟิ่งซานและหลิ่วเชี่ยนสองสามีภรรยากุมจุดอ่อนที่ใหญ่ขนาดนี้ของเขาไว้ได้ หานหยวนซ่านไม่ใช่ฉู่หาวตัวจริง แต่เขากลับยังบีบบังคับหมู่บ้านวารีกระบี่ถึงเพียงนี้ เหตุใดหมู่บ้านวารีกระบี่ถึงไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เอาคืนเลย? หานหยวนซ่านไม่กลัวสักนิดเลยหรือว่าหมู่บ้านวารีกระบี่จะฉีกหน้า เปิดโปงตัวตนของเขา?
ซ่งเฟิ่งซานคล้ายจะมองทะลุมาเห็นความสงสัยของเฉินผิงอัน จึงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ก็แค่แสดงให้คนอื่นดูเท่านั้น เป็นการค้าขายอย่างหนึ่ง ‘ฉู่หาว’ ต้องการอาศัยสิ่งนี้มาปูทางให้แก่หมู่บ้านเหิงเตาที่สวามิภักดิ์ต่อเขา รวบรวมยุทธภพให้เป็นหนึ่ง หานหยวนซ่านรู้ว่าหมู่บ้านวารีกระบี่ของพวกเราไม่มีทางจะไปเป็นสุนัขรับใช้ของราชสำนัก จึงเริ่มทุ่มเทแรงกายไปประคับประคองหวังอี้หรานแห่งหมู่บ้านเหิงเตาขึ้นมาแทน สำหรับเรื่องนี้พวกเราไม่มีความเห็นแตกต่าง ตำแหน่งสำนักใหญ่อันดับหนึ่งของยุทธภพ หวังอี้หรานสนใจ แต่พวกเราไม่สนใจ พวกเราจึงอยากจะขอยืมใช้โอกาสนี้หาสถานที่ที่น้ำใสภูเขาเขียวสักแห่งหนึ่ง ไปใช้ชีวิตอยู่ให้ห่างจากความวุ่นวายในโลกมนุษย์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หานหยวนซ่านจะใช้นามของราชสำนักแคว้นซูสุ่ยแบ่งพื้นที่แห่งหนึ่งบนภูเขามาสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ให้กับพวกเรา ที่นั่นคือพื้นที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่ท่านปู่หมายตาไว้นานแล้ว หานหยวนซ่านจะพยายามเอาตำแหน่งแม่ย่าลำคลองมาให้ภรรยาของข้าให้ได้ ส่วนข้าจะปฏิเสธงานเลี้ยงรับรองทั้งหมด ไม่ไปมาหาสู่กับคนในยุทธภพ ตั้งใจฝึกกระบี่ให้ดี”
หลิ่วเชี่ยนไม่ใช่สตรีทั่วไป สถานะและสติปัญญาของนางล้วนไม่ธรรมดา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!