เฉินผิงอันกับซ่งเฟิ่งซานหันมามองหน้ากัน เพียงแต่ว่าในสายตาของซ่งเฟิ่งซานนอกจากจะมีความเศร้าและเหมือนได้รับความอยุติธรรมแล้ว ยังมีคำบ่นเพิ่มมาด้วย ล้วนเป็นเจ้าเฉินผิงอันที่เปิดประเด็น!
ยังมีหน้ามาโทษข้าอีกหรือ? เจ้าซ่งเฟิ่งซานอยู่ในยุทธภพมาตั้งกี่ปีแล้ว ข้าเฉินผิงอันเพิ่งจะอยู่มากี่ปีเอง? เฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ พูดแค่ครึ่งประโยคที่เหลือว่า “เอาเป็นว่าข้าไม่เคยไปจริงๆ ก็แล้วกัน”
ซ่งเฟิ่งซานอึ้งตะลึงอยู่กับที่
ไอ้หมอนี่ช่างร้ายนัก!
หลิ่วเชี่ยนปิดปากหัวเราะคิก
ซ่งอวี่เซาหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ดูท่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เด็กน้อยอย่างเจ้าจะอยู่ในยุทธภพมาอย่างไม่เสียเปล่าจริงๆ”
ซ่งเฟิ่งซานส่ายหน้าไม่หยุด หันไปพูดกับภรรยาว่า “เอาสุรามาดีกว่า ไม่อย่างนั้นในใจข้าคงอัดอั้นแย่”
หลิ่วเชี่ยนจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบสุรา
ซ่งอวี่เซาที่ได้โอกาส เวลาพูดเสียงก็ดังขึ้นอีกหลายส่วน
ซ่งเฟิ่งซานดื่มไม่มาก หลิ่วเชี่ยนก็ยิ่งแค่ดื่มจอกเดียวพอเป็นพิธีเท่านั้น
สุราดีสองไหที่ทางหมู่บ้านหมักเองและเก็บไว้ใต้ดินมานานถึงห้าปีกว่าล้วนถูกซ่งอวี่เซากับเฉินผิงอันดื่มกันไปหมด
พอได้ยินว่าเฉินผิงอันจะจากไปวันมะรืน ซ่งอวี่เซาก็โบกมือทันใด “ไปเอามาอีกสองไห ขอแค่เจ้าเด็กน้อยนี่ทำให้ข้าล้มคว่ำได้ อย่าว่าแต่วันมะรืน ข้าจะอนุญาตให้เขาไสหัวไปทันทีที่ดื่มหมดเลยก็ยังได้!”
หลิ่วเชี่ยนลุกขึ้นเดินไปหยิบเหล้ามาอย่างไม่ลังเล
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยไปวันมะเรื่องแล้วกัน ผู้อาวุโสซ่ง ข้ามีธุระจริงๆ จะต้องรีบไปให้ทันเรือข้ามทวีปที่เดินทางไปยังอุตรกุรุทวีป หากพลาดไป อย่างน้อยก็ต้องรออีกเดือนกว่าเลยทีเดียว”
ซ่งอวี่เซาถลึงตาใส่ “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าไม่ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยเล่า? อยู่ต่ออีกแค่วันสองวันไม่ได้เลยหรือไง? เป็นข้าซ่งอวี่เซาที่หน้าเล็กเกินไป หรือเพราะตอนนี้เจ้าเฉินผิงอันหน้าใหญ่เกินไปกันแน่?”
เฉินผิงอันพึมพำ “ต่างก็พูดกันว่าการชักชวนให้ดื่มเหล้าบนโต๊ะสุราทำให้เห็นคุณธรรมในยุทธภพได้มากที่สุด”
ซ่งอวี่เซาตบโต๊ะ “ดื่มเหล้าของเจ้าไปเลย! หยุมหยิมจู้จี้เสียจริง ข้าว่าแม่นางคนนั้น เว้นเสียจากนางจะสายตาไม่ดีแล้ว ก็คงไม่มีทางชอบบุรุษที่แค่ดื่มเหล้ายังอืดอาดอย่างเจ้าได้แน่นอน! ทำไม ไม่มีหวังแล้วล่ะสิ?”
พอได้ยินประโยคนี้ เฉินผิงอันก็อารมณ์ดีขึ้นมาโดยพลัน ดวงตาเขาเป็นประกายระยิบระยับ เปี่ยมไปด้วยความห้าวเหิมมั่นใจ เพียงแต่ว่าเวลาพูดลิ้นกลับพันกันเล็กน้อย “ดื่มเหล้าก็ดื่มเหล้าสิ ข้าจะกลัวท่านหรือ? เรื่องนี้ ผู้อาวุโสซ่งท่านเล่นงานข้าเสียจนอนาถจริงๆ ปีนั้นเพราะประโยคนั้นของท่าน ทำให้ข้ากลัวแทบตาย แต่ยังดีที่มันไม่เป็นจริงเลยสักนิด…มาๆๆ ดื่มชามนี้หมดก่อนค่อยว่ากัน บอกตามตรง ท่านผู้อาวุโสดื่มเหล้าไม่เก่งเหมือนในอดีตแล้วนะ นี่เพิ่งจะกี่ถ้วยเอง ท่านกลับหน้าแดงเสียแล้ว ราวกับทาชาดมาอย่างไรอย่างนั้น…”
ซ่งอวี่เซาเป่าหนวดถลึงตา “แน่จริงเวลาดื่มเหล้าก็อย่ามือสั่นสิ ถือถ้วยให้มั่นคงหน่อย ถ้ากล้าทำมือสั่นจนเหล้าหกหนึ่งหยด มิตรภาพในยุทธภพก็จะลดน้อยลงไปหนึ่งส่วน!”
ซ่งเฟิ่งซานและหลิ่วเชี่ยนแอบหัวเราะขำ ยังอ่อนด้อยอยู่มากนัก ความสามารถในการยุให้ดื่มบนโต๊ะเหล้าของคนแก่นั้น มีวิธีการสารพัดรูปแบบ ป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่อยู่
หนึ่งคนแก่หนึ่งคนหนุ่ม เรียกได้ว่าดื่มกันจนฟ้ามืดดินมัว
สุดท้ายภายใต้สายตาจับจ้องของซ่งเฟิ่งซานและหลิ่วเชี่ยน คนทั้งสองก็ถอดรองเท้าหุ้มแข้ง ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้
ยังดีที่มีซ่งเฟิ่งซานคอยคุมอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเอาเหล้ามาเพิ่มให้มากกว่านี้ คนทั้งสองถึงไม่ได้ดื่มกันอย่างเต็มคราบ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงจะดื่มกันจนอาเจียน อาเจียนแล้วก็กลับไปดื่มต่ออีกครั้งเป็นแน่
เฉินผิงอันยังคงไปพักอยู่ในเรือนที่เคยมาพักในปีนั้น ค่อนข้างใกล้กับศาลาภูเขาแม่น้ำและน้ำตก
หัวถึงหมอนก็หลับทันที
ซ่งอวี่เซาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ เขาเดินโงนเงนกลับไปยังที่พัก เพียงไม่นานก็ส่งเสียงกรนดังสนั่นราวเสียงฟ้าผ่า
เฉินผิงอันเมาจริงๆ ตอนนอนหลับตาอยู่บนเตียงเขาพยายามจะฝืนรักษาสติเสี้ยวหนึ่งเอาไว้
จิตใจของผู้อาวุโสซ่งคล้ายจะเกิดปัญหา
ต่อให้เป็นกังวลกับอนาคตของลูกหลานจนจำต้องตกปากรับคำหานหยวนซ่าน และด้วยสถานการณ์บังคับจึงจำเป็นต้องปฏิเสธการประลองกับซูหลางไปจริงๆ แต่ด้วยนิสัยของอริยะกระบี่ผู้เฒ่าแคว้นซูสุ่ยตอนที่พบเจอกันเมื่อคราแรกแล้ว ก็ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ และวันนี้ที่เขาได้พบเจอกับเฉินผิงอันก็ยิ่งไม่ควรมีสภาพจิตใจเช่นนี้เด็ดขาด
ไม่ควรจะยอมรับความแก่ชรา ยอมรับชะตากรรมเช่นนั้น
แต่เฉินผิงอันกลับไม่ได้ถามออกไปตรงๆ ต่อให้ดื่มเหล้าไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ถาม
คนเราไม่ใช่ว่าสนิทกันแล้ว พอดื่มเหล้าจนเมามาย แล้วจะสามารถพูดจาหรือกระทำอะไรอย่างไร้ความเกรงใจได้
เพราะถ้อยคำที่ไร้เจตนาของคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดจะต้องกลายมาเป็นปมในใจไม่มากก็น้อยไปตลอดชีวิต
ดื่มมาจนถึงช่วงสุดท้าย
จู่ๆ ซ่งอวี่เซาก็ชำเลืองตามองงอบที่วางไว้บนโต๊ะ จากนั้นค่อยมองกระบี่ยาวที่สะพายอยู่ด้านหลังเฉินผิงอัน ถามว่า “สะพายกระบี่เล่มนี้ ดี?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ดี”
ซ่งอวี่เซายิ้มกล่าว “งั้นก็ดี”
เฉินผิงอันมึนงง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาดันเรอขึ้นมาเสียก่อน จึงไม่มีเวลามาสนใจ
ซ่งเฟิ่งซานกับหลิ่วเชี่ยนกลับมีสีหน้าหงอยซึม เพียงแต่ว่าปกปิดได้ดี เพราะเพียงแค่แวบเดียวสีหน้านั้นก็หายไป
เฉินผิงอันดื่มจนปวดหัวมากจริงๆ สุดท้ายก็แค่พึมพำแล้วหลับลึกไป
มีเหล้าดื่มวันนี้ก็เมาวันนี้ เมาจนล้มข้าก็คือเทพเซียน ความกลัดกลุ้มของพรุ่งนี้ก็ค่อยกลุ้มพรุ่งนี้ ต่อให้กลัดกลุ้มเป็นทุกข์เพียงใดก็ยังมีเหล้าให้ดื่ม
……
เช้าตรู่ เฉินผิงอันลืมตาตื่นมาก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา จากนั้นก็เดินเลียบทางเส้นเล็กที่เงียบสงบไปยังน้ำตก
แน่นอนว่าไม่ได้ไปฝึกหมัด แต่แอบไปดูตัวอักษรที่ปีนั้นเขาแอบสลักไว้บนก้อนหิน
ผลคือพอไปถึงศาลาภูเขาแม่น้ำ กลับได้พบซ่งเฟิ่งซาน ไม่ใช่ซ่งอวี่เซา
เฉินผิงอันก้าวเร็วๆ ตรงไปหา ซ่งเฟิ่งซานลุกขึ้นยืนต้อนรับ
ซ่งเฟิ่งซานยิ้มกล่าว “นานๆ ทีท่านปู่จะได้ดื่มเหล้าอย่างเต็มที่เช่นนี้ เขายังไม่ตื่นเลย”
เฉินผิงอันรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเงียบงันไป กวาดตามองไปรอบด้าน “จะต้องย้ายไปจากที่นี่ ไม่เสียดายจริงๆ หรือ?”
ซ่งเฟิ่งซานอืมรับหนึ่งที “แน่นอนว่าต้องรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของท่านปู่ เขาเป็นคนส่งคนไปหาหานหยวนซ่านด้วยตัวเอง อันที่จริงตอนนั้นข้ากับหลิ่วเชี่ยนไม่ได้อยากจะตอบตกลงสักเท่าไหร่ ความคิดตอนแรกของพวกเราก็คือถอยหนึ่งก้าว อย่างมากสุดก็ให้หวังอี้หรานที่ท่านปู่เองก็ไม่ดูแคลนผู้นั้นชนะในการประลองดาบและกระบี่ไปสักครั้ง จะได้ผลักให้หวังอี้หรานขึ้นเป็นผู้นำแห่งยุทธภพแคว้นซูสุ่ยได้อย่างราบรื่น หมู่บ้านวารีกระบี่จะไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด ถึงอย่างไรหมู่บ้านแห่งนี้ก็เป็นชีวิตและจิตใจทั้งชีวิตของท่านปู่ แต่ท่านปู่ไม่ยอม บอกว่าหมู่บ้านตาย แต่คนมีชีวิตอยู่ จะยังมีอะไรที่วางไม่ลงอีก นิสัยของท่านปู่ เจ้าเองก็รู้ดี ดื้อดึงยิ่งกว่าอะไร”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสเป็นอย่างนี้จริง ไม่อย่างนั้นปีนั้นก็คงไม่มีทางไปขวางกองทัพทหารม้านับพันนับหมื่นของแคว้นซูสุ่ยเพียงลำพัง”
สำหรับเฉินผิงอันแล้ว
ซ่งอวี่เซา สำคัญอย่างยิ่ง
คนบางคนขอแค่เขายังอยู่ในยุทธภพ ทุกเรื่องที่เขาทำก็เหมือนในมือถือกาเหล้าอย่างยุทธภพนี้เอาไว้ เมื่อรินเหล้าให้คนอื่นหนึ่งจอก ในจอกก็จะเต็มไปด้วยความกล้าหาญองอาจ สามารถทำให้คนที่รับเอาถ้วยเหล้าไป แค่ต้องดื่มอย่างสบายใจก็พอ
ซ่งเฟิ่งซานยิ้มกล่าว “ท่านปู่ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อยุทธภพในทุกวันนี้แม้แต่น้อยแล้ว มักจะบอกว่าทุกวันนี้จะหาสหายดื่มเหล้าสักคนยังยาก เขาถึงได้เป็นเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!