กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 477

โดยไม่ทันรู้ตัว เรือข้ามฟากก็เคลื่อนมาถึงอาณาเขตของแคว้นหวงถิงที่มีภูเขาสูงน้ำลึกแล้ว

เฉินผิงอันเดินมาชมทัศนียภาพที่หัวเรือ เรือข้ามฟากลำนี้ละเอียดอ่อนและเอาใจใส่อย่างยิ่ง พวกเขาจงใจลดระดับการลอยตัวของเรือข้ามฟากลง บ้างครั้งจึงเคลื่อนสวนยอดเขาสูงชันอันตราย มีนกโบยบินคลอเคียงข้าง

ในฐานะอาณาเขตที่ถูกแบ่งแยกออกมาจากแคว้นสู่โบราณ นอกจากจะมีเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลบนภูเขามากมายที่อิงตามตำราอักขรานุกรมท้องถิ่นและคำเล่าลือในหมู่ชาวบ้าน จ่ายเงินให้แก่เซียนซือในท้องถิ่นและราชสำนักแคว้นหวงถิงเพื่อมาขุดค้นแม่น้ำลำธารอย่างกำเริบเสิบสาน บีบให้กระแสน้ำในลำคลองเกิดการเปลี่ยนทิศทาง ท้องน้ำแห้งขอดจนปรากฏให้เห็นเพื่อจะได้ตามหาพื้นที่ลับอย่างวังมังกรแล้ว ก็มักจะมีผู้ฝึกตนอิสระมาเก็บหาของดี มาเสี่ยงดวงอยู่ที่นี่เหมือนกัน ปีนั้นอาจารย์และศิษย์สามคนอย่างพวกนักพรตตาบอดก็เคยมีความคิดเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในเรื่องของโชควาสนานั้นเป็นดั่งภาพมายาล่องลอย เว้นเสียจากว่าผู้ฝึกตนจะมีทรัพย์สินเงินทองมากพอ มีความสามารถที่จะผูกสัมพันธ์หาเส้นสาย จากนั้นก็ทุ่มเงินก้อนใหญ่หว่านแหเป็นวงกว้างแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ยากนักที่จะได้ผลเก็บเกี่ยวกลับมา

ตำหนักฉางชุนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงต้าหลีซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเรือข้ามฟากลำนี้ จะต้องผ่านภูเขาหนิวเจี่ยวเขตการปกครองหลงเฉวียนไปก่อน เฉินผิงอันไม่ได้คิดว่าจะลงเรือที่นั่น ตามเส้นทางที่กำหนดไว้แน่นอนแล้ว เขาอยากจะไปยังจวนซึ่งเป็นที่พักของผีสาวสวมชุดแต่งงานผู้นั้นก่อน เพื่อไปเยี่ยมเยียนบิดาของกู้ช่าน จากนั้นค่อยเลียบตามเส้นทางที่คุ้นเคยซึ่งต้องผ่านแม่น้ำซิ่วฮวา เมืองหงจู๋ ภูเขาฉีตุนและแม่น้ำเถี่ยฝู ใช้ท่านั่งขี่กระบี่เดินทางย้อนกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วอย่างว่องไว ไม่อย่างนั้นหากขี่ม้าคงช้าเกินไป จะถ่วงเวลาการไปให้ทันเรือข้ามฟากที่จะมุ่งหน้าไปยังอุตรกุรุทวีปลำนั้น

เนื่องจากเรือข้ามฟากลำหนึ่งไม่อาจลดระดับลงจอดบนพื้นเพื่อผู้โดยสารคนเดียวได้ เป็นเหตุให้เฉินผิงอันไปแจ้งกับทางฝั่งของเรือข้ามฟากแล้วว่าให้นำม้าตัวนั้นไปปล่อยไว้ที่ภูเขาหนิวเจี่ยว และให้พวกเขาไปแจ้งแก่คนที่ท่าเรือบนภูเขาหนิวเจี่ยวว่าให้ส่งมาตัวนี้ไปที่ภูเขาลั่วพั่ว

สีหน้าของคนดูแลเรือข้ามฟากไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรลำพังแค่การบินทะยานผ่านอากาศเหนืออาณาเขตของต้าหลีก็มากพอจะทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้แล้ว กลัวว่าผู้โดยสารคนใดถ่มเสลดออกไปนอกเรือโดยไม่ทันระวัง หากร่วงหล่นลงบนภูเขาของตระกูลเซียนต้าหลีก็จะถูกผู้ฝึกตนต้าหลีเรียกสมบัติอาคมออกมาทำลายให้ย่อยยับ แม้แต่เศษซากโครงกระดูกก็ไม่มีเหลือ อีกทั้งในฐานะสถานีที่สองที่นับกลับหลังของเส้นทางการเดินเรือนี้ ท่าเรือภูเขาหนิวเจี่ยวจึงมีกองทัพม้าเหล็กต้าหลีกลุ่มหนึ่งคอยให้การเฝ้าพิทักษ์อยู่โดยเฉพาะ นอกเหนือจากการบรรจุและลำเลียงสิ่งของออกจากเรือแล้ว พวกเขาหรือจะกล้าไปพูดคุยสมาคมกับเหล่าผู้ฝึกยุทธกลุ่มนั้น

เฉินผิงอันจึงอธิบายเพิ่มบอกว่าตนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับภูเขาหนิวเจี่ยว อีกทั้งยังมีภูเขาที่เป็นเพื่อนบ้านกับท่าเรือ เรื่องของม้าตัวเดียวย่อมไม่สร้างปัญหาใดๆ แน่นอน

ผู้ดูแลเฒ่าสีหน้าขมฝาด ทั้งไม่ปฏิเสธแล้วก็ไม่ได้ตอบตกลง ภายหลังยังคงเป็นเฉินผิงอันที่แอบยัดเงินเกล็ดหิมะให้สองสามเหรียญ ผู้ฝึกตนเฒ่าขอบเขตชมมหาสมุทรถึงได้ฝืนใจตอบรับ

สาเหตุที่แท้จริงนั้นย่อมไม่ใช่เพราะเขาละโมบในเงินเกล็ดหิมะแค่ไม่กี่เหรียญนั้น แต่เป็นเพราะคนหนุ่มผู้นี้มีสถานะเป็นคนของต้าหลี จะล่วงเกินมากไปไม่ได้ ในเมื่อได้ครอบครองภูเขาลั่วพั่ว นั่นก็แสดงว่าต้องเป็นงูเจ้าถิ่นแล้ว เดิมทีทางฝ่ายบรรพบุรุษก็ต้องทุ่มทรัพย์สินและใช้เครือข่ายผู้คนลงไปกับเส้นทางเรือสายนี้มหาศาล กว่าจะบุกเบิกเส้นทางหาเงินเส้นทางใหม่มาได้ วันหน้าหากก้มหน้าไม่เห็น เงยหน้าก็ต้องเห็นกันอยู่ดี เสี่ยงอันตรายช่วยเหลืออีกฝ่ายสักเล็กน้อย พอให้เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตา การทำการค้าอย่างเป็นรูปธรรมนั้น ยิ่งเวลายาวนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องยิบย่อยหยุมหยิมมากมายเท่านั้น หากมีเหตุการณ์ใดที่ต้องใช้น้ำใจของคนเล่า?

โชคดีที่คนหนุ่มผู้นั้นก็เป็นคนรู้กาลเทศะ หลังจากได้เปรียบไปแล้วก็รู้จักมอบผลหลีตอบแทนผลท้อ เอ่ยประโยคหนึ่งว่าวันหน้าหากต้องเอาเรือลงจอด แล้วถ้ามีเวลาว่างก็ไปเป็นแขกที่ภูเขาลั่วพั่วได้ เขาชื่อเฉินผิงอัน บนภูเขามีทั้งสุราและน้ำชาให้ดื่ม

ผู้ดูแลเฒ่าถึงได้คลี่ยิ้มจากใจจริงออกมาได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำใจที่แท้จริงหรือเสแสร้ง คนหนุ่มเอ่ยประโยคนี้ก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย หลายๆ ครั้งเวลาที่ทำการค้า หากรู้ชื่อของใครบางคน ต่อให้จะไม่ได้เป็นสหายที่แท้จริง แต่หากดังเข้าหูของคนอื่นก็ย่อมพาให้คนคิดไปไกลได้

หลังจากนั้นมีวันหนึ่งที่เรือข้ามฝากเข้ามาในอาณาเขตของแคว้นต้าหลีแล้ว เฉินผิงอันก้มหน้าลงมองแผ่นดิน ภูเขาและสายน้ำ เขาบอกกล่าวกับผู้ดูแลเฒ่าหนึ่งคำก็บอกให้เจี้ยนเซียนพุ่งออกจากฝัก ส่วนตัวเองพลิกตัวกระโดดข้ามรั้วออกมา

เหยียบลงบนเส้นสีทองเส้นนั้นแล้ววาดตัวเป็นเส้นโค้งดิ่งลงไปเบื้องล่าง

ผู้ดูแลเฒ่าเอามือตบราวรั้วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนยินดี พอไปถึงภูเขาหนิวเจี่ยวจะต้องสืบข่าวให้ดีสักหน่อยว่า ‘เฉินผิงอัน’ ผู้นี้เป็นเทพเจ้าจากฝ่ายใดกันแน่ ถึงได้อำพรางตัวอย่างลึกล้ำเพียงนี้ ลงเขามาท่องเที่ยวกลับพาแค่ม้ามาตัวเดียว ผู้ฝึกตนที่เดินออกมาจากจวนตระกูลเซียนทั่วไป มีใครบ้างที่ไม่มีมาดของเซียนซือสักหน่อย?

เฉินผิงอันพลิ้วกายลงบนเส้นทางที่คุ้นเคย คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้ยันต์ปราณหยางส่องไฟนำทางก็พุ่งตัวมาถึงหน้าผาแห่งหนึ่ง ดีดนิ้วเบาๆ คล้ายเคาะประตู ไม่ได้ใช้ยันต์ทำลายค่ายกลฝืน ‘ผ่าประตูบุกเข้าไปในจวนโดยพลการ’ เพราะก่อนหน้านั้นเคยทำเช่นนี้ หลังจบเรื่องถึงได้ถูกเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาที่ตรงแขนมีงูเขียวรัดพันพูดจาถากถาง ใช้กฎหมายบนภูเขาของต้าหลีมาตำหนิไปคำรบหนึ่ง พร้อมทิ้งประโยคว่าห้ามให้มีคราวหน้าเอาไว้ แม้ว่ามองดูเหมือนอีกฝ่ายจะจองหอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นเฉินผิงอันที่ไร้เหตุผลก่อนจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าว่าแต่วันนี้เขาเฉินผิงอันยังไม่ใช่เซียนกระบี่ที่แท้จริงอะไรเลย ต่อให้ในอนาคตใช่ เขาก็ยังจำเป็นต้องมา ‘เคาะประตู’ อยู่ที่นี่อยู่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!