เดินเคียงไหล่กันเข้าไปในจวน เฉินผิงอันถามว่า “งานเลี้ยงเทพท่องราตรีของภูเขาพีอวิ๋นเลิกราแล้วหรือ?”
เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาอืมรับหนึ่งที “เจ้าอาจจะคิดไม่ถึงว่ามีอดีตองค์เทพห้าขุนเขาของต้าหลีสามท่านที่เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่ภูเขาพีอวิ๋น บวกกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นใต้อาณัติอีกหลายแคว้นที่ไปร่วมงาน นับตั้งแต่ที่ต้าหลีของพวกเราก่อตั้งแคว้นมา ยังไม่เคยมีงานเลี้ยงท่องราตรีที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เจ้าบ้านอย่างองค์เทพเว่ยก็ยิ่งมีมาดสง่างามเป็นหนึ่ง นี่หาใช่ว่าข้ายกยอหัวหน้าผู้บังคับบัญชาไม่ แต่เป็นเพราะองค์เทพใหญ่เว่ยอยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคนจริงๆ มาดแห่งองค์เทพของเขานั้นโดดเด่นเหนือผู้ใด ไม่รู้ว่ามีเทพสตรีกี่มากน้อยที่หลงรักองค์เทพใหญ่แห่งขุนเขาเหนือท่านนี้ของพวกเราตั้งแต่แรกเห็น หลังงานเลี้ยงท่องราตรีจบลงก็ยังคงอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากจะจากไป”
พูดถึง ‘เทพแห่งผืนดินภูเขาฉีตุน’ ที่ตัวเองสนิทคุ้นเคยดีอย่างเว่ยป้อ ก็ดูเหมือนว่าเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาท่านนี้จะยอมศิโรราบให้ทั้งกายและใจ
เฉินผิงอันนึกขึ้นมาว่าตอนตัวเองอยู่บนภูเขาลั่วพั่วที่เป็นบ้านของตัวเอง กลับถูกคนมองเป็นอันธพาลเสเพลเสียได้ แล้วหันมาดูคนเขาอย่างเว่ยป้อสิว่าเป็นเช่นไร?
หลังจากนั่งลงในห้องโถงใหญ่ที่แสงเทียนสว่างไสวแล้ว ก็มีสาวใช้ภูตผีสองสามตนมาคอยปรนนิบัติ แต่เทพวารีกลับโบกมือไล่ไป
เทพวารีหยิบเหล้าหมักสองกาที่หมักจากแก่นโชคชะตาน้ำของแม่น้ำซิ่วฮวาออกมา โยนให้เฉินผิงอันหนึ่งกา แล้วต่างคนก็ต่างดื่ม
เห็นได้ชัดเทพวารีเป็นคนรู้จักของฉู่ฮูหยินอดีตเจ้าของจวน ถึงได้มีการรับรองเฉินผิงอันเกิดขึ้น คำพูดของเทพวารีไม่คลุมเครือเลยแม้แต่น้อย เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาเข้าประเด็น บอกว่าตัวเองไม่หวังให้เฉินผิงอันกับนางเปลี่ยนจากศัตรูกลายมาเป็นมิตร หวังเพียงว่าเฉินผิงอันอย่าได้ถึงขั้นต้องให้ตายกันไปข้าง จากนั้นเทพวารีก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับผีสาวสวมชุดแต่งงานกับบัณฑิตต้าหลีผู้นั้นอย่างละเอียด บอกว่าในอดีตนางเคยเป็นคนดีจิตใจมีเมตตาอย่างไร เคยมีความรักที่ลึกซึ้งต่อบัณฑิตผู้นั้นอย่างไร เกี่ยวกับการกระทำโหดร้ายหลังจากที่นางคิดว่าตัวเองถูกคนรักทรยศ ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ เทพวารีล้วนไม่ปิดบัง ซากศพน่าสงสารที่ถูกนางนำมาปลูกอยู่ในดินเหมือน ‘ต้นไม้ดอกหญ้า’ ในสวนด้านหลังเหล่านั้น จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ถูกเคลื่อนย้ายออกไป ปราณแห่งความอาฆาตล้อมวนเวียน จิตหยินไม่สลายไปไหน เจ็ดแปดในสิบส่วนล้วนไม่อาจหลุดพ้นไปได้
พูดถึงโศกนาฎกรรมที่บัณฑิตผู้น่าสงสารพบเจอในสำนักศึกษากวานหู เทพวารีก็เศร้าซึม สีหน้าเคร่งเครียดหนักอึ้ง ดื่มเหล้าหนึ่งอึกแล้วก็กล่าวว่า “ก่อนหน้าที่ต้าหลีจะเจริญรุ่งเรือง บัณฑิตที่พอจะมีปณิธาน มีใครบ้างที่ไม่เคยถูกคนภายนอกดูถูกเหยียดหยาม ต้องได้รับความอยุติธรรม ยิ่งเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถสูงเทาไหร่ การถูกกดดันบีบคั้นก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น บัณฑิตผู้นี้ก็คือตัวอย่าง ปัญญาชนในสำนักศึกษาที่ปีนั้นทำร้ายเขา คนหนึ่งในนั้นก็คือลูกหลานชนชั้นสูงของต้าสุย และตอนนี้ก็ยังคงมีตำแหน่งอยู่ในใจกลางราชสำนัก!”
เทพวารีมองไปนอกประตูของห้องโถงใหญ่แล้วพูดอย่างปลงอนิจจังว่า “บัญชีเลอะเลือนนี้ จะอธิบายด้วยเหตุผลได้อย่างไร?”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าหนึ่งอึกแล้วก็เอ่ยเนิบช้าว่า “หากจะต้องพูดกันจริงๆ ก็ใช่ว่าจะอธิบายไม่ได้เสียเลย เพียงแค่ต้องทำไปตามขั้นตอนเท่านั้น จากนั้นก็เดินไปทีละก้าว เพียงแต่ว่ามีเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก นั่นก็คือคนที่ใช้เหตุผลจะต้องแบกรับค่าตอบแทนจากการอธิบายเหตุผลด้วย”
เทพวารียิ้มกล่าว “ไหนเจ้าลองพูดดูสิ? แม่นางฉู่คือคนในสถานการณ์ ไม่อาจแยกแยะได้ถูกต้อง อันที่จริงเป็นเจ้าเฉินผิงอันย่อมดีที่สุด คนในสถานการณ์ครึ่งตัว คนนอกสถานการณ์อีกครึ่งตัว ขอแค่เจ้าเต็มใจ ก็ถือซะว่าข้าติดค้างน้ำใจใหญ่เทียมฟ้ากับเจ้าแล้ว”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ข้าไม่มีอารมณ์จะทำเช่นนั้นแล้ว แล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำอย่างนั้นด้วย”
เดิมทีเทพวารีก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว จึงไม่ถึงขั้นผิดหวัง เพียงแต่ว่าก็ยังอดเสียดายไม่ได้ เขาชูกาเหล้าขึ้นสูง “ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มอย่างเดียวพอ”
เฉินผิงอันชูกาเหล้าขึ้นสูงตามไปด้วย สุราคือสุราดี แล้วก็น่าจะแพงมาก เขาจึงพยายามดื่มให้น้อยหน่อย ถือซะว่าเป็นการเปลี่ยนวิธีหาเงินให้กับตัวเอง
นอกจากเรื่องของผีสาวสวมชุดแต่งงานคนนั้นแล้ว อันที่จริงทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีอะไรให้พูดคุยกันมากนัก ดังนั้นเพียงไม่นานเฉินผิงอันก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยคำอำลา เทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวามาส่งเขาถึง ‘ประตู’ สิ่งกีดขวางภูเขาแม่น้ำด้วยตัวเอง
เห็นว่าเฉินผิงอันกุมหมัดบอกลา จากนั้นกระบี่ยาวที่สะพายอยู่ด้านหลังก็ออกจากฝักกระบี่เสียงดังเช้ง หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ทะยานลมลอยขึ้นกลางอากาศ จากไปไกลท่ามกลางทะเลเมฆ
แม้ว่าตอนที่อีกฝ่ายมา เขาจะอาศัยวิชาอภินิหารม่านน้ำมองมาเห็นมาดเซียนกระบี่ของอีกฝ่ายบ้างแล้ว แต่เมื่อเทพวารีแม่น้ำซิ่วฮวาได้เห็นกับตาตัวเองในระยะประชิดเช่นนี้ก็ยังอดตื่นตะลึงไม่ได้อยู่ดี
เฉินผิงอันพลิ้วกายลงนอกเมืองหงจู๋แล้วเดินเท้าเข้าไปข้างใน ตอนที่ผ่านจุดพักม้าแห่งนั้นเขาก็หยุดเท้าแล้วเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ออกเดินหน้าต่ออีกครั้ง เขามองไปที่อ่าวฟูสุ่ยอยู่ไกลๆ ก่อน จากนั้นก็ไปที่ถนนชมน้ำซึ่งตัดกับถนนชมภูเขาเป็นอักษรเลขสิบ (十) ไปเยือนร้านหนังสือแห่งนั้น คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เจอกับเถ้าแก่คนนั้นจริงๆ อีกฝ่ายสวมชุดคลุมยาวสีดำ ในมือถือพัดพับ กำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวเล็ก ในมืออีกข้างถือกาน้ำชาขนาดเล็กกะทัดรัดไว้ใบหนึ่ง กำลังดื่มชาช้าๆ พลางครวญเพลงในลำคอ ใช้พัดที่พับเข้าด้วยกันตีลงบนเข่า ส่วนกิจการของร้านหนังสือนั้น เขาไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย
ยังคงเป็นเหมือนปีนั้นอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เถ้าแก่หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองก็เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “หนังสือในร้านเขียนราคาบอกไว้อย่างชัดเจน เจ้ายินยอมข้าพร้อมใจ ล้วนอาศัยแววตาทั้งสิ้น”
ปีนั้นเฉินผิงอันควักเงินซื้อ ‘หน้าผาใหญ่น้ำหยุด’ ซึ่งมองดูเหมือนเพิ่งจัดพิมพ์ได้แค่ไม่กี่ปีให้หลี่ไหวที่นี่ ด้วยราคาเก้าตำลึงสองเฉียน ผลกลับกลายเป็นว่าแท้จริงแล้วมันคือตำราเก่าแก่ ด้านในนั้นยังมีภูตบุ๋นฟูมฟักขึ้นมา เจ้าเด็กหลี่ไหวผู้นี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ล้วนเหยียบโชคดีขี้หมาได้เสมอ
อันที่จริงตอนที่อยู่หอชิงฝูของท่าเรือภูเขาตี้หลงแห่งนั้น เฉินผิงอันถูกใจเจว็ดรูปสตรีสวมหมวกคลุมหน้าตั้งแต่แรกเห็น เพราะดูจากรูปแบบการสร้างของมันแล้วมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นชุดเดียวกับหุ่นดินเผาของเล่นชุดนั้นของหลี่ไหว ล้วนมาจากฝีมือของเทพเซียนนครจักพรรดิขาวอย่างที่หงหยางโปพูดถึง ต่อให้สุดท้ายแล้ว ‘ฉิงฉ่ายสาวใช้ของหอชิงฝู’ ที่ปกปิดปณิธานกระบี่ได้ไม่ดีพอผู้นั้นจะไม่มอบให้ เฉินผิงอันก็ยังจะคิดหาวิธีเก็บมันมาไว้ในกระเป๋าอยู่ดี ส่วนหมึกรมควันไม้สนของเชื้อพระวงศ์แคว้นเสินสุ่ยชิ้นนั้น ตอนนั้นเฉินผิงอันไม่มีเงินเทพเซียนมากพอที่จะซื้อไว้จริงๆ เขาคิดว่ารอกลับไปถึงภูเขาลั่วพั่วเมื่อไหร่ค่อยถามเว่ยป้ออดีตองค์เทพแห่งขุนเขาแคว้นเสินสุ่ยดูสักหน่อยว่ามันมีค่าพอที่จะซื้อมาเก็บไว้หรือไม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!