ทั้งที่รู้ดีว่าเทพวารีที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องท่านหนึ่งมาเยือน ชายฉกรรจ์คนนั้นก็ยังไม่แม้แต่จะชายตามอง
กลับเป็นคนจิ๋วชุดสีชาดที่ร่างมีขนาดเท่าฝ่ามือที่รีบกระโดดลุกขึ้นยืน เอาสองมือเกาะขอบกระถางธูป พูดเสียงดังว่า “ท่านเทพวารี เหตุใดวันนี้ถึงได้นึกถึงแมลงที่น่าสงสารอย่างพวกเราสองคนได้เล่า มานั่งๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าได้กลับมาบ้านของตัวเอง สถานที่แม้จะเล็ก ควันธูปก็บางเบา แม้แต่ผลไม้สักถาดและชาร้อนๆ สักถ้วยก็ยังไม่มี นับว่าละเลยท่านเทพวารีจริงๆ แล้ว ขอภัยด้วย ขออภัย…”
ชายฉกรรจ์ยกฝ่ามือข้างหนึ่งกดให้เด็กจิ๋วชุดสีชาดผลุบจมลงไปในกองขี้เถ้า มันจะได้ไม่ต้องพูดมากชวนรำคาญหูต่อ
เทพวารีชุดดำไปยกเก้าอี้ผุพังตัวหนึ่งมาจากมุมกำแพงที่อยู่ห่างไปไกล พอนั่งลงแล้วก็ชำเลืองตามองเจ้าตัวน้อยที่โผล่หัวออกมาจากกระถางธูป ยิ้มถามว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมบอกให้เจ้าตัวน้อยที่มีชีวิตพึ่งพาอยู่กับเจ้าฟังสักคำหรือ?”
ชายฉกรรจ์เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ยังไม่มีอะไรแน่นอนไม่ใช่หรือ จะพูดทำผายลมอะไร”
เทพวารีชุดดำหยิบพัดพับออกมาตบลงบนที่วางแขนเก้าอี้เบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “นั่นก็มีแค่ความต่างระหว่างเรื่องน่ายินดีใหญ่กับเรื่องน่ายินดีเล็ก เจ้าก็ช่างอดทนได้ดีนัก”
ชายฉกรรจ์นั่งอยู่บนเก้าอี้เย็นๆ ตัวนี้มานานหลายปีแล้ว ไม่เคยมีหวังว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล ไม่อย่างนั้นถึงอย่างไรก็ควรจะได้เป็นเทพอภิบาลเมืองของอำเภอไปแล้ว คนรู้จักเก่าหลายคนในอดีต ตอนนี้ต่างก็มีชีวิตที่ไม่เลว จะโทษที่เด็กจิ๋วควันธูปชุดสีชาดจะเอาแต่พร่ำบ่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เวลาไม่มีอะไรทำก็ไปนั่งเหม่ออยู่บนหลังคาศาล รอคอยตาปริบๆ ให้มีขนมเปี๊ยะจากฟ้าหล่นลงมาใส่หัวไม่ได้ ชายฉกรรจ์พูดประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าเฉยเมย “ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว ขนาดฉี่ที่ดื่มไม่เหลือไอร้อน (เป็นคำพูดเสียดสีแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจผู้อื่น หรืออาจกล่าวถึงคนที่ทำอะไรชักช้า อืดอาด) ข้าผู้อาวุโสยังไม่เคยพูดอะไร จะขาดไปแค่ไม่กี่วันนี่ไม่ได้เลยหรือ?”
คำพูดแบบนี้ ใครได้ยินแล้วจะสบายใจบ้าง?
เด็กชุดสีชาดเหลือกตามองบน โกหกกระมัง เรื่องน่ายินดีงั้นหรือ? เรื่องน่ายินดีจะหล่นใส่หัวนายท่านของตนได้หรือไร? ลำพังศาลเล็กเก่าโทรมแห่งนี้ หากหลังจากนี้ยังสามารถรักษาสถานะศาลเทพแห่งผืนดินเอาไว้ได้ มันก็ควรจะวิ่งไปจุดธูปที่ศาลเทพภูเขา ศาลเทพวารีและศาลเทพอภิบาลเมืองทั้งหมดให้ถ้วนทั่วแล้ว ตอนนี้มันตัดใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆ ขอแค่ไม่ต้องถูกคนขับไล่ออกจากศาล ทำให้มันต้องแบกกระถางธูประหกระเหเร่ร่อนไปทั่ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่ใหญ่เทียมฟ้าแล้ว ตอนนี้ศาลเทพอภิบาลเมืองแห่งต่างๆ ล้วนมีการกระจายข่าวอย่างหนึ่งต่อๆ กันไปลับๆ บอกว่าหลังจากที่เขตการปกครองหลงเฉวียนได้เลื่อนขั้นเป็นมณฑล องค์เทพน้อยใหญ่ตลอดทั้งบนและล่างล้วนต้องถูกจัดระเบียบใหม่อีกหนึ่งรอบ ครั้งนี้แม้แต่แผนทรมานตัวเองมันก็ยังเอาออกมาใช้แล้ว แต่นายท่านก็ยังไม่ยอมย้ายบ้าน ไม่ยอมไปร่วมงานเลี้ยงท่องราตรีที่องค์เทพขุนเขาเหนือจัดขึ้น นี่ถึงทำให้ผู้คนพากันพูดว่าภูเขาหมั่นโถวจบเห่แล้ว ทำให้มันต้องอกสั่นขวัญผวาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ใจนึกอยากจะตายไปพร้อมๆ กับนายท่านเสียเลย ชาติหน้าจะได้พยายามช่วงชิงไปเกิดในครรภ์ที่ดีให้จงได้
เทพวารีชุดดำมีสีหน้าจนใจ “คนอื่นไม่ต้องพูดถึง เจ้าไม่แยแสพวกเขาก็แล้วไปเถิด แต่พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว หากจะเรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมยากก็คงไม่มากเกินไปกระมัง? วันที่ศาลของข้าถูกสร้างขึ้น เจ้าก็จะไม่ไปงั้นหรือ?”
ชายฉกรรจ์เอ่ย “ข้าไปแล้วเจ้าก็จะยิ่งเห็นในความดีของข้า? ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังคงใหญ่แค่ก้นอยู่ดีไม่ใช่หรือ ถึงอย่างไรการไปร่วมแสดงความยินดีถึงบ้านก็ควรจะมีของขวัญติดไม้ติดมือไปบ้างกระมัง ข้าผู้อาวุโสไม่มีเงิน ไม่คิดจะทำเรื่องที่ตบหน้าตัวเองให้กลายเป็นคนอ้วนหรอก”
เด็กชุดสีชาดโมโหทันควัน ถลันลุกขึ้นยืน สองมือเท้าเอวฉับ แหงนหน้าถลึงตาใส่นายท่านของตัวเอง “มารดาเจ้ากินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร? ทำไมพูดจากับท่านเทพวารีแบบนี้?! เจ้าคนโง่ไม่รู้จักดีชั่ว รีบขอโทษท่านเทพวารีเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ชายฉกรรจ์เหล่ตามองมันหนึ่งที
เด็กจิ๋วชุดแดงน้ำตาคลอเจียนหยด หันหน้าไปมองเทพวารีชุดดำ ต้องใช้พลังไปไม่น้อยกว่าจะเค้นน้ำตาสองสามหยดออกมาได้ “ท่านเทพวารี ท่านเองก็รู้จักกับนายท่านของข้ามานานแล้ว ขอร้องท่านช่วยข้าเกลี้ยกล่อมเขาหน่อยเถอะ หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป แม้แต่ขี้เถ้าก็คงไม่มีให้ข้ากินแล้ว ชีวิตข้าช่างรันทดนัก…”
เทพวารีชุดดำเอ่ยหยอกล้อ “ใช่ว่าจะไม่มีศาลเทพอภิบาลเมืองที่ใดเชื้อเชิญให้เจ้าย้ายบ้านเสียหน่อย คนมากมายอยากให้เจ้าไปอยู่อาศัยในเรือนใหญ่โตโอ่อ่า อยู่ในกระถางธูปใบใหญ่ แม้แต่กรอบป้ายก็ยังให้เจ้าเลือกได้ตามใจชอบ ช่างเป็นโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่นัก ในเมื่อรู้ว่าตัวเองมีชีวิตรันทด แล้วทำไมถึงไม่ใช้ชีวิตให้สุขสบายเล่า จะมาฝืนทนอยู่ที่นี่ ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากไปไย”
เด็กจิ๋วชุดแดงตบหน้าอกตัวอย่างอย่างแรง ไม่ได้กะกำลังให้ดี ตัวเองจึงสำลักพ่นควันธูปออกมาเต็มปาก หลังจากไออยู่สองสามทีก็พูดเสียงก้องกังวานว่า “นี่เรียกว่าความทระนงในศักดิ์ศรี!”
พูดจาวางโตจบแล้ว ท้องก็เริ่มร้องโครกคราก เด็กจิ๋วชุดสีชาดรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เตรียมจะปีนออกจากกระถางธูป ข้าผู้อาวุโสไปกินลมตะวันออกเฉียงเหนือเอาก็ได้ (เปรียบเปรยว่าไม่มีอะไรให้กินจนต้องได้แต่กินลมแทน) ไม่อยู่ให้เกะกะสายตาสหายสุนัขจิ้งจอกอย่างพวกเจ้าสองคนแล้ว
คิดไม่ถึงว่าชายฉกรรจ์จะหยิบธูปแม่น้ำภูเขาก้านหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ถูสองนิ้วเข้าด้วยกัน สะเก็ดไฟก็ลุกพรึ่บ แน่นอนว่าต้องเป็นธูปประเภทที่คุณภาพเลวร้ายราคาถูกที่สุด จากนั้นก็โยนเข้าไปในกระถางธูปอย่างง่ายๆ เด็กจิ๋วชุดแดงกระโจนเข้าใส่ ปากก็บ่นไปด้วยว่าหมูยังกินดีกว่านี้เลย แต่ก็รีบขยับตัวนั่งอยู่ท่ามกลางกองขี้เถ้า ยกสองมือประคองธูปก้านนั้นแล้วแทะราวกับแทะอ้อย โคลงศีรษะไปมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข
เทพวารีชุดดำหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง แล้วก็เริ่มคลี่พัด ลมเย็นโชยมาเป็นระลอก ไอน้ำแผ่อบอวล ทำให้จิตใจคนโล่งสบายปลอดโปร่ง
ชายฉกรรจ์ลังเลอยู่เล็กน้อยก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “รบกวนเจ้าฝากไปบอกเว่ยป้อและใต้เท้าหลางจงกรมพิธีการที่เจ้าคุ้นเคยคนนั้นหน่อยว่า หากไม่ใช่เทพอภิบาลเมืองของมณฑล เป็นแค่เทพอภิบาลเมืองเขตการปกครองหรือเทพอภิบาลเมืองอำเภออะไร ก็อย่ามาหาข้าเลย ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อนั่นแหละ”
เทพวารีชุดดำขมวดคิ้ว “จะเอาแบบนี้จริงๆ หรือ?”
ชายฉกรรจ์เกาหัว สีหน้าเลื่อนลอยมองไปยังกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่นอกศาล
เทพวารีชุดดำเอ่ยสัพยอก “เจ้าสนิทกับเว่ยป้อขนาดนั้น หากข้าจำไม่ผิด ปีนั้นก็เคยมีบุญคุณยิ่งใหญ่ต่อเขาและสตรีที่น่าสงสารผู้นั้นด้วย เหตุใดถึงไม่ไปพูดกับเขาเองเล่า?”
ชายฉกรรจ์แค่นเสียงหยัน “ก็แค่ทำเรื่องที่ไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจตัวเองเท่านั้น จะถือเป็นบุญคุณอะไรได้? จะต้องให้คนอื่นตอบแทนให้ได้เลยหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะต่างอะไรกับพวกคนที่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการพยายามเลื่อนขั้น หาทางรวยเพื่อเพิ่มควันธูป? เรื่องของเทพอภิบาลเมืองแห่งใหม่นี้ ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนไปขอร้องต้าหลีเสียหน่อย ถึงอย่างไรข้าก็ป่าวประกาศไปแล้ว สุดท้ายเลือกใครก็เหมือนกันอยู่ดีไม่ใช่หรือ? เลือกข้าอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป แต่ไม่เลือกข้าก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องร้าย ข้าไม่อยากทำให้ใครลำบากใจทั้งนั้น”
เทพวารีชุดดำพยักหน้ารับ “ก็ได้ ข้าได้แต่ช่วยนำความไปบอกเท่านั้น เรื่องอื่นเจ้าก็คงต้องภาวนาให้ตัวเองโชคดีแล้วล่ะ หากสำเร็จก็ยังพูดง่าย แต่ข้าว่ายาก หากไม่สำเร็จ เจ้าก็คงหนีไม่พ้นต้องถูกเทพอภิบาลเมืองมณฑลคนใหม่หาเรื่องเล่นงาน บางทีอาจไม่ต้องให้เขาลงมือเองด้วยซ้ำ ถึงเวลานั้นเทพอภิบาลเมืองของเขตการปกครองและอำเภอย่อมต้องขยันหมั่นเพียร หาเรื่องกระทบกระเทียบเจ้าทุกครั้งที่มีโอกาสแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!