กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 478

หยางฮวาเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูกลับไม่ได้ขุ่นเคือง ตาดวงตาสีทองคู่นั้นของนางฉายแววสำรวจตรวจสอบอย่างกำเริบเสิบสาน มองประเมินมือกระบี่หนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจังตั้งใจอีกครั้ง

ม่านราตรีหนาหนัก ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หยางฮวาปรากฏกายบนโลกด้วยร่างทอง กระโปรงที่เรียบง่ายแต่งดงามแผ่ประกายแสงสีทองปกคลุมด้านนอกหนึ่งชั้น ทำให้นางที่เดิมทีก็มีรูปโฉมโดดเด่นเหนือใครยิ่งส่องรัศมีเจิดจ้าพร่างตา ดวงจันทร์เหนือนทีก็ราวกับกลายมาเป็นเครื่องประดับผมของสตรีผู้เป็นเทพวารีท่านนี้

หันกลับไปมองคนหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง กลับไม่ได้ดู ‘เดียวดายละทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง’ เฉกเช่นนาง

ปีนั้นหยางฮวาก็เคยใช้สายตาเช่นนี้มองประเมินเฉินผิงอันมาก่อน ตอนนั้นอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่สวมรองเท้าสานคนหนึ่ง นางมองออกแค่เพียงกลิ่นอายของความยากแค้นและปณิธานหมัดเบาบาง

ส่วนเวลานี้ นอกจากวัตถุนอกกายไม่กี่ชิ้นอย่างเช่นน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ตรงเอวที่เว่ยป้อเป็นผู้เลือกให้ ชุดคลุมอาคมสีเขียวที่ไม่ถือว่าเป็นชุดคลุมอาคมจริงๆ แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นกระบี่เล่มที่เฉินผิงอันสะพายไว้ด้านหลังแล้ว ก็ดูเหมือนว่านางจะมองอะไรไม่ออกอีก

หยางฮวาภาคภูมิใจในพรสวรรค์การเรียนวิชากระบี่ของตัวเองเสมอมา กระบี่ยาวพู่ทองที่กอดไว้ในอ้อมอกก็ยิ่งไม่ใช่วัตถุธรรมดา ขาดอีกแค่นิดเดียวก็จะกลายเป็นศาสตราวุธเทพที่ถูกเก็บเข้าไปไว้ในป๋ายอวี้จิงจำลองแห่งนั้นแล้ว

มองไม่ออก นี่ต่างหากที่เป็นปัญหา

แน่นอนว่าสำหรับหยางฮวาแล้ว นี่ก็คือเหตุผลที่จะออกกระบี่

ระหว่างคนทั้งสองมีลมภูเขาและไอน้ำกระเพื่อมขึ้นมาระลอกหนึ่งอย่างไม่มีลางบอกเหตุ เว่ยป้อที่สวมอาภรณ์สีขาวห้อยต่างหูสีทองเผยกาย ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อริยะหรวนไม่อยู่ แต่กฎเกณฑ์ยังคงอยู่ พวกเจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”

พอเว่ยป้อมา ประกายเจิดจ้าในดวงตาของหยางฮวาก็ถูกสะกดกลั้นลงไป

ในดวงตาของหยางฮวามีเพียงมือกระบี่หนุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวอยู่ภายนอกตลอดทั้งปีผู้นั้น นางเอ่ยว่า “ขอแค่ลงนามยินยอมรับผลเป็นตายก็สอดคล้องกับกฎเกณฑ์แล้ว”

เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้าว่า “น่าเสียดายที่ดูเหมือนเจ้านายของเจ้าจะไม่ชอบทำตามกฎเกณฑ์สักเท่าไหร่”

ในที่สุดหยางฮวาก็เผยโทสะเสี้ยวหนึ่งออกมาให้เห็น หยามเกียรตินาย บ่าวสมควรตาย เหนียงเนียงมีพระคุณช่วยชีวิตต่อนาง หลังจากนั้นก็ยิ่งมีพระคุณในการถ่ายทอดมรรคา ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่มีทางสละทิ้งทุกอย่างบนโลก ดิ้นรนสุดชีวิตเสี่ยงตาย ทนรับกับความทรมานที่ต้องเลือดเนื้อแหลกสลายกลายเป็นโครงกระดูก ยืนหยัดจะเป็นเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝูให้ได้เพียงเพราะคำพูดเดียวของเหนียงเนียง ต่อให้ส่วนลึกในใจนางจะมีคำพูดบางอย่างที่หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถพูดกับเหนียงเนียงด้วยตัวเองก็ตาม แต่คนนอกคนหนึ่งกล้าบังอาจมาวิจารณ์การกระทำของเหนียงเนียงนางอย่างนั้นหรือ? ชีวิตของเจ้าเศษสวะตรอกหนีผิงที่จู่ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมา ไม่ได้มีค่านักหรอก!

ดูเหมือนเว่ยป้อจะตกตะลึงไปเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็พลันเข้าใจ เมื่อเทียบกับสองฝ่ายที่กำลังคุมเชิงกันแล้ว คำพูดของเขาจึงฟังดูเล่นแง่ไม่เอาจริงเอาจังมากกว่า “ขอแค่มีข้าอยู่ พวกเจ้าก็ตีกันไม่ได้หรอก พวกเจ้าอยากจะให้สุดท้ายแล้วต่างคนต่างปล่อยกระบวนท่า กระบี่ฟันโดนความว่างเปล่า กลายเป็นตัวตลกของคนที่มองดูอยู่ ก็เชิญพวกเจ้าลงมือได้เต็มที่เลย”

เฉินผิงอันหันไปยิ้มกับเว่ยป้อ “เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากพูดคุยอะไรกับนางอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าไปก่อนดีกว่า ช่วยส่งข้าไปข้างกายเผยเฉียนที”

เว่ยป้อพยักหน้ารับ

จู่ๆ หยางฮวาก็เอ่ยขึ้นว่า “เฉินผิงอัน เหตุใดไม่รบกวนท่านเทพเว่ยให้ส่งเจ้าไปที่เรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว ไปหลบอยู่ใต้เปลือกตาของปรมาจารย์วิถีวรยุทธท่านหนึ่งจะไม่ยิ่งมั่นคงกว่าหรอกหรือ รับรองว่าข้าไม่กล้าไล่ตามไปแน่นอน”

เฉินผิงอันตอบกลับด้วยประโยคว่า “ทำไม คงไม่ใช่ว่าเจ้าถูกใจข้าหรอกนะ? ถึงได้ตามตอแยไม่เลิกราเช่นนี้?”

สีหน้าของหยางฮวาประดุจน้ำค้างแข็ง ไอน้ำเข้มข้นทั่วร่างหมุนเวียนวน เดิมทีนางก็เป็นเทพวารีท่านหนึ่งอยู่แล้ว แม่น้ำเถี่ยฝูที่เดิมทีกระแสน้ำหนักอึ้ง เวลาไหลรินแทบไม่มีเสียงพลันเดือดพล่าน ได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามใต้สายน้ำแว่วๆ

เว่ยป้อปวดหัวแปล๊บ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ร่ายใช้วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตรีบส่งเฉินผิงอันไปที่ตรอกฉีหลง

ไม่อย่างนั้นเกรงว่าต่อให้มีทั้งตนและอริยะหร่วนฉงด้วยอีกคนก็อาจจะขัดขวางชายหญิงที่ดื้อดึงทั้งคู่นี้ไม่ได้

นี่ถึงทำให้หยางฮวาย้ายสายตามาจ้องมององค์เทพแห่งขุนเขาที่นานวันบุคลิกของการ ‘หลุดพ้นจากโลกีย์’ ก็ยิ่งเด่นชัดผู้นี้ สายตาของนางเย็นชา ไม่มีความเคารพแม้สักเสี้ยว

เว่ยป้อยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ไม่ได้รับผลตอบแทนดีๆ เลย ข้ามาครั้งนี้นับว่าหาเรื่องลำบากใส่ตัวโดยแท้”

หยางฮวาเอ่ยถามตามตรง “ปีนั้นตอนที่เจ้ากับพวกสวี่รั่วขี่ภูตผ่านที่แห่งนี้ สายตาตอนที่มองข้าแปลกประหลาด เพราะอะไรกันแน่?”

เว่ยป้อยิ้มกล่าว “อย่าลืมล่ะว่าปีนั้นถึงแม้ข้าจะยังคงเป็นเทพแห่งผืนดินบนภูเขาฉีตุน แต่ถึงอย่างไรก็เคยเป็นองค์เทพแห่งขุนเขาของแคว้นหนึ่งมาก่อน แน่นอนว่าย่อมมองออกว่าระดับขั้นร่างทองของเจ้าสูงเกินไป ผิดไปจากปกติ เลยอดไม่ไหวมองหลายครั้งหน่อย”

หยางฮวาส่ายหน้า “เจ้ากำลังโกหก”

เว่ยป้อไม่ได้เถียงกับนางในหัวข้อนี้ต่อ เพียงพูดพร้อมยิ้มบางๆ “ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยดีไหม?”

เว่ยป้อเดินนำไปก่อน พอเดินออกไปได้สองสามก้าวก็หันกลับมาเอ่ยว่า “คนเป็นใช้ชีวิตอยู่ในวงการขุนนาง คนตายอย่างพวกเราก็อยู่ได้ด้วยควันธูป ไม่คิดจะรักษากฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ บ้างเลยหรือ? ทั้งๆ ที่หร่วนฉงไม่อยู่ เหตุใดเฉินผิงอันถึงยังล้มเลิกความคิดที่จะขี่กระบี่ซึ่งทั้งประหยัดแรงกายและแรงใจ เลือกที่จะเดินเท้ากลับเมืองเล็กแทน?”

หยางฮวาถึงได้ขยับเท้าเดินตามไปด้านหลังเว่ยป้อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สององค์ของหนึ่งภูเขาหนึ่งสายน้ำเดินอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำเถี่ยฝูที่เริ่มสงบนิ่งลง

เว่ยป้อเอาสองมือไพล่หลัง เอ่ยเนิบช้าว่า “หากข้าจำไม่ผิด เจ้าขวางเฉินผิงอันไว้ก็เพียงแค่เพราะเกิดใจคิดอยากจะเอาชนะ แต่หากสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วก็ยังเป็นเพราะตัดใจจากตัวตนผู้ฝึกกระบี่ในโลกคนเป็นไม่ได้ ตอนนี้ร่างทองของเจ้ายังไม่มั่นคง ควันธูปที่กินเข้าไป ระยะเวลายังน้อยนัก ยังไม่มากพอให้เจ้าทิ้งระยะห่างจากเทพวารีสามแม่น้ำอย่างซิ่วฮวา อวี้เย่และชงตั้นที่ระดับขั้นเท่าเทียมกันไปไกล ดังนั้นเจ้าท้าทายเฉินผิงอัน เป้าหมายก็เรียบง่ายอย่างมาก คิดแค่จะประลองฝีมืออย่างเดียวจริงๆ เท่านั้น ไม่คิดจะใช้ขอบเขตข่มเขา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เหตุใดถึงใช้คำพูดดีๆ ไม่ได้? เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเฉินผิงอันไม่กล้าฆ่าเจ้า? เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า ต่อให้เฉินผิงอันฆ่าเจ้า เจ้าก็ตายเปล่า ไม่แน่ว่าคนแรกที่จะช่วยพูดแทนเฉินผิงอันก็คือเหนียงเนียงในวังที่อยากจะได้รับการให้อภัยผู้นั้น”

หยางฮวาเงียบงันไม่ต่อคำ

ภูเขาสูงกว่าน้ำ นี่คือความรู้ทั่วไปของใต้หล้าไพศาล

ตำแหน่งและระดับขั้นขององค์เทพห้าขุนเขาของหนึ่งแคว้นย่อมต้องสูงกว่าเทพวารีทุกองค์อยู่แล้ว

แต่เห็นได้ชัดว่าหยางฮวาไม่ได้มีความเคารพยำเกรงต่อเว่ยป้อเท่าใดนัก

เว่ยป้อเองก็ไม่ถือสาในเรื่องนี้ เขายังคงพูดต่อไปเหมือนคุยกับตัวเอง “ระหว่างความคิดหนึ่งกับความคิดหนึ่ง อยู่ใกล้กันมากแค่ไหน? เจ้ากำลังคิดอยู่ตรงนี้ มีพันภูเขาหมื่นแม่น้ำกางกั้นก็จะต้องมีคนที่จิตสื่อถึงกัน เชื่อมโยงกันไปทั่วทุกมุมบนโลกใบนี้ แต่บางครั้งระหว่างหนึ่งความคิดกับหนึ่งความคิด จะห่างไกลกันแค่ไหน?”

หยางฮวาหยุดเดิน แค่นเสียงหยันเอ่ยว่า “ข้าไม่มีอารมณ์มาทายปริศนาธรรมกับเจ้าอยู่ที่นี่ ขอแค่เป็นหน้าที่ของเทพวารีแม่น้ำเถี่ยฝู ข้าก็ไม่เคยเพิกเฉยละเลย หากเจ้าคิดจะมาวางมาดองค์เทพขุนเขาเหนือล่ะก็ เจ้ามาหาผิดคนแล้ว หากเจ้าคิดจะผลักไสข้าและแม่น้ำเถี่ยฝูเหมือนที่เคยข่มเทพภูเขาซ่งบนภูเขาลั่วพั่ว ก็เชิญตามสบาย ข้าพร้อมรับทุกกระบวนท่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!