กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 496

หยางฉงเสวียนเอ่ยเหน็บแนม “ดีนักนะ นับว่าพอจะมีกลเม็ดเด็ดพรายอยู่บ้าง แต่เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าแซ่อะไร? เรื่องของการเขียนยันต์และค่ายกล ตลอดทั้งอุตรกุรุทวีปแห่งนี้ สกุลหยางของพวกเราคือต้นตำรับแท้อย่างสมชื่อ!”

มารดามันเถอะ พอคิดถึงเรื่องนี้ หยางฉงเสวียนก็อดนึกถึงหลิวจิ่งหลงผู้นั้นขึ้นมาอีกไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าโทสะผุดพุ่งมาจากไหน เขาจึงไม่ใช้วิชาที่ถ่ายทอดจากตระกูลมาทำลายค่ายกลแห่งนี้ แต่หมุนตัวหนึ่งรอบพลางออกหมัดรัวเร็ว ปล่อยพายุหมัดให้ระเบิดไปสี่ด้านแปดทิศ หยางฉงเสวียนพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังลั่น “ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะประคับประคองดินแดนมายาอำพรางตาแห่งนี้ได้นานแค่ไหน!”

ท่าทางของหยางฉงเสวียนเหมือนปีศาจที่บ้าคลั่ง ประหนึ่งเทวบุตรมารที่เยื้องกรายมาเยือนโลกมนุษย์ ไหนเลยจะมีภาพบรรยากาศที่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตโอสถทองทั่วไปสมควรมีอยู่อีก?

ริมตลิ่งของธารน้ำลึก เจี่ยงชวีเจียงเห็นเพียงว่าเทพหญิงสิงอวี่เดินลงน้ำทีละก้าวไปอย่างเชื่องช้า กระจกน้ำด้านหน้าส่ายไหวโงนเงน ปริแตกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกนางใช้น้ำในลำธารลึกมาซ่อมแซมผิวกระจกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

เทพหญิงสิงอวี่พยายามประคับประคองกระจกน้ำอย่างยากลำบาก ในใจร้องโอดครวญไม่หยุด นางไม่ได้เร่งให้คนทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังออกไปจากภูเขากระจกวิเศษอีกแล้ว เพราะนางแน่ใจอย่างถึงที่สุดว่าพวกเขาต้องหนีไม่รอดอย่างแน่นอน

ต่อให้ออกไปจากภูเขากระจกวิเศษได้ ก็ยังต้องถูกเจ้าคนบ้าผู้นี้ไล่ตามไปอยู่ดี

จุดจบถูกกำหนดมาเรียบร้อยแล้ว

ต่อให้ดึงดูดเอาโชคชะตาน้ำของธารลึกกลางภูเขากระจกวิเศษมาอย่างกำเริบเสิบสาน อย่างมากสุดนางก็ประคับประคองตัวอยู่ได้แค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้น หรืออาจจะสั้นยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ

เจี่ยงชวีเจียงสีหน้าซีดขาว พึมพำว่า “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่นา”

ในที่สุดจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกก็สังเกตเห็นสภาพอันน่าสังเวชของบุตรสาวตน เขานั่งยองอยู่ข้างกายนาง แต่กลับไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย จิ้งจอกเฒ่าร้อนใจราวกับถูกไฟเผา ในที่สุดก็เริ่มเสียใจภายหลังที่ไม่ยอมเชื่อคำของบุตรชายโง่ผู้นั้น

หยางฉงเสวียนยืนนิ่งอยู่ในเขตมายากระจกน้ำ “อุ่นเครื่องเสร็จแล้ว ไม่เล่นแล้ว”

สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งแล้วตั้งท่าหมัด ประหนึ่งขุนพลสวรรค์องค์เทพบรรพกาลที่เตรียมจะผ่าสายน้ำ นี่ก็คือกระบวนท่าหมัดของภาพองค์เทพประลองยุทธ์ที่สืบทอดมาจากตระกูลซึ่งเขาบรรลุมาได้ตอนเป็นเด็กหนุ่ม

กระจกน้ำแตกกระจาย เหมือนตะเกียงแก้วดวงหนึ่งที่หล่นพื้นแล้วกระจัดกระจายไปสี่ทิศ

เทพหญิงสิงอวี่จึงได้แต่เปลี่ยนวิชาอภินิหาร บังคับโชคชะตาน้ำของธารน้ำลึกให้กลายมาเป็นเสื้อเกราะตัวหนึ่งที่ห่มอยู่บนร่าง พยายามจะขัดขวางการบุกรุดหน้าของบุรุษผู้นั้นอย่างสุดกำลัง

เพียงแต่ว่าชั่วพริบตาเดียวคนผู้นั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้านาง ปล่อยหนึ่งหมัดต่อยทะลุหน้าท้องของนางแล้วชักแขนออกช้าๆ จากนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็อ้อมมาด้านหลัง จับกระชากศีรษะของนางแล้วโยนร่างนางทิ้งลงบนพื้น สุดท้ายยกเท้ากระทืบลงบนหน้าผากของนาง ก้มหน้ามองไปพลางจุ๊ปากยิ้ม “ไม่เสียแรงที่เป็นเทพหญิง พอๆ กับร่างทองของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาแม่น้ำพวกนั้นจริงๆ ขนาดเลือดสดก็ยังเป็นสีทอง อีกทั้งหากเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป เมื่อเจอกับหมัดนี้ของข้า ร่างก็น่าจะแหลกเป็นจุลไปแล้ว ไม่เลวๆ รอให้ข้าเอากระจกวิเศษมาได้เมื่อไหร่ ข้าค่อยปล่อยให้เจ้าฟื้นคืนพลังต้นกำเนิด แล้วเจ้ากับข้ามาต่อสู้กันอีกครั้ง วางใจเถอะ หากทำเรื่องสำคัญเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ข้าจะออกหมัดให้ช้ากว่าเดิมสามส่วน พละกำลังก็น้อยกว่าเดิมสามส่วน จะไม่รีบรบรีบจบแบบนี้แน่นอน บุรุษหากเร็วเกินไปก็ไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่”

คำพูดที่ออกจากปากของหยางฉงเสวียนฟังดูแล้วเกรงอกเกรงใจ แต่จู่ๆ เขากลับเพิ่มพละกำลังฝีเท้า กดให้ศีรษะของเทพหญิงสิงอวี่จมหายไปในหินสีขาวหิมะ เป็นเหตุให้นางไม่สามารถดึงเอาโชคชะตาน้ำมาจากธารลึกกลางภูเขาได้อีก

หยางฉงเสวียนค้อมตัวลง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากยังถ่วงเวลาการทำธุระสำคัญของข้าอยู่อีก ข้าจะกระทืบให้คอของเจ้าหัก”

เทพหญิงสิงอวี่พยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง นิ้วของนางขยับน้อยๆ ยังคงพยายามจะดึงเอาโชคชะตาน้ำที่อยู่ในธารลึกนั้นออกมา

เทพหญิงทั้งเก้าท่านในนครปี้ฮว่า หลังเดินออกมาจากม้วนภาพวาดแล้ว ขอแค่เจอกับเส้นแบ่งความเป็นความตายก็ล้วนใจเด็ดเช่นนี้ ไม่เคยกล่าวโทษตำหนิใคร

และในขณะที่หยางฉงเสวียนคิดจะจัดการกับเทพหญิงอย่างเด็ดขาดนั้นเอง

น้ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาบนยอดเขาของภูเขากระจกวิเศษเบาๆ

“เป็นเศษสวะจริงๆ เสียด้วย”

หยางฉงเสวียนแหงนหน้ามองไป แล้วยื่นนิ้วข้างหนึ่งชี้มาที่ตัวเอง “คงไม่ได้หมายถึงข้าหรอกกระมัง?”

สตรีอ่อนโยนผู้หนึ่งที่หน้าตาไม่นับว่างดงามสักเท่าไหร่ ตรงเอวห้อยตราประทับสิงห์ชิ้นหนึ่งกระโดดลงมาจากยอดเขาเบาๆ

ความคิดของหยางฉงเสวียนแล่นเร็วจี๋ กำลังจะกระทืบเทพหญิงสิงอวี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าให้ตายไป

หญิงสาวผู้นั้นกลับชิงยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าทำแบบนั้นดีกว่า”

ต่อให้เห็นความสามารถอันเลิศล้ำค้ำฟ้าในด้านการต่อสู้ประชิดตัวของหยางฉงเสวียนมากับตาตัวเอง แต่สตรีก็ยังคงเดินเข้าหาหยางฉงเสวียนช้าๆ

ไม่เพียงเท่านี้ นางยังดีดนิ้วสองครั้งทำให้เจี่ยงชวีเจียงและจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกกระเด็นออกไปต่อหน้าหยางฉงเสวียนด้วย

สตรีชำเลืองมองเทพหญิงสิงอวี่ที่มีสภาพอเนจอนาถแวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยแววเยาะหยัน “วสันต์ฤดูเก้าปี วันที่สิบเดือนสามตามปฏิทินราชวงศ์โจว ฝนตกฟ้าผ่าลงมาเนิ่นนานแล้ว ในชุนชิวบันทึกวันเริ่มต้น (ซูสื่อหมายถึงวันเริ่มต้นของการบันทึก) ตั้งชื่อนี้มาอย่างเสียเปล่าจริงๆ”

หยางฉงเสวียนยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม เก็บพละกำลังตรงเท้ากลับมา ถามว่า “เจ้าคือ?”

สตรีเอ่ย “หลี่หลิ่ว”

หยางฉงเสวียนยกฝ่ามือขึ้นลูบคลำปลายคาง “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

สีหน้าของหลี่หลิ่วกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง เอ่ยช้าๆ ว่า “เกี่ยวกับคำทำนายของกระจกบานนี้ เป็นข้าที่บอกแก่บรรพบุรุษบุกเบิกขุนเขาคนนั้นของตระกูลเจ้าเอง เวลานั้นเขายังสวมกางเกงเปิดก้นอยู่เลยนะ ตอนนั้นตระกูลหยางของพวกเจ้ายังยากจน กางเกงของเจ้าเด็กน้อยนั่นมีแต่รอยปะชุน ปิดไอ้จ้อนเอาไว้ไม่อยู่ แล้วก็ปิดก้นไม่ได้ด้วย”

หยางฉงเสวียนหัวเราะร่าเสียงดัง อีกนิดเดียวก็เกือบจะน้ำตาไหลอยู่แล้ว

มารดามันเถอะ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขายังไม่เคยได้ยินเรื่องตลกที่ชวนหัวขนาดนี้มาก่อน

หลี่หลิ่วเองก็หัวเราะ ดวงตาทั้งคู่โค้งลงราวกับกิ่งหลิว ดูอ่อนโยนนุ่มนวล น่ามองอย่างถึงที่สุด

อยู่ดีๆ หยางฉงเสวียนก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา

เขาจึงหัวเราะไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่

หยางฉงเสวียนถามหยั่งเชิง “ที่สี่? แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับทำให้แม้แต่หลิวจิ่งหลงก็ยังจนปัญญาผู้นั้น?”

สตรีผู้นั้นเอียงศีรษะน้อยๆ ยิ้มจนตาหยี ถามกลับไปหนึ่งประโยคว่า “หลิวจิ่งหลง? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

หยางฉงเสวียนเบิกตากว้าง

โอ้โหแหะ สตรีผู้นี้ใช้ได้เลยนี่นา เสแสร้งเก่งกว่าตนเสียอีก ของชอบเขาเลย!

เพียงแต่ว่าหยางฉงเสวียนก็อดรู้สึกสับสนนิดๆ ไม่ได้ ครั้งนั้นก่อนจะเลื่อนสู่ขอบเขตร่างทอง มียอดฝีมือคนหนึ่งช่วยทำนายให้ตนบอกว่าช่วงสิบปีนี้ให้ระวังตัวสักหน่อย เพราะจะถูกสตรีทำร้าย

ตอนนั้นเขายังเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองจะเจอชะตาดอกท้อ ดังนั้นทุกครั้งที่เจอสาวงาม เขาก็จะต้องกลัดกลุ้มทุกที

ถึงอย่างไรก็ยังเป็นผู้ฝึกตนครึ่งตัว หากตกอยู่ในกับดักทัณฑ์รักก็ค่อนข้างจะยุ่งยากอยู่บ้าง

แต่คำทำนายนั้นคงไม่ได้หมายความว่าตนจะถูกสตรีตรงหน้าผู้นี้ทำร้ายจนบาดเจ็บหรอกกระมัง?

คนทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ห้าก้าว ในที่สุดนางก็หยุดยืนนิ่ง

นางเอ่ยว่า “คิดจะฆ่าเจ้าค่อนข้างยาก เพราะค่าตอบแทนค่อนข้างมาก”

ดูเหมือนว่านางจะกำลังกลุ้มใจ

ทว่าหยางฉงเสวียนกลับทำท่าเหมือนเผชิญศัตรูตัวฉกาจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!