กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 496

แถบอาณาเขตของภูเขากระจกวิเศษ

คนหนุ่มเสื้อผ้าเก่าปอนขาดวิ่นคนหนึ่งเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม

เพราะข้างกายของเขาคือเทพหญิงท่านหนึ่งที่เดินออกมาจากภาพวาดขุนนางสวรรค์ของนครปี้ฮว่า

เทพเซียนหญิงที่สูงส่งเหนือผู้ใดกลับไม่อาจเดินเคียงไหล่กับเขาได้ ได้แต่ทิ้งระยะห่างไปทางด้านหลังของเขาหนึ่งก้าว

เพื่อรักษาสถานะสูงต่ำที่แตกต่างกัน!

นางเป็นถึงเทพหญิงโปรยพิรุณเชียวนะ!

ไม่เพียงเท่านี้ นางยังบอกกับเขาว่าชื่อของนางคือซูสื่อ ไม่มีแซ่ ภายในระยะเวลาหกสิบปีจะพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยให้เขาเดินขึ้นสู่ที่สูงได้

บุรุษหนุ่มชอบความรู้สึกที่ได้เป็นจุดรวมสายตาของผู้คนมากมาย นับตั้งแต่เดินออกมาจากนครปี้ฮว่าจนกระทั่งเทพหญิงสิงอวี่บอกกับเขาว่าในหุบเขาผีร้ายมีโชควาสนาอย่างหนึ่งที่เป็นของเขารอคอยอยู่ ตอนที่เดินผ่านซุ้มป้ายหินมา ทุกคนต่างก็กำลังมองเขา อีกทั้งยังเป็นสายตาที่มองด้วยความเลื่อมใสอีกด้วย

ในที่สุดเขาก็ไม่ใช่แมลงน่าสงสารที่แบกรับแค้นเลือดไว้กับตัว แต่กลับเรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบอีกต่อไปแล้ว

เขาถึงขั้นรู้สึกด้วยว่าความแค้นนั้น เมื่อมีเทพหญิงสิงอวี่คอยติดตามรับใช้ตนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่หนักหนาเช่นเดิมอีกต่อไป

เทพหญิงที่เรียกตัวเองว่าซูสื่อผู้นี้บอกกับตนว่า ตบะและพลังการต่อสู้ของนางในตอนนี้เท่ากับโอสถทองของผู้ฝึกลมปราณ แต่หากพูดถึงในด้านการป้องกันและรักษาชีวิตสามารถมองเป็นขอบเขตก่อกำเนิดได้

นี่ทำให้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ดังนั้นต่อให้นางจะบอกกับเขาอย่างชัดเจนว่า โชควาสนาที่ภูเขากระจกวิเศษยากจะคาดการณ์ได้ว่าจะดีหรือร้าย เขาก็ยังมั่นคงไม่คลอนแคลน เพราะตอนนี้สวรรค์อยู่ข้างข้าแล้ว!

ตลอดทางล้วนเป็นเขาที่ถาม นางที่ตอบ ทุกเรื่องที่นางรู้นางล้วนพูดอย่างหมดเปลือก

มีเพียงคำถามที่ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ใต้ภาพวาดฝาผนังผู้นั้นเป็นใครกันแน่เท่านั้น ที่เทพหญิงเลือกจะปิดปากเงียบไม่เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว

หลังจากขยับเข้าใกล้ภูเขากระจกวิเศษ เทพหญิงสิงอวี่ก็พลันหยุดฝีเท้า สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด เงยหน้ามองไปยังกึ่งกลางภูเขา ก่อนจะใช้เสียงในใจบอกกับเขาอย่างช้าๆ ว่า “โชควาสนาครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เจี่ยงชวีเจียง หวังว่าเจ้าจะพิจารณาอย่างรอบคอบ”

ความตกตะลึงเสี้ยวหนึ่งวูบผ่านใบหน้าของบุรุษหนุ่มไป เพียงแต่ว่าไม่นานสายตาของเขาก็กลับมาเด็ดเดี่ยว กัดฟันเอ่ยว่า “สวรรค์ติดค้างข้ามากมายถึงเพียงนี้ ก็ควรจะคืนกำไรกลับมาให้ข้าบ้าง!”

ส่วนลึกในใจของเทพหญิงมีเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆ

ตอนที่พวกเขาเดินผ่านศาลาผุพังแห่งนั้น จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกที่ถือไม้เท้าไว้ในมือก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

สำหรับบุรุษหนุ่มที่สภาพไม่ต่างจากขอทานหยางสักเท่าไหร่นั้น จิ้งจอกเฒ่ามองเมินไปโดยตรง เขาพยายามเบิกตากว้างมองเทพหญิงที่ล่องลอยดุจเซียนผู้นั้น ใต้หล้านี้มีสิ่งมีชีวิตสมควรตายที่รูปโฉมพอจะงัดข้อกับบุตรสาวของตนได้อยู่ด้วยหรือ? ทำไมไม่ไปตายซะ? ขอให้สตรีผู้นี้รีบไสหัวไปที่ลำธารดูดวิญญาณกึ่งกลางภูเขานั่นซะ แล้วก็หัวทิ่มตกลงไปในน้ำ ตายๆ ไปเสียทีเถิด!

จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกพลันสังเกตเห็นรายละเอียดอย่างหนึ่ง จึงยิ้มถามนางว่า “เทพธิดาท่านนี้ เจ้ากับคุณชายผู้นี้จะขึ้นไปบนภูเขาหรือ?”

แผนการในใจของจิ้งจอกเฒ่าตนนี้ เทพหญิงสิงอวี่มองเห็นได้อย่างชัดเจน

เจี่ยงชวีเจียงยิ้มบางๆ

จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกพลันกระจ่างแจ้งอยู่ในใจ

คือปลาอ้วนตัวใหญ่ที่โง่เขลาเบาปัญญาตัวหนึ่งจริงๆ ด้วย เทียบกับบุรุษใจดำสวมงอบก่อนหน้านี้แล้วก็รับมือง่ายกว่ามาก

แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าเจ้าเด็กโง่นี่มีโชคของคนโง่ ผู้ฝึกตนตกอับทั่วไป ไหนเลยจะมีสตรีที่งดงามโดดเด่นถึงเพียงนี้คอยติดตามอยู่ข้างกาย อีกทั้งยังสามารถเดินทางมาถึงภูเขากระจกวิเศษนี่ได้อย่างปลอดภัยด้วย? เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็ให้บุตรสาวของตนเป็นภรรยาหลวงของเจ้าเด็กนี่ ให้สตรีผู้นี้เป็นอนุ…เป็นสาวใช้ได้ยิ่งดี!

จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกยิ้มกล่าว “คุณชายท่านนี้ เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าข้าผู้อาวุโสก็คือเทพแห่งผืนดินของภูเขากระจกวิเศษลูกนี้ แต่บุตรสาวของข้ากลับเป็นแม่ย่าลำคลองของธารลึกบนภูเขา คิดจะได้โชควาสนาของที่แห่งนี้ไปครองก็ห้ามขาดพวกเราสองพ่อลูกเด็ดขาด เจ้ารอสักครู่ ข้าผู้อาวุโสไปจะไปเรียกบุตรสาวมาเดี๋ยวนี้ คุณชายเป็นมังกรในกลุ่มคน ก็สมควรได้รับโชควาสนานั้นไป หากโชควาสนามีสติปัญญาก็อาจถึงขั้นกระโดดเข้ามาในอ้อมอกของคุณชายด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นแม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจทนสิ่งนี้ได้ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจทนสิ่งนี้ได้…คุณชายรอสักครู่ ข้าผู้อาวุโสไปแปบเดียวเดี๋ยวก็กลับมา บุตรสาวคนนั้นของข้ารูปโฉมงดงามล่มบ้านล่มเมือง นางเลื่อมใสบุรุษผู้หล่อเหลาดุจต้นไม้หยกรับลมอย่างคุณชายมากที่สุดแล้ว…”

เจี่ยงชวีเจียงอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย

เทพหญิงสิงอวี่เอ่ยถาม “จะขึ้นเขาไปหาสมบัติจริงๆ หรือ?”

เจี่ยงชวีเจียงขมวดคิ้ว นี่เป็นการเตือนครั้งที่สามของนางแล้ว?

เจี่ยงชวีเจียงถามเสียงเบา “ซูสื่อ หากโชคดีและพิบัติภัยยากจะแยกแยะจริงๆ ในเมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาการอนุมาน จะมีโชคกี่ส่วนและภัยกี่ส่วน?”

เทพหญิงตอบกลับ “ค่อนข้างจะแปลกประหลาด ตอนที่ออกมาจากนครปี้ฮว่า โชคและภัยคือเก้าต่อหนึ่ง พอเดินผ่านซุ้มประตูหินทางเข้าหุบเขาผีร้ายมา โชคและภัยเปลี่ยนเป็นเจ็ดต่อสาม ตอนนี้กลายเป็นว่าห้าต่อห้าเท่ากันแล้ว”

เจี่ยงชวีเจียงมองเทพหญิงสิงอวี่ที่มีท่าทางเย็นชาอยู่ตลอดเวลา เวลานี้พอนางขมวดคิ้วน้อยๆ กลับทำให้จิตวิญญาณของคนแกว่งไกวได้ถึงเพียงนี้ สายตาของเขาเลื่อนลอยไปเล็กน้อย เพียงแต่ว่าตลอดทางที่ต้องระหกระเหิน อุปสรรคที่พบเจอระหว่างการหนีภัยมา ความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญที่ล้วนเผชิญมาทุกรูปแบบ ทำให้เขาสามารถเก็บอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จึงยิ้มกล่าวว่า “ห้าต่อห้า? ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากแล้ว ขึ้นเขา!”

ตอนนั้นเพราะแผ่นหยกสืบทอดจากบรรพบุรุษแผ่นนั้นทำให้ถูกเซียนซือบนภูเขาหมายตาอยากครอบครอง ตระกูลจึงพบเจอกับหายนะและโศกนาฎกรรมที่มาเยือนอย่างเฉียบพลัน ตระกูลที่เดิมทีมีชื่อเสียงมีบรรดาศักดิ์ กลับกลายเป็นว่าเหลือเพียงเขาคนเดียวที่รอดชีวิต เขาหนีหัวซุกหัวซุนลงใต้มาตลอดทาง ต่อให้ตายก็ต้องมาตายอยู่ที่ชายหาดโครงกระดูก นี่เพื่ออะไร ก็เพื่อเดิมพันหนึ่งในหมื่นนั้น แค่หนึ่งในหมื่นเท่านั้น!

เพียงไม่นานจิ้งจอกเฒ่าก็พาสตรีที่กางร่มคันเล็กสีเขียวมรกตอย่างเหวยไท่เจินกลับมา

เด็กสาวภูตจิ้งจอกเห็นบุรุษหนุ่มผู้นั้นแล้วก็เหมือนโดนฟ้าผ่า พวงแก้มขึ้นสีเลือดแดงปลั่ง

แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

ในใจของจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกลอบดีใจ มีลุ้นแล้ว!

บุรุษหนุ่มคนนั้นพอเห็นบุตรสาวของตนก็อึ้งตะลึงไปเหมือนกัน

เฮ้อ แต่เจ้าเด็กนี่ออกจะโง่ไปสักหน่อย

ทว่าพอจิ้งจอกเฒ่ามาคิดดูอีกที นี่ก็เป็นเรื่องดีที่ใหญ่เทียมฟ้าเลยนี่นา

บุตรเขยในอนาคตโง่สักหน่อย มีเงินมากอีกหน่อย ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเจ้าผีฉลาดสวมงอบผู้นั้นกระมัง?

คนเรามักจะกลัวการเปรียบเทียบเสมอ เมื่อจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกมองคนหนุ่มผู้นี้อีกครั้งก็รู้สึกสบายตาขึ้นเยอะ

และเวลานี้เอง คนหนุ่มร่างกำยำผู้หนึ่งก็วิ่งตะบึงเข้ามา มือสองข้างของเขาแยกกันจับจิ้งจอกเฒ่าและเหวยไท่เจิน ส่ายหน้าอย่างแรงพลางเอ่ยว่า “อย่าไปนะ ไปไม่ได้! หยางฉงเสวียนอาจจะกำลังรอวันนี้อยู่! คำทำนายเรื่องดวงแต่งงานที่นักพรตซึ่งเดินทางผ่านมามอบให้แก่พี่สาวข้าในปีนั้นอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป! ผู้ฝึกตนบนภูเขาเหล่านั้น แต่ละคนล้วนมีอุบายลึกล้ำไม่ด้อยไปกว่ากัน…”

จิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกเดือดดาลอย่างหนัก เขาสะบัดมือสองข้างของอีกฝ่ายทิ้งก่อน จากนั้นก็เตะเจ้าลูกโง่ผู้นี้จนปลิวออกไป “อย่ามาทำตัวขัดเรื่องสำคัญในชีวิตของพี่สาวเจ้าอยู่ตรงนี้”

เหวยเกาอู่ดิ้นรนลุกขึ้นยืน ยังคิดจะขัดขวางไม่ให้พี่สาวขึ้นเขา แต่กลับถูกจิ้งจอกเฒ่าโยนไม้เท้าเข้ากลางหน้าผาก สองตาของเขาเหลือกขึ้น ผงะล้มแล้วลุกไม่ขึ้นอีก มีเพียงเสียงที่ดังแผ่วราวกับเสียงยุง “ขึ้นเขาไม่ได้นะ…”

เทพหญิงสิงอวี่มองจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกและเด็กสาวถือร่มที่ความรักผลิบานผู้นั้น

ไม่รู้ว่าเหตุใด นางถึงได้รู้สึกว่าเวลาที่มองพวกเขาแล้วเหมือนตัวเองคือคนที่อยู่สูงหลุบตามองต่ำ จิตใจราบเรียบไร้ริ้วคลื่นกระเพื่อมได้ถึงเพียงนี้

ถ้าอย่างนั้นสตรีที่ยืนอยู่ใต้ภาพวาดแล้วชี้นิ้วบงการตน ยามที่นางมองตนก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกันใช่หรือไม่?

นางเป็นใครกันแน่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!