เฉินผิงอันขมวดคิ้ว
บัณฑิตยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พี่ชายคนดี เอาชนะเจ้าได้หนึ่งครั้ง ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ”
เฉินผิงอันกล่าว “เจ้ารังเกียจว่าเงินมากจะหนักมือเกินไปหรือ?”
บัณฑิตยิ้มพลางส่ายหน้า “ก็แค่ไม่อาจทำใจให้สงบได้เท่านั้น อัดอั้นมานาน ก่อนจะจากไป หากไม่เอาชนะสักครั้ง ข้ากลัวว่าจิตแห่งเต๋าจะได้รับความเสียหาย”
เฉินผิงอันจุ๊ปากพูด “เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลอย่างพวกเจ้าไม่เห็นเงินเป็นเงินก็แล้วไปเถิด ยังไม่เห็นสมบัติอาคมเป็นสมบัติอาคมอีกด้วยหรือ”
บัณฑิตถอนหายใจ “ข้าต้องไปแล้ว หากไม่เป็นเพราะเพื่อการเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ นี่ ก่อนหน้านั้นข้าก็คงไปแล้วไม่กลับมาจริงๆ หันหลังได้ก็หนีไปแล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ไม่ส่ง”
บัณฑิตลุกขึ้นยืน พูดเสียงเบาว่า “พี่ชายคนดี หวังว่าจะมีวาสนาได้พบกันอีก”
เฉินผิงอันสีหน้าซับซ้อน เขาเองก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะพูด แต่สุดท้ายก็ไร้คำพูดใดๆ
ดูเหมือนบัณฑิตจะเดาความคิดของเฉินผิงอันได้จึงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “สมกับเป็นพี่ชายคนดีจริงๆ!”
พอกล่าวจบ บัณฑิตก็กลายร่างเป็นควันดำระลอกหนึ่งที่มุดหายไปใต้ดิน
บัณฑิตไปจากที่แห่งนี้จริงๆ อย่างปากว่า
เฉินผิงอันอยู่ต่อในศาล ฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู
ตั้งแต่ม่านราตรีดำมืดไปจนฟ้าสาง
เฉินผิงอันลืมตาขึ้น
บนพื้นยังมีปิ่นหยกสีมรกตที่หักออกเป็นสองท่อนนั้นวางอยู่
เฉินผิงอันไม่ได้ไปแตะต้องมัน
เขาลุกขึ้นยืน กระโดดขึ้นไปบนหัวกำแพง แล้วพุ่งตัวจากไป
ทิ้งปิ่นที่ต่อให้หักเป็นสองท่อน ไม่มีปราณวิญญาณหลงเหลือแล้ว แต่กลับยังเป็นวัสดุของสมบัติอาคมชิ้นนั้นเอาไว้ที่เดิม
มุ่งหน้าไปยังเมืองชิงหลู
ไม่ได้ไปหาสมบัติหรือเก็บตกของดีที่โพรงมังกรเฒ่าซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นฝูงมังกรที่ไร้หัวไปแล้วแต่อย่างใด
แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่เชื่อบัณฑิตผู้นั้น
ส่วนฟู่ไห่หยวนจวินที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสาวใช้ของเขาแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนที่บัณฑิตกลับมาที่ศาลเพียงลำพัง นางจะไปอยู่ที่ไหน? ทำอะไร? ก็เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง
ต่อให้ความจริงจะไม่เป็นอย่างนั้น
แต่เฉินผิงอันก็ยังคงเลือกจะกระทำเรื่องนี้โดยอิงตามการคาดเดาที่เลวร้ายที่สุดอยู่ดี
เพียงแต่ว่าจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง
หลังจากผ่านไปนานมากแล้ว บัณฑิตที่จากไปก็ย้อนกลับมา มายืนอยู่บนขั้นบันได ก้มหน้ามองปิ่นที่หักออกเป็นสองท่อนแล้วส่ายหน้า “น่าเสียดายนัก ทำไมถึงไม่เก็บเอาไปนะ ไม่อย่างนั้นก็คงจะระเบิดวัตถุจื่อชื่อของเจ้าให้เละได้แล้ว”
เขาหยิบปิ่นหยกสองท่อนใส่ไว้ในชายแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ แล้วถึงได้จากไปอย่างแท้จริง
คราวนี้บัณฑิตไม่ได้มุดหายไปใต้ดิน แต่เดินอาดๆ ทะยานลมอยู่บนลำคลองเฮยเหอ กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากถูกผ่ากลาง เนิ่นนานก็ยังไม่ประสานตัวกลับเข้าด้วยกัน
ชายแขนเสื้อใหญ่ทั้งสองข้างของบัณฑิตโบกสะบัดโพงป่อง ส่งเสียงดังฟึ่บฟั่บไปตามสายลม เขาพึมพำเบาๆ ว่า “คนเราอย่าได้อยู่ว่างมากเกินไป เพราะความคิดที่วุ่นวายจะบังเกิดเหมือนวัชพืชที่งอกงาม ยุ่งมากเกินไปก็จะทำให้สันดานที่แท้จริงถดถอย กลุ่มคนแตกกระเจิดกระเจิง ดังนั้นถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่า คนที่พอจะมีความสามารถสักหน่อยจะไม่ยอมให้กายและใจเหน็ดเหนื่อยเกินไป และไม่ยอมลุ่มหลงอยู่ในอบายมุขทั้งวันทั้งคืน”
เขาทะยานลมเลียบลำคลองเฮยเหอลงใต้ไปตลอดทาง ระหว่างทางก็แค่ชำเลืองมองไปยังทิศทางของภูเขากระจกวิเศษแวบหนึ่ง แต่กลับไม่ขยับเข้าไปใกล้แถบนั้น
นี่คือข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียวที่ทางตระกูลมีต่อการออกเดินทางของเขาในครั้งนี้
ห้ามเข้าใกล้ภูเขากระจกวิเศษ
บัณฑิตสะบัดข้อมือ ในมือก็ปรากฏเชือกกักปีศาจเส้นนั้น ที่แท้ปลายอีกด้านหนึ่งของมันก็มัดฟู่ไห่หยวนจวินเอาไว้ และเวลานี้เขาก็กระชากสตรีร่างกำยำออกมาจากใต้น้ำ
บัณฑิตบิดหมุนข้อมืออีกครั้ง เหวี่ยงให้อีกฝ่ายกระแทกลงไปในน้ำของลำคลองเฮยเหออย่างแรง
ก่อให้เกิดคลื่นสูงหลายสิบจั้งน่าตกใจ
บัณฑิตพลิ้วกายลงไปที่ปลายสุดทางทิศใต้ของลำคลองเฮยเหอ เก็บเชือกกักปีศาจเส้นนั้นมา สตรียืนโงนเงนอยู่ด้านข้าง
บัณฑิตเริ่มสาวเท้าเดินไปทางใต้ต่ออีกครั้ง ส่วนนางก็ตามติดไปด้านหลังอย่างอกสั่นขวัญผวา
ฝีเท้าของบัณฑิตไม่หยุดนิ่ง เพียงแค่หันหน้ามายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้ามีบิดาที่ไม่เห็นแก่ความผูกพันพ่อลูก แต่ก็ยังดีที่ได้ติดตามเจ้านายที่มีคุณธรรมแห่งยุทธภพเป็นที่สุดอย่างข้า ดังนั้น เอาของมาหรือยัง?”
สตรีรีบหยิบภาชนะบรรจุน้ำซึ่งเป็นเครื่องกระเบื้องขนาดเล็กสีทองแดงออกมาจากชายแขนเสื้อ พูดเสียงสั่นว่า “ข้าทำตามคำสั่งด้วยการไปที่โพรงมังกรเฒ่ามาหนึ่งรอบ นำปลาหลั่วคู่นี้ที่พ่อข้าตั้งใจเลี้ยงมาแปดร้อยปีออกมา และยังออกคำสั่งแก่คนสนิทของพ่อข้าว่า ขอแค่คนผู้นั้นแอบแฝงตัวเข้าไปในโพรงมังกรเฒ่า ไปกระตุ้นโดนกลไกก็จะปล่อยผนังตรวจมังกรสี่ด้านออกมากักขังคนผู้นี้ไว้ทันที ต่อให้เขาหลุดรอดไปได้ กลุ่มปีศาจที่ได้รับข่าวลับก็จะต้องไปเฝ้าตอรอกระต่ายอยู่ที่นั่น คิดดูแล้วต่อให้ไอ้หมอนั่นไม่ตายก็น่าจะต้องหนังหลุดไปหนึ่งชั้น”
บัณฑิตรับภาชนะบรรจุน้ำขนาดเล็กไป ถือไว้ในมือแล้วส่ายเบาๆ ก้มหน้ามองอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นี่ต่างหากจึงจะเป็นทรัพย์สินโดยไม่คาดคิดที่ข้าอยากได้มากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้”
บัณฑิตหันหน้าไปมองทางโพรงมังกรเฒ่าของลำคลองเฮยเหอ “ส่วนทางด้านนั้น มีความเป็นไปได้มากว่าจะสิ้นเปลืองความคิดเปล่าๆ แล้ว ไม่มีทางไป ใช่ไหม พี่ชายคนดี?”
สตรีกลืนน้ำลายอย่างอดไม่อยู่
ผู้ฝึกตนที่อยู่นอกหุบเขาผีร้ายล้วนมีจิตใจน่ากลัวแบบนี้หมดเลยหรือ?
บัณฑิตชำเลืองตามองนางแวบหนึ่ง หลังจากเก็บภาชนะบรรจุน้ำใส่ไว้ในชายแขนเสื้อแล้วก็เอ่ยว่า “วางใจเถอะ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนพวกเรา แต่เจ้าเองก็โง่ไปสักหน่อย วันหน้าจะทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว จะเอาแต่ให้อายุเพิ่มขึ้นโดยที่สมองไม่เพิ่มตามไม่ได้ ได้เป็นแม่ย่าลำคลองแล้วจะสามารถเป็นเจ้าแม่เทพวารีที่ถูกต้องตามระบบได้หรือไม่ ยังต้องพึ่งตัวเจ้าเอง ข้าไม่เลี้ยงเศษสวะ ใช่แล้ว นอกจากปลาหลั่วคู่นี้ เจ้าไม่มีไหวพริบคิดจะหยิบอะไรติดไม้ติดมือมาบ้างหรือ?”
สตรีพยักหน้ารับรัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก ก่อนจะรีบหยิบเอากล่องหยกขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งออกมา “มีเจ้าค่ะ มี ท่านพ่อข้าบอกว่านี่คือเหรียญบรรพบุรุษเตียวหมู่ที่ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของหนึ่งในราชวงศ์ยุคนั้นจ้างให้เซียนสันโดษท่านหนึ่งของสำนักชิงเต๋อสร้างขึ้น”
นางหน้าม่อย “กลัวว่านายท่านจะรอนาน ข้าเลยรีบร้อนกลับมา คลังลับแห่งนั้นของท่านพ่อข้าก็มีแค่สมบัติสองชิ้นนี้เท่านั้น เอาปลาหลั่วที่อยู่ในภาชนะบรรจุน้ำมาแล้วก็หยิบกล่องใบนี้มาเพิ่ม จากนั้นข้าก็รีบกลับออกมา ไม่กล้าไปเอาของอย่างอื่นที่อื่นอีก”
บัณฑิตรับกล่องหยกมาเปิดออกดูแล้วจุ๊ปากพูด “เป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาจริงๆ คือวัตถุแห่งชะตาชีวิตชั้นเยี่ยมที่ไม่ว่าผู้ฝึกตนสำนักการค้าคนใดก็ล้วนปรารถนาแม้ในยามหลับฝัน”
บัณฑิตยิ้มกล่าว “ดีมาก นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือเทพลำคลองที่ได้รับสืบทอดตามระบบที่ถูกต้องของราชวงศ์ต้าหยวนอย่างแน่นอนแล้ว ขาดก็แค่หนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากทางราชสำนักก็เท่านั้น ไม่เป็นไร ในบ้านของข้ามีพระราชโองการที่ประทับตราหยกลัญจกรเรียบร้อยแล้วเก็บไว้เยอะมาก ผ่านไปปีแล้วปีเล่าจึงสะสมกลายเป็นกองใหญ่”
นางไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากผ่านหายนะใหญ่มาได้จะได้เจอกับข่าวดีกะทันหัน รู้สึกเพียงเหมือนอยู่กันคนละโลก
บัณฑิตหันตัวกลับแล้วออกเดินทางต่ออีกครั้ง พูดกลั้วหัวเราะเสียงดังว่า “ขอแค่ข้ายินดี จะให้เจ้าเป็นเจ้าแม่เทพแม่น้ำ จะมีอะไรยาก?”
ฝีเท้าของนางแผ่วเบาล่องลอย มองแผ่นหลังนั้นด้วยความซาบซึ้งใจแทบจะหลั่งน้ำตา
ใบหน้าของบัณฑิตประดับรอยยิ้มบางๆ ท่าทางเกียจคร้าน ชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย
ให้นางเลื่อนขั้นจากแม่ย่าลำคลองเป็นเทพลำคลอง
ไม่ได้เป็นเพราะเหรียญบรรพบุรุษเตียวหมู่อะไรทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่ามันมีมูลค่าไม่สูง
แต่เป็นเพราะทรัพย์สมบัติของสาวใช้ก็ไม่ควรเป็นทรัพย์สมบัติของเจ้านายอย่างสมเหตุสมผลหรอกหรือ? ยกสองมือประคองส่งให้ ได้รับคำชมไม่กี่คำก็ถือเป็นของรางวัลที่ยิ่งใหญ่แล้ว หากยังกล้าไม่เป็นฝ่ายส่งมอบให้ ถ้าอย่างนั้นต่อให้ถูกตีจนร่อแร่ใกล้ตาย ตากฝนฟ้าผ่าก็ล้วนถือเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า
จะว่าไปแล้วยังเป็นเพราะเขาเห็นแก่หน้าของวัดหยวนเยว่ใหญ่ ถือเป็นการผลักเรือไปตามกระแสน้ำ จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะวันหน้ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ตะพาบเฒ่าตัวนั้นจะเดินลงน้ำ…ภายใต้เปลือกตาของสกุลหยางพวกเขา
มีบุญสัมพันธ์นี้ปูเอาไว้เป็นพื้นฐาน แผนการต่างๆ มากมายของเขาก็สามารถผลักดันให้สำเร็จไปได้อย่างเป็นธรรมชาติและสมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่าพอคิดมาถึงตรงนี้
ใบหน้าของเขาก็มืดทะมึนลงในชั่วพริบตา
แผนการ?
สรุปว่าเป็นแผนการที่มีไว้เพื่อใครกันแน่? ตนหรือ?
พอนึกถึงสายตาสุดท้ายของไอ้หมอนั่นตอนอยู่ในศาล เขาก็ยิ่งไม่สบอารมณ์
สายตาเช่นนี้ไม่ใช่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ถึงขั้นไม่ใช่สายตาของความสงสารเวทนา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!