กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 497

หลี่หลิ่วพลันหัวเราะ ราวกับคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้ นางในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือสีหน้ากลับอ่อนโยนดุจสายน้ำได้ถึงเพียงนี้

แม้แต่น้ำเสียงของนางก็ยังนุ่มนวลตามไปด้วย ดวงตาคู่นั้นที่เดิมทีมีเพียงความเย็นชาถูกหลี่หลิ่วที่คลี่ยิ้มทำให้กลายเป็นวงโค้งพระจันทร์เสี้ยว “คาดว่าอีกไม่นานน้องชายของข้าก็คงใกล้จะได้ออกจากสำนักศึกษาไปฝึกประสบการณ์แล้ว ข้างกายยังขาดสาวใช้ที่ช่วยยกชาส่งน้ำให้พอดี ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเจ้าแล้วกัน”

นางยื่นนิ้วที่ประกบกันออกมาปาดตรงกรอบตาข้างนั้นของปีศาจจิ้งจอกเบาๆ

เหวยไท่เจินรู้สึกเพียงความเยียบเย็นเสียดลึกถึงกระดูก จิตวิญญาณสะท้านไหว ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ความเจ็บปวดตลอดทั้งร่างของนางกลับปลาสนาการหายไป

หลี่หลิ่วเอ่ยเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ไม่ทันนึกเรื่องนี้ก็เลยบีบดวงตาเดิมข้างนี้ของเจ้าแหลกเละไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนลูกตาใหม่ชดเชยให้ หวังเพียงว่าน้องชายข้าคนนั้นจะไม่รังเกียจเจ้าที่มีดวงตาแตกต่างกัน”

เหวยไท่เจินพลันร่วงลงสู่พื้น โชคดีที่ลอยพ้นพื้นมาไม่สูงนัก นางลุกโงนเงนอยู่เล็กน้อยก่อนจะยืนได้มั่นคง ลองกระพริบตาแรงๆ ถึงแน่ใจว่าอาการเจ็บปวดไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้วจริงๆ

เหวยเกาอู่ผู้นั้นวิ่งตะบึงมาอีกครั้ง พออยู่ห่างจากหญิงสาวอีกสิบกว่าก้าวก็พลันคุกเข่าลงหมอบกราบอยู่กับพื้น พูดเสียงสะอื้นไห้ “ขอเทพธิดาโปรดถ่ายทอดมรรคกถาให้แก่ข้า! เหวยเกาอู่ยินดีเป็นวัวเป็นม้าให้กับเทพธิดา วันหน้าเมื่ออยู่บนเส้นทางการฝึกตน ไม่ว่าขอบเขตจะสูงหรือต่ำ แม้ตายเหวยเกาอู่ก็ไม่เสียดาย!”

หลี่หลิ่วหัวเราะ “เจ้าก็คู่ควรจะเป็นวัวเป็นม้าให้ข้าด้วยหรือ?”

น้ำตาไหลนองอาบหน้าเหวยเกาอู่ โขกหัวไม่หยุด เอาแต่วิงวอนให้นางถ่ายทอดวิชาให้

เด็กสาวปีศาจจิ้งจอกขยับปากจะพูด หลี่หลิ่วกลับคว้าใบหน้าเล็กๆ ของนางเอาไว้ บนใบหน้าของฝ่ายหลังก็พลันมีรูเลือดปรากฏห้ารู หลี่หลิ่วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อมีชีวิตรอดแล้วก็ต้องหัดรู้จักทะนุถนอมเอาไว้ให้ดี”

หลี่หลิ่วเหวี่ยงตัวเด็กสาวปีศาจจิ้งจอกให้ลอยคว้างไปกระทบกับหน้าผาหินที่ห่างไปไกล ร่างของนางอ่อนยวบนอนพังพาบอยู่กับพื้น นางยกสองมือปิดหน้าเอาไว้แน่น เลือดสดไหลซึมออกมาจากร่องนิ้วไม่หยุด แต่นางก็ยังไม่กล้าส่งเสียงเล็ดรอดออกมาแม้แต่น้อย

หลี่หลิ่วมองเหวยเกาอู่ผู้นั้นแล้วถาม “เจ้าอยากจะฝึกตน?”

เหวยเกาอู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น กลับกันยังโขกศีรษะลงกับพื้นหินแรงยิ่งกว่าเก่าหนึ่งครั้ง จากนั้นก็แนบหน้าผากที่เลือดโชกติดกับพื้น ตะโกนตอบเสียงดังว่า “อยาก!”

หลี่หลิ่วกล่าว “ง่ายมาก เจ้าไปฆ่าปีศาจจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้น แล้วข้าจะถ่ายทอดมรรคกถาที่เป็นระบบสืบทอดที่แท้จริงซึ่งทำให้เจ้ามีหวังเลื่อนสู่ห้าขอบเขตบนได้ให้หนึ่งวิชา เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่มีอารมณ์จะมาล้อเล่นกับเจ้า”

ร่างของเหวยเกาอู่แข็งทื่อ จมสู่ความเงียบงัน

หลี่หลิ่วยิ้มเอ่ย “เสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายไปแล้ว หากเจ้าไม่ฆ่า ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นเจ้าที่ตาย หนึ่งคือชีวิตด้อยค่าแก่ๆ ที่ใกล้ตายเต็มทีชีวิตหนึ่ง กับอีกหนึ่งที่เป็นเส้นทางอนาคตยาวไกลบนมหามรรค เจ้าเลือกเอาเอง อยู่แค่ที่ความคิดเดียวของเจ้าเท่านั้น”

เหวยเกาอู่พลันลุกขึ้นยืนด้วยน้ำตาอาบหน้า หันหน้ากลับไปมองจิ้งจอกเฒ่าภูเขาตะวันตกที่ยังคงสลบไสลแวบหนึ่ง แล้วค่อยหันไปมองเด็กสาวปีศาจจิ้งจอกที่ส่ายหน้าอย่างแรงคนนั้น สุดท้ายเขาก็หัวเราะทั้งน้ำตา “หากข้าตาย ท่านพ่อของข้าและไท่เจินสามารถมีชีวิตรอดได้หรือไม่?”

หลี่หลิ่วพยักหน้ารับ

เหวยเกาอู่หัวเราะเสียงดังอย่างเศร้ารันทด หันหน้าไปถ่มน้ำลายแรงๆ อีกทาง “สวรรค์ชาติสุนัข!”

เขาหันหน้าไปมองทางหน้าผาหินอีกครั้ง ทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป เดิมทีเขาอยากจะบอกนางว่าบุรุษผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไร อย่าไปชอบเขา อย่าได้ไปชอบเขาเด็ดขาด

แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา

เหวยเกาอู่มองสตรีที่สูงส่งยิ่งกว่าหยางฉงเสวียนแล้วพูดเสียงสั่น “เทพเซียนที่สูงส่งอย่างพวกเจ้า ผู้ฝึกตนอย่างพวกเจ้า คือมนุษย์…อย่าได้หลอกข้าอีกเลย อย่าได้หลอกข้าอีกเลย ข้าก็แค่มดตัวน้อยตัวหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้พวกเจ้ามาหลอกลวงหรอก…”

น้ำตาของเหวยเกาอู่ไหลไม่หยุด ทว่าสายตาพลันฉายประกายเด็ดเดี่ยว ควักเอามีดกระดูกขาวปลายแหลมเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ เดิมทีคิดจะเอามาใช้ต่อสู้แลกชีวิตกับหยางฉงเสวียน แต่เวลานี้กลับถูกเขาแทงเข้าที่หัวใจของตัวเองเต็มแรง

เหวยไท่เจินกรีดร้องเสียงดัง “ไม่นะ!”

หลี่หลิ่วคลี่ยิ้มมีเลศนัย พึมพำกับตัวเองว่า “วิธีที่โง่ที่สุด การเลือกที่ถูกต้องที่สุด”

……

ภูเขาโปลั่วและภูเขากระจกวิเศษในวันนี้ต่างก็เกิดเรื่องสะท้านสะเทือนจนภูเขาโยกคลอนพื้นดินแตกแยก

บนเส้นทางลงใต้

หญิงสาวผู้หนึ่งทอดสายตามองไปเบื้องหน้า พูดเบาๆ กับเด็กสาวปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ด้านหลังว่า “น้องชายคนนั้นของข้าเป็นคนซื่อที่สุดแล้ว มักจะปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความใจดีมีเมตตา แล้วก็ไม่ซุกซนเกเรเลยสักนิด…สรุปก็คือ วันหน้าเมื่อเจ้าเป็นสาวใช้ติดตามอยู่ข้างกายเขาก็ต้องคอยปกป้องเขาให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดวิชาลับอย่างหนึ่งให้กับเจ้า พอไปถึงยอดเขาสิงโต ขอบเขตของเจ้าจะทะยานสูงขึ้นเร็วสักหน่อย ดังนั้นถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องกลัวตัวเอง”

ปีศาจจิ้งจอกพยักหน้ารับอย่างแรงพลางรับคำว่าอืมๆ

จากนั้นเด็กสาวปีศาจจิ้งจอกก็หันไปมองด้านหลังแล้วเม้มปากยิ้ม

บุรุษร่างกำยำที่เดินโผเผตามมาด้านหลังนางผู้นั้น แม้จะมีใบหน้าซีดขาว แต่ก็สามารถเดินเหินได้เป็นปกติ ก็แค่ตรงหัวใจยังมีเลือดสดไหลซึมทะลุผ้าออกมาเล็กน้อยเท่านั้น

เขาคลี่ยิ้มกว้าง

แต่เขาก็ยังอดไม่ไหวหันหน้ากลับไป มองไม่เห็นเงาร่างของบิดาแล้ว คาดว่าคงไม่กล้าติดตามมาไกลขนาดนี้

ด้านหลังของเขาก็คือบุรุษที่ชื่อว่าเจี่ยงชวีเจียงและเทพหญิงสิงอวี่

เด็กสาวเหวยไท่เจินที่อยู่ด้านหน้าในเวลานี้รู้สึกประหลาดใจ ประหลาดใจอย่างมาก สายตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย

เพราะเมื่อนางมองบุรุษผู้นั้นอีกครั้งก็ราวกับว่าจะไม่เหลืออารมณ์ใดๆ ล้อมวนเวียนอยู่ในห้องหัวใจอีกเลย

หลี่หลิ่วที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดเอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งแกว่งส่ายเบาๆ อยู่ด้านหน้า ปลายนิ้วมีเส้นด้ายสีแดงกลุ่มหนึ่งรัดพัน และเวลานี้มันกำลังค่อยๆ สลายหายไป

เมื่อด้ายแดงเสี้ยวสุดท้ายหายไปสิ้น

หลี่หลิ่วก็หลุบตาลงต่ำ ถอนหายใจอยู่ในใจ ความรักระหว่างชายหญิงบางคู่บนโลกใบนี้ที่สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าเป็นหรือตาย แท้จริงแล้วกลับไม่อาจทนรับแรงกระทบกระเทือนได้เลยแม้แต่น้อย

หลี่หลิ่วไม่ได้หันหน้ากลับไป เพียงเอ่ยกับเทพหญิงสิงอวี่ว่า “พวกเจ้าไม่ต้องตามมาแล้ว ซูสื่อ จำไว้ว่าเจ้ามีสัญญาหกสิบปี อย่าได้ตายไปง่ายๆ เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าก็ย่อมมีวิธีที่จะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ตายก็ไม่ดี ต้องทนรับกับความทุกข์ทรมานที่เจ้าไม่อาจจินตนาการได้ถึงเลย”

เดิมทีเทพหญิงสิงอวี่ไม่ควรมีความหวาดกลัวต่อความเป็นความตาย ทว่าเวลานี้ในใจนางกลับหวาดผวาเป็นที่สุด ความตื่นตระหนกทบทวี แต่ขณะเดียวกันก็คล้ายจะโล่งอก หลังจากที่นางผงกศีรษะ ‘รับคำสั่ง’ แล้วก็คว้าไหล่ของเจี่ยงชวีเจียงที่ท่าทางหมดอาลัยตายอยากทะยานลมจากไป

……

ณ ตำหนักหยางฉาง

ตรงประตูใหญ่ที่เดิมทีมีแค่ภูตลูกกระจ๊อกสองตนที่กอดทวนไม้ไว้ในอ้อมอก เวลานี้เหลือเพียงตนเดียวแล้ว

เฉินผิงอันยิ้มพลางเดินเข้าไปหาช้าๆ

ภูตหนูตนนั้นอึ้งตะลึงอยู่กับที่ ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน มือถือทวน พูดเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร จงบอกชื่อแซ่มาเดี๋ยวนี้!”

อันที่จริงมันจำคนตรงหน้าผู้นี้ได้แล้ว แต่ก็ยังต้องตวาดถามพอเป็นพิธี

เฉินผิงอันโบกมือบอกเป็นนัยกับมันว่าไม่ต้องแสร้งทำแล้ว เขาถามว่า “ตำราพิชัยยุทธของบรรพบุรุษเจ้าหายไปทั้งหีบ เขาไม่ได้มาระบายความโกรธใส่เจ้าหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!