หลังจากฟ้าสาง เฉินผิงอันก็พลันตื่นขึ้นมา รู้สึกเพียงว่าสดชื่นปลอดโปร่ง เลือกเอาสิ่งของใส่ห่อผ้าใบใหม่แล้วเดินทางไปเยือนนครถงโช่วอีกครั้ง คราวนี้ในที่สุดก็ได้เจอกับผีผู้บัญชาการณ์คนนั้นเสียที เฉินผิงอันร้อนใจยิ่งกว่าอีกฝ่ายเสียอีก เขารีบโยนเงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งออกไป และภายใต้การนำของแม่ทัพผีคนเฝ้าประตู ก็ได้ยินคำพูดมงคลที่บอกว่าขอให้ ‘เงินทองไหลมาเทมา’ อีกครั้ง เฉินผิงอันตรงดิ่งไปที่ตรอกผงทองทันใด คราวนี้ถังจิ่นซิ่วมารออยู่ที่หน้าประตูร้านก่อนแล้ว
พอเห็นเฉินผิงอัน นางก็ยิ้มกล่าวว่า “เซียนซือผู้เฒ่า ท่านช่วยบอกข้าให้แน่ใจทีเถอะว่า วันพรุ่งนี้จะยังมาอีกหรือไม่ หากยังมา วันนี้ข้าจะได้ปูผ้านอนอยู่ในร้าน!”
เฉินผิงอันพูดกลั้วหัวเราะเสียงดัง “หลังจากวันนี้ไปคงยังไม่มีสมบัติอะไรมาขายอีกชั่วคราวแล้วจริงๆ ต้องโทษข้า เมื่อคืนวานดื่มเหล้าเข้าไป พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที นี่ถึงทำให้ตอนกลางคืนข้าไม่ได้ออกจากโรงเตี๊ยมไปหาเก็บของดีอย่างไรล่ะ คำกล่าวที่ว่าความเมานำพาความผิดพลาดก็หนีไม่พ้นเช่นนี้เอง”
วันนี้หลังจากถังจิ่นซิ่วตรวจดูของทุกชิ้นเสร็จแล้วก็เลือกออกมาหกชิ้น ให้เงินห้าเหรียญร้อนน้อย
แม้ว่าจะไม่อาจเทียบได้กับวันแรก แต่เมื่อเปรียบกับเมื่อวานที่ทั้งสองฝ่ายได้แต่จ้องตากันไปมาอยู่ในร้าน สภาพการณ์ชวนกระอักกระอ่วนที่คนหนึ่งสายตาสอบถามว่าจะไม่ซื้อจริงๆ หรือ? ส่วนอีกคนหนึ่งสายตาตอบกลับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าข้าซื้อไม่ลงจริงๆ แล้วล่ะก็ การค้าขายของสองฝ่ายในวันนี้ก็เรียกได้ว่าชื่นมื่นกว่ามากนัก
เฉินผิงอันเก็บเงินร้อนน้อยและห่อผ้าไปแล้ว ถังจิ่นซิ่วที่เดินมาส่งเขาหน้าประตูก็พูดสัพยอกว่า “เซียนซือผู้เฒ่า พรุ่งนี้ไม่มาอีกจริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันจับประคองงอบ หันหน้ามายิ้มให้นาง “พรุ่งนี้เหนียงเนียงเสนาบดีนอนหลับให้สบายใจเถิด”
ถังจิ่นซิ่วอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “ตกลง”
เฉินผิงอันคิดแล้วก็ยังคงหันตัวกลับมา กุมหมัดเอ่ยลา “รบกวนแล้ว”
ถังจิ่นซิ่วเองก็ยอบกายคารวะกลับ พูดพร้อมยิ้มหวาน “ผู้อาวุโสเซียนกระบี่เดินทางปลอดภัย หากมีเวลาว่างก็เชิญมาอีก”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
จู่ๆ ถังจิ่นซิ่วก็อดกลั้นไม่ไหว ยิ้มเอ่ยว่า “เซียนกระบี่ท่านนี้ วันหน้าอย่าได้บุกไปกวาดค้นสิ่งของในห้องหับของสตรีอีกเลย จะเป็นการลดสถานะตัวเองเสียเปล่าๆ”
คราวนี้เฉินผิงอันไม่ได้หันกลับมา เพียงสาวเท้าเร็วๆ ก้าวจากไป
ถังจิ่นซิ่วเอามือหนึ่งกุมท้อง อีกมือหนึ่งปิดปาก ถึงอย่างไรนางก็ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา นางกลัวว่าเซียนกระบี่หนุ่มที่ทั้งหน้าหนาและหน้าบางในเวลาเดียวกันผู้นั้นจะปล่อยกระบี่บินใส่ตน
ตอนที่เฉินผิงอันเดินออกจากประตูเมืองก็ไม่ลืมมอบเงินเกล็ดหิมะอีกหนึ่งเหรียญให้กับผู้บัญชาการณ์ที่เฝ้าประตูคนนั้น เขาเดินออกจากประตูเมืองมาได้ไม่กี่ก้าว อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็หยุดฝีเท้า หันหน้ากลับไปมองพลางพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็ควักเอาเงินเทพเซียนอีกเหรียญออกมาแล้วโยนให้อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล คราวนี้ไม่ใช่เงินเกล็ดหิมะอะไรแล้ว แต่เป็นเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญ เฉินผิงอันพูดกลั้วหัวเราะเสียงกังวานว่า “ท่านแม่ทัพสามารถเอาเงินนี้ไปเลี้ยงสุราที่ดีที่สุดในนครแก่เหล่าพี่น้องได้”
ผีผู้บัญชาการณ์ตนนั้นรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป หันกลับมามองเงินร้อนน้อยที่อยู่ในมือเหรียญนั้นซ้ำหลายรอบ จากนั้นก็ฉีกปากกว้างหัวเราะเสียงดัง “ประเสริฐยิ่งนัก! ในนครถงโช่วของพวกเรา เจ้าของสิ่งนี้คือบรรพบุรุษของเงินเทพเซียนอย่างแท้จริง มีค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งนั้น!”
ระหว่างทางที่เฉินผิงอันย้อนกลับไปเมืองชิงหลู ด้วยอยู่ว่างไม่มีอะไรทำก็เลยเริ่มเดินนิ่งหกก้าว เพราะถึงอย่างไรท่าฟ้าดินนั้นก็แปลกประหลาดเกินไป
ยิ่งเดินนิ่ง จิตใจก็ยิ่งสงบ
โดยไม่ทันรู้ตัวเฉินผิงอันก็มาถึงเมืองชิงหลูแล้ว เขาหัวเราะกับตัวเอง แล้วเดินนิ่งหกก้าวต่อไปจนถึงโรงเตี๊ยม เพราะเหลือระยะทางอีกแค่ไม่กี่ก้าวแล้ว
ไปถึงห้องในโรงเตี๊ยมก็เก็บห่อผ้าเข้าไปไว้ในวัตถุจื่อชื่อ
ร้านผ้าห่อบุญในหุบเขาผีร้ายนี้ นับว่าทำได้พอสมควรแล้ว
พอนึกถึงเงินร้อนน้อยเหรียญสุดท้ายที่มอบให้ไป เฉินผิงอันก็สูดลมหายใจเข้าลึก
เฉินผิงอันนั่งอยู่ข้างโต๊ะ สูดหายใจเข้าลึกอีกครั้งราวกับว่าตัดสินใจจะทำบางอย่างได้อย่างเด็ดขาดแล้ว จึงไม่เหลือความคิดวุ่นวายอื่นใด ครั้นจึงหยิบพู่กันหมึกและกระดาษยันต์สีทองสองแผ่นออกมาจากวัตถุฟางชุ่นอีกครั้ง เริ่มเขียนยันต์ย่อพื้นที่
เขียนเสร็จในรวดเดียว
หลังจากพักผ่อนครู่หนึ่งก็สะบัดข้อมือ ลุกขึ้นเดินนิ่งหกก้าวอยู่ในห้องต่อ พอนั่งลงก็เขียนยันต์ย่อพื้นที่แผ่นที่สองอีกครั้งในรวดเดียว
เมื่อเขียนยันต์ย่อพื้นที่ทั้งสองแผ่นเสร็จก็เก็บเข้าไปไว้ในชายแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง
เฉินผิงอันหลับตาลง เริ่มทบทวนประสบการณ์ทั้งหมดนับตั้งแต่ที่ตนเข้ามาในหุบเขาผีร้ายอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ
ตั้งแต่ซุ้มประตูหินที่ตนเดินผ่านมาพร้อมกับพวกกลุ่มของหยวนเซวียนศาลซานหลางและคู่บำเพ็ญตนคู่นั้น มาจนถึงสันเขาอีกา ภูเขากระจกวิเศษ ป่าท้อ ภูเขาโปลั่ว…สุดท้ายคือที่ริมตลิ่งลำคลองเฮยเหอ
หลวงจีนผู้นั้นเคยกล่าวว่า กลับใจคือฝั่ง
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่หน้าประตูเมือง อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็นึกถึงสี่คำนี้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วถึงได้มอบเงินร้อนน้อยเหรียญนั้นออกไป
หลังจากลืมตาขึ้น เฉินผิงอันก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ครู่หนึ่งต่อมาก็หยิบสิ่งของใหม่ๆ จากในวัตถุจื่อชื่อมาใส่ไว้ในห่อผ้า ยกตัวอย่างเช่นภาพเทพเซียนตีกันหลายแผ่นที่อยู่ในห้องของปี้สู่เหนียงเนียง รวมไปถึงแส้ไม้ไผ่สีทองห้าเส้นนั้น!
พอออกจากโรงเตี๊ยม เฉินผิงอันไม่ได้ตรงดิ่งไปที่เมืองถงโช่ว แต่ไปที่ร้านเหล้าในเมืองเล็ก สั่งเหล้ามาดื่มอีกหนึ่งถ้วย
ตอนที่ผู้เฒ่าซึ่งเป็นเถ้าแก่ร้านนำถ้วยเหล้ามาวางไว้บนโต๊ะก็อดไม่ไหวเอ่ยว่า “เซียนกระบี่น้อยท่านนี้ ทำไมหรือ เพิ่งจะทำการค้าที่เมืองถงโช่วเสร็จก็จะกลับไปหาเงินอีกแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มบางเอ่ยว่า “เงินเทพเซียนไม่มีขา อยู่ในกระเป๋าของคนอื่นก็ยิ่งไม่มีทางย้ายรัง ก็ได้แต่ต้องวิ่งไปวิ่งมาด้วยตัวเองแล้ว”
ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าเถ้าแก่ร้านเคยรับรองคนผู้นี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงรู้ว่าเซียนกระบี่หนุ่มตรงหน้าผู้นี้ยังมีโฉมหน้าอีกอย่างหนึ่ง จึงเอ่ยสัพยอกว่า “ได้พบกับถังจิ่นซิ่วน้องสาวเจ้านครถังหรือยัง? หากอยากจะได้เงินมาจากนางมากๆ ข้าก็แนะนำเจ้าว่าอย่าสวมหน้ากากคนแก่นี่เลย”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าหนึ่งอึกแล้วพูดล้อเล่นว่า “อย่าดีกว่า ไม่อย่างนั้นหากนางถูกใจขึ้นมาจะไม่กลายเป็นปัญหาหรอกหรือ”
เถ้าแก่ผู้เฒ่าหัวเราะร่าอย่างชอบใจ “ก็จริงนะ”
ผู้เฒ่าเห็นว่าเฉินผิงอันยังคงค่อยๆ จิบเหล้าคำเล็กอยู่อย่างนั้นจึงถามอีกว่า “เจ้าเป็นถึงเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับไปทำตัวเป็นร้านผ้าห่อบุญเหมือนพวกผู้ฝึกตนอิสระที่เมืองถงโช่วมากี่รอบแล้ว? ไม่กลัวว่ากลิ่นสาบทองแดงจะติดตัวหรือไร?” (ถงโช่วคือกลิ่นเหม็นของทองแดง บนร่างเหม็นกลิ่นทองแดงจึงเปรียบเปรยถึงการกระทำของคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ เห็นแก่เงินอย่างเดียว)
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ครั้งนี้น่าจะได้มาเยอะหน่อย หลายครั้งก่อนหน้านั้นก็แค่อุ่นมือ ลองหยั่งเชิงดูรสนิยมของนางก็เท่านั้น”
เฉินผิงอันดื่มเหล้าหมดแล้วก็ตรงไปที่นครถงโช่ว ผลกลับกลายเป็นว่าแม่ทัพผีผู้นั้นไม่ได้อยู่ที่หน้าประตู
เฉินผิงอันคล้ายจะผิดหวังอย่างมาก ถามทหารผีคนหนึ่งที่เฝ้าหน้าประตูว่าแม่ทัพคนนั้นไปไหน พลทหารผีจึงบ่นให้ฟังว่า “เรียนเซียนซือผู้เฒ่า ก็เพราะว่าท่านมอบเงินเกล็ดหิมะให้เขาใช่ไหมล่ะ ใต้เท้าแม่ทัพก็เลยไปหาความสำราญที่ตรอกบุตรสาวแล้ว พวกเราต้องทำหน้าที่ ก็เลยไม่ได้ดื่มเหล้ากับเขาเลย”
เฉินผิงอันทำสีหน้าพูดไม่ออก ทอดถอนใจหนึ่งครั้ง หมุนตัวได้ก็เดินจากไปทันที แต่จากนั้นก็หันกลับมาอีกครั้ง โยนเงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งให้พลทหารผีผู้นั้นพลางกำชับว่า “จำไว้ว่าไปบอกแม่ทัพของพวกเจ้าสักคำว่าพรุ่งนี้ข้าจะยังกลับมาที่นครถงโช่วของพวกเจ้าอีก เขาต้องอยู่ด้วยนะ”
พลทหารผีรับเงินไปแล้วก็ดีใจเป็นกำลัง รีบพยักหน้าค้อมเอว พูดเสียงดังว่า “เซียนซือผู้เฒ่าวางใจได้เลย พรุ่งนี้ต่อให้ต้องจับท่านแม่ทัพมัด ข้าน้อยก็จะพาเขามาให้ได้”
เฉินผิงอันกลับไปถึงโรงเตี๊ยมเมืองชิงหลูแล้วก็ปิดประตูไม่ออกไปไหนอีก
……
นครจิงกวานทางทิศเหนือของหุบเขาผีร้าย เกาเฉิงเจ้านครที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกขาวตัวสูงค่อยๆ หุบฝ่ามือเข้าด้วยกัน หลังจากที่คนหนุ่มผู้นั้นไม่ได้พบกับผีเฝ้าหน้าประตูที่เป็นดั่งดาวนำโชคของเขาก็หวนกลับไปที่เมืองชิงหลูด้วยความผิดหวัง ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้านครจิงกวานคลี่ยิ้มหยัน
เวลานี้เกาเฉิงไม่ได้อยู่ในสภาพของโครงกระดูกขาวโพลนอีกต่อไป แต่กลับคืนมามีสภาพเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่ารูปโฉมของเขาก็ยังคงธรรมดาสามัญ
พรุ่งนี้จะไปที่นครถงโช่วอีก?
เกาเฉิงหวนนึกถึงน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่คนหนุ่มห้อยไว้ตรงเอว
เขากดด้ามดาบเบาๆ แล้วเริ่มรอคอยให้สตรีเจ้าสำนักผู้นั้นจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!