กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 502

เฉินผิงอันพลันขมวดคิ้ว

มองไปยังเสาคานอันหนึ่งที่อยู่ในศาล

บนนั้นมีคนผู้หนึ่งลุกขึ้นนั่ง คือชายฉกรรจ์คิ้วหนาดก ห้อยดาบไว้ตรงเอว ห้อยเท้าสองข้างลงมาจากคาน เขาอ้าปากหาว ฉีกยันต์กระดาษเหลืองแผ่นหนึ่งที่ติดอยู่บนร่างออกอย่างเกียจคร้าน ครั้นแล้วยันต์ก็แตกสลายกลายเป็นเศษผง

หญิงชรามีสีหน้าตื่นตะลึง

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นยิ้มกล่าว “ไม่ใช้เหยื่อล่อสักหน่อยก็ตกปลามาไม่ได้”

ชายฉกรรจ์ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ ขณะเดียวกันก็สะบัดชายแขนเสื้อ ปราณวิญญาณกลุ่มหนึ่งเหมือนงูวิเศษที่เลื้อยไปบนผนังสี่ด้าน จากนั้นพอเขาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง บนกำแพงทั้งในและนอกศาลก็พลันมียันต์แสงสีทองหลายแผ่นปรากฏขึ้นมา ภาพในยันต์ดุจนกที่โบยบิน

ก่อนกลุ่มคนโง่ในหมู่ชาวบ้านกลุ่มนั้นจะออกเดินทาง เขาก็แอบแฝงตัวเข้ามาในศาลสุ่ยเซียนแห่งนี้ก่อนแล้ว หลังจากวาดยันต์เรียบร้อยก็ใช้วิชาเฉพาะของยันต์และเวทคาถาลับหลบซ่อนตัวตนเหมือนวิชาลมหายใจเต่า ถึงได้สามารถเก็บซ่อนลมปราณทั้งร่างของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำผู้นี้คงตกใจเผ่นหนีไปแล้ว ส่วนยันต์กักบริเวณพวกนั้นก็ยิ่งเป็นวิชายอดเยี่ยมที่ขึ้นชื่อของสำนัก มีชื่อว่ายันต์ดินหิมะ หรืออีกชื่อว่ายันต์นกบิน เมื่อวาดยันต์สำเร็จ จะสามารถอำพรางตัวได้อย่างดีเยี่ยม ยากที่จะจับสังเกตได้ เหมือนห่านหงส์บินโฉบหิมะ แม้บางครั้งจะทิ้งรอยกรงเล็บเอาไว้ แต่ไม่นานก็บินทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง ไหนเลยจะจำได้ว่าตนเองทิ้งร่องรอยไว้ตรงไหน

แต่นอกจากสุดยอดวิชาการเขียนยันต์นี้แล้ว ถึงอย่างไรสำนักของตนก็เป็นสำนักการทหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการลอบสังหาร แล้วยังไม่เหมือนกับกองกำลังสำนักการทหารทั่วไป เป็นเหตุให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักส่วนใหญ่ล้วนไปทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์อยู่ข้างกายพวกแม่ทัพอัครเสนาบดีในราชวงศ์โลกมนุษย์ทั้งหลาย แม้ว่าบนอาณาเขตของหลายสิบแคว้นนี้ สำนักของเขาจะไม่ถือว่าเป็นกองกำลังตระกูลเซียนลำดับสูงสุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูแคลน เพียงแต่ว่าเขานิสัยพยศบ้าระห่ำ ไม่ชอบพันธนาการ เวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาจึงมักจะชอบลงจากภูเขามาอยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ยินดีเป็นหัวไก่แต่ไม่ยอมเป็นหางหงส์ เวลาไม่มีอะไรทำก็มักจะไปหยอกเย้าพวกจอมยุทธผู้ห้าวหาญในยุทธภพทั้งหลายที่เหมือนปลาหนีชิวในน้ำ เหมือนไส้เดือนบนภูเขา เป็นตายขึ้นอยู่กับข้า นับว่าสะใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจอมยุทธหญิงที่ยิ่งมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างออกไป

เวลานี้ชายฉกรรจ์มองหญิงชราและเด็กสาวสองคนเป็นดั่งของในกระเป๋าของตัวเองแล้ว

หญิงชราถามเนิบช้าว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดเซียนซือท่านนี้ถึงต้องวางแผนล่อข้าออกมาจากทะเลสาบ? อีกทั้งยังกระทำการเช่นนี้ในบ้านของข้า นี่ไม่ค่อยดีเท่าไรกระมัง?”

ชายฉกรรจ์ยื่นมือออกมาคว้าจับ กาเหล้าใบหนึ่งก็ลอยจากข้างกองไฟไปอยู่ในมือ เขาแหงนหน้ากระดกเหล้าอึกใหญ่ จากนั้นก็ขว้างทิ้งอย่างแรง พูดอย่างรังเกียจว่า “เจ้าพวกลูกกระต่ายกลุ่มนี้ซื้อของเส็งเคร็งอะไรมา กลิ่นเยี่ยวเหม็นฉุนขนาดนี้ก็เพราะดื่มเหล้าแบบนี้นี่เอง ก็ไม่แปลกที่สมองจะไม่ค่อยสมประดีสักเท่าไหร่”

ดูเหมือนชายฉกรรจ์จะไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง เขาจ้องเขม็งไปที่หญิงชรา “ศิษย์น้องของข้าไม่ค่อยถูกกับเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นของเจ้าสักเท่าไร พอดีกับที่ครั้งนี้ข้าได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้มาเยือนเมืองสุยเจี้ย เจ้าแห่งทะเลสาบหลบอยู่ในวังมังกรใต้ทะเลสาบของเขา หาตัวได้ยาก แต่ข้ารู้ดีว่าสตรีอย่างเจ้าเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นที่อดทนข่มกลั้นต่อความเปลี่ยวเหงาไม่ไหว ปีนั้นความแค้นระหว่างศิษย์น้องโง่ของข้ากับทะเลสาบชางอวิ๋น สืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วก็มีต้นกำเนิดมาจากเจ้า ดังนั้นจึงจะเอาเจ้ามาเซ่นคมดาบ เมื่อเจ้าแห่งทะเลสาบตามมาถึงก็พอดีเลย ขอแค่เขาขึ้นฝั่งมา ข้าก็ไม่กลัวเขาสักนิด ต่างก็พูดกันว่าฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำคือของรักของหวงของเขาไม่ใช่หรือ เดี๋ยวพอข้าเล่นเจ้าจนตายแล้วค่อยโยนศพเจ้าไปไว้ที่ข้างทะเลสาบชางอวิ๋น ดูสิว่าเขาจะทนได้ไหวหรือไม่”

หญิงชราสีหน้าซีดขาว

สาวใช้สองคนก็ยิ่งมีท่าทางน่าสงสารชวนเวทนา ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำยังสามารถรักษาเวทอำพรางตาเอาไว้ได้ แต่ปราณวิญญาณของพวกนั้นเริ่มสลายไปแล้ว รูปโฉมที่แท้จริงจึงพอจะปรากฎให้เห็นได้อย่างเลือนราง

พวกอันธพาลในหมู่ชาวบ้านเหล่านั้นก็ยิ่งตกใจจนหน้าซีดเผือดไร้สี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มนิสัยเหลาะแหละที่ยืนอยู่บนแท่นบูชาที่ต้องเอาหลังพิงเทวรูปถึงจะยืนอยู่ได้ ไม่ล้มลงไปกองกับพื้น

แม้เฉินผิงอันจะไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์ผู้นั้นอำพรางลมปราณของตนได้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร แต่มีเรื่องหนึ่งที่ชัดเจนอย่างมาก นั่นคือคนทั้งสามฝ่ายที่อยู่ในศาลต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร

เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยังนั่งอยู่ข้างกองไฟถือว่ายังพอมีมโนธรรมในใจอยู่บ้าง เพียงแต่เวลานี้เขาตกใจจนฉี่ราดกางเกงแล้ว

หญิงชราถอนเวทอำพรางตาออกทันที เค้นรอยยิ้มส่งไปให้ “เซียนซือใหญ่ท่านนี้น่าจะมาจากตำหนักขวานผีของแค้นจินตั๋วกระมัง?”

ชายฉกรรจ์ผู้นั้นอึ้งตะลึงไปก่อน จากนั้นก็เริ่มผรุสวาทเสียงดัง “มารดามันเถอะ ผ่านค่ำคืนวสันต์มาด้วยกันเพียงครั้งเดียว สารรูปอย่างเจ้าก็สามารถทำให้ศิษย์น้องของข้าอาลัยอาวรณ์มาได้ตั้งหลายปีด้วยหรือ? ในอดีตข้าเคยพาเขามาท่องยุทธภพด้วยกันครั้งหนึ่ง หวังจะช่วยเขาผ่อนคลายอารมณ์ ก็ถือว่าให้เขาได้ลิ้มรสทั้งสตรีโตเต็มวัยชนชั้นสูงและจอมยุทธหญิงที่งดงามมาหมดแล้ว แต่ศิษย์น้องคนนั้นของข้าก็ยังรู้สึกว่าน่าเบื่อ ทำไม ฝีมือบนเตียงของเจ้าร้ายกาจนักหรือ?”

เฉินผิงอันที่สอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อนั่งอยู่บนกิ่งไม้ห่างไปไกลหรี่ตาลง

สีหน้าของฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำไม่น่ามอง แต่กระนั้นก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงประจบเอาใจ “ปีนั้นข้ากับศิษย์น้องของเซียนซือต่างก็มีใจให้กัน ไม่ได้ต้องการจะมีความสัมพันธ์เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตัดสินใจว่าจะเป็นคู่บำเพ็ญเพียรที่ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์กันแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าถูกนังแพศยาจ่าวซีเจ้าแห่งคูน้ำผู้นั้นวางแผนเล่นงาน แอบนำเรื่องนี้ไปรายงานให้ใต้เท้าเจ้าแห่งทะเลสาบทราบ ภายหลังต่อให้ข้าจะพยายามโน้มน้าวเจ้าแห่งทะเลสาบสักเท่าไร เขาก็ยังคงยืนกรานจะลงมือทำร้ายคน ถึงได้มีความเข้าใจผิดครั้งนั้นเกิดขึ้น ขอใต้เท้าเซียนซือโปรดตรวจสอบให้กระจ่างด้วย”

ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่บนคานเริ่มเอามือกดด้ามดาบแล้ว นางจึงยื่นมือไปคว้าสาวใช้ไว้มือละคนแล้วผลักไปด้านหน้า พูดพร้อมคลี่ยิ้มหวาน “ใต้เท้าเซียนซือ สาวใช้สองคนนี้ของข้าหน้าตานับว่างดงาม ข้าขอมอบพวกนางให้เป็นสาวใช้อุ่นเตียงแก่ใต้เท้าเซียนซือก็แล้วกัน เพียงแต่หวังว่าท่านจะเมตตาทะนุถนอมพวกนางเสียหน่อย หากวันใดเบื่อหน่ายพวกนางแล้วก็ค่อยส่งพวกนางกลับมาที่ทะเลสาบชางอวิ๋น”

ชายฉกรรจ์ถาม “แล้วเจ้าล่ะ?”

ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำยิ้มเอ่ย “หากใต้เท้าเซียนซือมองแล้วถูกตา ไม่รังเกียจรูปโฉมที่โรยราของข้า จะให้ข้าปรนนิบัติรับใช้ท่านด้วยจะเป็นไรไป?”

ชายฉกรรจ์ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ กระดกคางชี้ไปสองที “เจ้าพวกต่ำช้าพวกนี้ เจ้าจะจัดการอย่างไร?”

ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำยิ้มหวานหยดย้อย “ล่วงเกินองค์เทพ เดิมทีก็สมควรตายอยู่แล้ว ขวางหูขวางตาใต้เท้าเซียนซือก็ยิ่งสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง ข้าจะเก็บกวาดเจ้าคนพวกนี้ให้สะอาด ในชายแขนเสื้อของข้ามีถ้วยเลี่ยนเยี่ยนอยู่ใบหนึ่ง บรรจุสุราที่ทำมาจากแก่นโชคชะตาน้ำของทะเลสาบชางอวิ๋น พอดีกับที่สามารถใช้โอกาสนี้เชื้อเชิญให้ท่านได้ร่ำสุราอย่างสบายอารมณ์ ข้าจะรินเหล้าให้ใต้เท้าเซียนซือเอง ส่วนสาวใช้สองคนนี้ตอนมีชีวิตอยู่เคยเป็นนางระบำในวัง เดี๋ยวก็จะให้พวกนางแต่งกายงดงาม ร่ายรำเพิ่มความสำราญให้แก่ท่าน”

ชายฉกรรจ์ยังคงคลี่ยิ้มมีเลศนัย ไม่เอ่ยอะไรอยู่ดังเดิม

นี่ยิ่งทำให้ใจของฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำเต้นระรัว

พริบตานั้น

อยู่ดีๆ ชายฉกรรจ์ก็ชักดาบออกมาฟันอย่างไม่มีลางบอกเหตุ

ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำตกใจหดหัว แต่โชคดีที่แสงดาบนั้นไม่ได้ผ่าลงบนหัวของนาง แต่พุ่งไปนอกศาล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!