เฉินผิงอันทำเพียงแค่ยื่นมือออกมาปัดน้ำลายกลุ่มนั้นให้สลายไป สีหน้ายังคงราบเรียบเป็นธรรมชาติ นั่งอยู่บนขั้นบันได มือทั้งสองข้างวางไว้บนไม้เท้าเดินป่าที่เป็นสีเขียวสดปลั่งราวกับจะคั้นน้ำได้เบาๆ
เฉินผิงอันยื่นมือออกไปดีดอีกครั้ง อีกฝ่ายจึงสลบไป
จากนั้นก็ใช้ไม้เท้าเดินป่าเคาะพื้นเบาๆ ลมพายุที่เหมือนกับงูตัวหนึ่งก็เลื้อยไปถึงท้ายทอยของฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำ นางพลันฟื้นคืนสติ ดึงหัวออกมาจากใต้ดิน จากนั้นก็นั่งเหม่อลอยอยู่กับพื้น สีหน้ามึนงงเล็กน้อย
เฉินผิงอันมีสีหน้าเดือดดาล “สาวใช้ชั้นต่ำสองคนติดตามอยู่ข้างกายเจ้ามานานหลายปีขนาดนี้ ล้วนเป็นพวกโง่เง่าที่อยู่กินข้าวรอความตายไปวันๆ อย่างนั้นหรือ?”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำทำท่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก ในอดีตนางยังตำหนิสาวใช้ทั้งสองว่าเป็นพวกทึ่มทื่อ ไม่คล่องแคล่วว่องไว เทียบกับนังพวกจิ้งจอกในจวนของนายท่านเจ้าแห่งทะเลสาบที่ทำงานเก่ง เชี่ยวชาญการรั้งจิตผูกมัดใจของบุรุษไม่ได้ ตอนนี้มาลองนึกดูแล้วกลับกลายเป็นว่าเป็นเรื่องดี หากทะเลสาบชางอวิ๋นต้องติดร่างแหเดือดร้อนไปด้วย ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่พวกนางสองคนเท่านั้นที่ต้องกลายเป็นตะเกียงน้ำที่ถูกจุดไฟ แม้แต่ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งคูน้ำของนางก็ยังยากจะรักษาไว้ได้ นังแพศยาเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีผู้นั้นชอบใช้คารมคมคาย แอบทำร้ายคนลับหลังเป็นที่สุด นังนั่นทำร้ายให้ควันธูปของตนต้องเบาบางมานานหลายปี แล้วยังคิดจะเข่นฆ่าตนให้ตายกันไปข้าง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแค่วันสองวันแล้ว คนทั้งทะเลสาบชางอวิ่นต่างก็มองดูเรื่องสนุกกันอยู่
เฉินผิงอันกล่าว “เจ้าไปเรียกเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นมา บอกว่าข้าช่วยเขาสังหารตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผี ให้เขามาขอบคุณข้าด้วยตัวเอง จำไว้ว่าเตือนใต้เท้าเจ้าทะเลสาบของเจ้าสักคำว่า ข้าคนนี้ชายแขนเสื้อสองข้างมีแต่ลมเย็น ทนรับกลิ่นเหม็นทองแดงไม่ได้มากที่สุด ดังนั้นจึงถูกชะตากับแค่สมบัติวิเศษแห่งแม่น้ำลำคลองเท่านั้น”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำอึ้งตะลึงไป “ให้ข้าไป?”
เฉินผิงอันหัวเราะเสียงเย็น “หรือจะให้ข้าไปล่ะ?”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำลุกขึ้นเตรียมจะโคจรวิชาอภินิหาร จำแลงร่างกลายเป็นไอน้ำที่หนีไปไกล
เฉินผิงอันชี้ไปยังสาวใช้สองคนที่นอนกองอยู่บนพื้น “รูปโฉมของพวกนางงดงามกว่าเจ้าที่เป็นฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำไม่น้อย หลังจากที่เจ้าแห่งทะเลสาบมาขอบคุณข้าแล้ว ข้าจะไปที่เมืองสุยเจี้ย เมื่อได้วัตถุวิเศษแห่งฟ้าดินที่กำลังจะเผยตัวบนโลกมาครองแล้ว จะต้องไปเยี่ยมหาเขาที่วังมังกรใต้ทะเลสาบอย่างแน่นอน ข้าท่องอยู่ในยุทธภพมาได้ไม่นาน อ่านหนังสือมาไม่มาก ในนิยายส่วนใหญ่ก็มักจะบันทึกไว้ว่า นับแต่โบราณมามังกรเพศเมียหลายใจ สาวใช้ข้างกายก็ยิ่งเย้ายวนมีเสน่ห์ ข้าจะต้องไปเปิดหูเปิดตาให้รู้สักหน่อย ดูสิว่าจะงามพิลาสได้มากกว่าสาวใช้สองคนข้างกายฮูหยินหรือไม่ หากมังกรหญิงและเหล่าสาวใช้ในวังมังกรงดงามยิ่งกว่า ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำก็ไม่ต้องหาสาวใช้คนใหม่แล้ว แต่หากหน้าตาพอๆ กัน ถึงเวลานั้นข้าจะขอตัวพวกนางไปทั้งหมด ยามที่เดินทางไปยังเมืองหลวงแคว้นอิ๋นผิงจะได้เอาพวกนางไปขายในราคาสูง”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำรีบเอ่ยคล้อยตาม “สาวใช้ต่ำต้อยทั้งสองคนนี้ได้ปรนนิบัติรับใช้เซียนซือก็ถือเป็นวาสนาที่ใหญ่เทียมฟ้าของพวกนาง…”
เฉินผิงอันตัดบทคำพูดของนางด้วยเสียงหัวเราะดูแคลน “แต่หากข้าได้เห็น แล้วรู้สึกผิดหวังกับพวกนางอย่างมาก ถ้าอย่างนั้นฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำกับเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีที่เป็นพี่น้องที่สนิทกับเจ้า คงต้องเข้าเมืองหลวงไปพร้อมกับข้าแล้ว”
สำหรับเรื่องพวกนี้ ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำไม่ได้เป็นกังวลมากนัก เพราะถึงอย่างไรก็มีใต้เท้าเจ้าทะเลสาบคอยต้านรับให้ ขอแค่ตนสามารถกลับไปถึงวังมังกรทะเลสาบชางอวิ๋นได้อย่างปลอดภัย ได้พบกับเจ้าแห่งทะเลสาบ ไม่ว่าเรื่องใดก็พูดง่ายทั้งนั้น
สุดท้ายแล้วผลประโยชน์จะตกอยู่ในมือใครก็ยังไม่อาจบอกได้
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำรีบสะบัดชายแขนเสื้อ ปราณวิญญาณโชคชะตาน้ำสีเขียวมรกตสองกลุ่มก็พากันบินไปยังใบหน้าของสาวใช้ทั้งสอง ทำให้ทั้งสองคืนสติ จากนั้นนางก็เอ่ยขอตัวลากับเซียนซือผู้นั้นหนึ่งคำ บอกว่าจะรีบไปรีบกลับอย่างแน่นอน
เฉินผิงอันพลันเรียกฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำผู้นั้นเอาไว้
เรือนกายของฝ่ายหลังแข็งทื่อ หมุนตัวกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อน “ไม่ทราบว่าเซียนซือมีอะไรจะสั่งความอีกหรือ?”
เฉินผิงอันยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอแก่นโชคชะตาน้ำให้ข้ายืมใช้สักหน่อย ไม่มาก หนักแค่สองตำลึงก็พอ”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำทั้งตกตะลึงทั้งเสียดาย แล้วก็ทั้งรู้สึกว่าตัวเองโชคดี แก่นโชคชะตาน้ำคือวัตถุแห่งชะตาชีวิตอันเป็นรากฐานมหามรรคาในการฝึกตนของเทพวารี เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับการที่ต้องมาตายอยู่ที่นี่แล้ว ถึงอย่างไรก็คุ้มค่ากว่า นางรีบยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมากดลงตรงหว่างคิ้วของตัวเอง แสงสีเขียวครามก็พลันเปล่งประกาย จากนั้นแสงสีทองเส้นหนึ่งที่เหมือนกับธารน้ำไหลจากร่องน้ำบนยอดเขาลงมาเบื้องล่างก็วนอ้อมผ่านไหล่ของนาง ไหลรินมาตามลำแขน มุ่งตรงไปยังข้อมือ สุดท้ายบนฝ่ามือนางก็ถือประคองหยดน้ำสีเขียวมรกตหยดหนึ่ง นางผลักไปทางเฉินผิงอันเบาๆ ครั้นจึงปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วยิ้มกล่าวว่า “เซียนซือบอกว่าขอยืม ทำให้บ่าวรู้สึกละอายยิ่งนัก แก่นชะตาน้ำสามสี่ตำลึงนี้ ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าชิ้นเล็กๆ ที่บ่าวโชคดีได้มาพบเจอเซียนซือก็แล้วกัน”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เมื่อเทียบกับถ้วยเลี่ยนเยี่ยนที่เป็นสมบัติประหลาดชิ้นนั้นแล้ว ของขวัญชิ้นนี้ก็นับว่าเล็กจริงๆ”
ฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำไม่กล้าพูดอะไรอีก
ถ้วยเลี่ยนเยี่ยนคือรากฐานชีวิตและมหามรรคาของนาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำนอกจากจะสามารถใช้ควันธูปหล่อหลอมร่างทองได้แล้ว วัตถุตระกูลเซียนที่จะนำมาเพิ่มพูนตบะของตนได้ก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น ทุกชิ้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุด ถ้วยเลี่ยนเยี่ยนเคยเป็นสมบัติหนักในวังมังกรของเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋น การที่เจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีอาฆาตแค้นนางมากขนาดนี้ ก็เพราะต้องการถ้วยเลี่ยนเยี่ยนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานชิ้นนี้ ตามคำบอกของนายท่านเจ้าแห่งทะเลสาบ มันเคยเป็นภาชนะที่ใช้ในพิธีการที่สำคัญของอารามเต๋าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ถูกควันธูปอาบย้อมมานับพันปี ถึงทำให้มีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้
เมื่อนายบ่าวสามคนออกไปจากศาล
เฉินผิงอันก็เก็บไข่มุกโชคชะตาน้ำเม็ดนั้นมา น้ำหนักสี่ตำลึง หากคิดจะดับกระหายชั่วครั้งชั่วคราวนั้น ย่อมได้ อีกทั้งประสิทธิภาพยังยอดเยี่ยมอย่างถึงที่สุด เหนือกว่ายาวิเศษด้วยซ้ำ แต่นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว
บนเส้นทางของการฝึกตน ทางลัดบางอย่างสามารถทำให้ผู้ฝึกตนเดินไปถึงกึ่งกลางภูเขาได้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่ยิ่งเป็นช่วงหลังๆ ก็จะยิ่งมีภัยแฝงตามมานับไม่ถ้วนมากเท่านั้น
เฉินผิงอันไม่ได้รีบร้อนหลอมไข่มุกน้ำเพื่อชดเชยปราณวิญญาณในจวนน้ำ เขานั่งอยู่ที่เดิม คิดเรื่องอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เฉินผิงอันรู้ดีว่าพวกนางไปครั้งนี้ ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องกลับมา เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะไม่ขึ้นฝั่งมาพบหน้ากัน ตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีคนหนึ่งตายไป จะให้เขาที่เป็นผู้ร่วมครองทะเลสาบชางอวิ๋นวิ่งขึ้นมาเก็บศพให้อย่างนั้นหรือ? ขอแค่ขึ้นฝั่ง เข้ามาในศาล นั่นก็เท่ากับว่าถูกเขาเฉินผิงอันตบหน้าหนักๆ แล้วเอาขี้ป้ายหน้าซ้ำ ตำหนักขวานผีและคู่บำเพ็ญเพียรที่เป็นพ่อแม่ของตู้อวี๋จะยังสนใจอีกหรือว่าเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นจะเป็นปลาที่ติดร่างแหเดือดร้อนไปด้วย หรือจะต้องเจอกับหายนะที่มาเยือนโดยไม่คาดฝันหรือไม่? อีกอย่างเจ้าเป็นถึงผู้นำเทพวารีแห่งแคว้นอิ๋นผิงผู้ยิ่งใหญ่ ยังจะกล้าพูดว่าตัวเองเป็นปลาที่ติดร่างแหอย่างนั้นหรือ?
ส่วนสาวใช้สองคนในศาลนั้น
คนหนึ่งเป็นปฏิปักษ์กับเขาเฉินผิงอัน
ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นปฏิปักษ์กับฮูหยินเจ้าแห่งคูน้ำ
ดังนั้นล้วนสามารถมีชีวิตรอดได้
เฉินผิงอันบิดหมุนข้อมือหนึ่งครั้ง ในมือก็มีลูกกลมๆ ลูกหนึ่งที่เกิดจากควันดำหลายสิบเส้นรวมตัวกันลอยขึ้นมา สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของบุรุษที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ก็คือตู้อวี๋
ทุกครั้งที่มีลมเย็นปกติโชยผ่าน ลูกกลมที่เกิดจากการรวมตัวกันของสามจิตเจ็ดวิญญาณนั้นก็จะเจ็บปวดทรมาน ราวกับผู้ฝึกตนที่เผชิญกับความทุกข์จากทัณฑ์สายฟ้า
วัตถุหยินบนโลกไม่ได้รับการยอมรับจากฟ้าดินเช่นนี้ ตู้อวี๋ที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่งพยายามสุดความสามารถที่จะเปิดปากพูด แต่กระนั้นน้ำเสียงก็ยังเบาราวกับเสียงยุง “ขอร้องเจ้าล่ะ รีบเอาวิญญาณข้าใส่กลับเข้าไปในร่างเถอะ ยังพอจะแก้ไขได้ ยังพอจะแก้ไขได้ ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ข้าตู้อวี๋จะกรีดแก่นเลือดจากหัวใจสามหยด จุดธูปสามดอก กราบไหว้บอกแก่บรรพจารย์ในฟ้าดิน ตั้งคำสัตย์สาบานของตระกูลเซียนที่สืบทอดเป็นวิชาลับมาจากสำนัก จะไม่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว…”
เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน พูดกับตัวเองต่อไปว่า “ค่ำคืนที่สายลมวสันต์พัดโชย (เปรียบเปรยถึงชายหญิงที่มีสัมพันธ์กัน) คำกล่าวที่ดีขนาดนี้ เหตุใดพอออกมาจากปากของเจ้าถึงได้ต่ำช้าขนาดนี้? หืม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!