กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 516

สรุปบท บทที่ 516.2 ขัดเกลา: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอน บทที่ 516.2 ขัดเกลา จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 516.2 ขัดเกลา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลิ่วจื้อชิงจำต้องถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง “ไม่เจ็บจริงๆ หรือ?”

ตอนนั้นเฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

หลังจากประมือกันไปสามครั้ง

ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน

ทั้งเฉินผิงอันและหลิ่วจื้อชิงต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ เพียงแต่ว่าไม่มีใครยินดีพูดออกมาก็เท่านั้น

ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยชอบเก็บตัวสันโดษของหลิ่วจื้อชิงแล้ว มีหรือจะยินดีไปช่วยเป็นหน้าม้าให้เฉินผิงอันที่ร้านผีฝูบนถนนเหล่าไหว แถมยังฝืนใจ ฝืนนิสัยของตัวเองลากโครงกระดูกขาวโครงหนึ่งเดินไปบนถนนด้วย?

เวลานี้เบื้องใต้หน้าผาอวี้อิ๋งกลับคืนสู่ทัศนียภาพที่ก้นบ่อน้ำมีประกายแสงเรืองรอง สิ่งที่สูญหายไปได้กลับคืนมาที่เดิมอีกครั้ง มองดูแล้วน่าประทับใจเป็นพิเศษ หลิ่วจื้อชิงจึงอารมณ์ดีไม่น้อย

ส่วนเรื่องที่สะพานแห่งความเป็นอมตะของเฉินผิงอันขาดสะบั้น

แม้หลิ่วจื้อชิงจะตื่นตะลึงอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสร้างสะพานแห่งความเป็นอมตะขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง แต่เขากลับไม่คิดจะถามให้มากความ

หลิ่วจื้อชิงสลายเจียวเพลิงตัวเล็กเรียวยาวสองเส้นที่เกิดจากการรวมตัวกันของอักขระยันต์บนโต๊ะออกไป ถามว่า “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เป็นอะไร ช่วงเวลาที่อยู่บนถนนเหล่าไหวข้าทั้งหาเงินและรักษาตัวไปพร้อมๆ กัน”

หลิ่วจื้อชิงถามอีก “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าตำราหมัดที่เป็นพื้นฐานวิชาหมัดของเจ้ามาจากแถบตะวันออกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีปเรา มีเบาะแสเกี่ยวกับมดแดงย้ายหินลงน้ำ ตอนนี้ได้คำตอบบ้างหรือยัง?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้เพื่อประหยัดแรงกายแรงใจเวลาหาเงินจึงป่าวประกาศไปว่าทางร้านจะไม่มีการลดราคาเด็ดขาด เป็นเหตุให้ข้าเสียโอกาสที่จะพูดคุยกับคนอื่นไปไม่น้อย ค่อนข้างจะน่าเสียดายอยู่สักหน่อย”

หลิ่วจื้อชิงพยักหน้า “สมควรแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มอย่างจนใจ

นอกจากประวัติความเป็นมาของตำราหมัดเขย่าขุนเขาเล่มนั้นแล้ว อันที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง

นั่นก็คือโศกนาฎกรรมที่ปีนั้นเรือข้ามฟากของภูเขาต่าเจี้ยวดับสูญอยู่ในภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป แต่ไม่ต้องให้เฉินผิงอันไปถาม เพราะย่อมไม่ได้คำตอบใดๆ ตระกูลเซียนแห่งนั้นปิดภูเขาไปหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ในรายงานข่าวปึกที่ภูตน้ำน้อยซื้อมาจากบนเรือข้ามฟากก็มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับภูเขาต่าเจี้ยวอยู่สองสามข่าว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข่าวลือไร้แก่นสารที่เล่าลือกันไปอย่างส่งเดช อีกทั้งเฉินผิงอันยังเป็นแค่คนต่างถิ่นคนหนึ่ง อยู่ดีๆ ให้ไปถามเรื่องวงในของภูเขาต่าเจี้ยว ย่อมมีเรื่องไม่คาดฝันอย่างคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิตเกิดขึ้น เฉินผิงอันย่อมต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก

ดังนั้นเฉินผิงอันจึงคิดว่าจะไปเยือนภาคกลางของอุตรกุรุทวีป ไปท่องแม่น้ำใหญ่เส้นที่ไหลผ่านจากตะวันออกจรดตะวันตกของทวีปแล้วไหลลงสู่มหาสมุทรเส้นนั้นดูสักหน่อย

จุดที่ต้องหลบเลี่ยงอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าต้องเป็นตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนของราชวงศ์ต้าหยวน

หากไม่พูดถึง ‘บัณฑิต’ ซึ่งเป็นร่างจำแลงจากความคิดอันชั่วร้ายที่ถูกหล่อหลอมให้เล็กเท่าเมล็ดงา อันที่จริงหยางหนิงซิ่งผู้นั้นก็ถือว่าเป็นผู้ฝึกตนที่มีภาพปรากฎการณ์อันยิ่งใหญ่ล้อมวนอยู่รอบกายคนหนึ่ง

แต่ชื่อเสียงของหน่วยฉงเสวียนราชวงศ์ต้าหยวนในอุตรกุรุทวีปกลับมีทั้งดีและร้ายปะปนกัน อีกทั้งเวลาทำอะไรก็มักจะเผด็จการและอารมณ์รุนแรงอยู่เสมอ นี่ก็คือปัญหาใหญ่เทียมฟ้า

ดังนั้นการเดินทางไปเยือนแม่น้ำใหญ่ที่เส้นทางยาวไกล การตรวจสอบภูเขาแม่น้ำ ศาลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มอิทธิพลตระกูลเซียนของแต่ละแคว้นจึงเป็นสิ่งที่เฉินผิงอันต้องระมัดระวังรอบคอบอย่างยิ่ง

ไม่ว่าอย่างไร หากไม่พูดถึงเรื่องแผนการของลู่เฉิน ในเมื่อนั่นเป็นโชควาสนาในการพิสูจน์มรรคาของเด็กชายชุดเขียวของบ้านตนในอนาคต อีกทั้งเฉินผิงอันยังเคยอนุมานเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมากับชุยตงซานและเว่ยป้อมาก่อน พวกเขาต่างก็คิดว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว สามารถทำได้ ดังนั้นเฉินผิงอันย่อมทุ่มเททำเรื่องนี้อย่างเต็มที่

เฉินผิงอันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็ตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งครั้ง ชูอีสืออู่พากันบินออกมา

หลิ่วจื้อชิงชำเลืองตามองแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ย่ำยีวัตถุสวรรค์”

อันที่จริงเขามองออกตั้งนานแล้วว่ากาเหล้าสีชาดใบนั้นคือน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ใบหนึ่ง อาศัยการดูภาพปรากฎการณ์ภายนอกของมันครึ่งหนึ่งและการคาดเดาของตัวเองครึ่งหนึ่ง

ส่วนข้อที่ว่ากระบี่บินสองเล่มซึ่งยังมองไม่ออกว่าระดับขั้นสูงเท่าไรนี้มาตกอยู่ในมือของเฉินผิงอัน แล้วเขาเอ่ยคำว่าย่ำยีวัตถุสวรรค์นั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นการใส่ร้าย ‘พี่ชายคนดี’ ผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

หลิ่วจื้อชิงเอ่ยเนิบช้า “ความเร็วของกระบี่บินทั้งสองเล่มนี้ หากผู้ฝึกกระบี่หล่อหลอมมันจริงๆ จะต้องเร็วมาก น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่ตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิด และพวกมันก็ไม่ใช่วัตถุแห่งชะตาชีวิตของเจ้า ข้าไม่รู้ว่าผู้ฝึกกระบี่โอสถทองเฒ่าที่เจ้าพูดถึงคนนั้นพลังสังหารเป็นอย่างไร และยังไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์อันแปลกประหลาดของกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนั้นของเขา อย่างน้อยความเร็วของกระบี่บินเขาก็ช้ามากจริงๆ หากเจ้ารู้สึกว่ายกเว้นข้าหลิ่วจื้อชิงแล้ว กระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ทุกคนในอุตรกุรุทวีปเราล้วนช้าเป็นเต่าคลานเช่นนั้น หลังจากนี้เจ้าก็ต้องเจอเรื่องลำบากใหญ่หลวงแน่ ยามที่ผู้ฝึกกระบี่เซียนดินตั้งคำสัตย์ว่าจะเข่นฆ่ากับใครขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ได้ออกกระบี่ด้วยแรงสิบส่วนเท่านั้น หลังจากร่ายวิชาอภินิหารซึ่งอาจเผาผลาญพลังต้นกำเนิดโดยไม่เสียดายแล้ว สิบสองส่วนก็ยังเป็นไปได้”

เฉินผิงอันยื่นฝ่ามือออกมา กระบี่บินจิ๋วสองเล่มหนึ่งขาวหิมะหนึ่งเขียวมรกตก็พากันมาลอยอยู่กลางฝ่ามือของเขา สายตาของเขาทอดมองไปยังชูอีที่มีชื่อเดิมว่าเสี่ยวเฟิงตู “ช่วงแรกเริ่มสุด ข้าอยากหลอมมันให้กลายเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตนอกเหนือจากห้าธาตุ หากโชคดีทำสำเร็จ ไม่กล้าพูดว่าจะดีเท่ากระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ แต่เทียบกับสภาพการณ์ในตอนนี้ แน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่ามาก เพราะคนที่มอบมันให้ข้า ข้าไม่ระแวงแคลงใจในตัวเขา เพียงแต่ว่ากระบี่บินเล่มนี้ไม่ค่อยเต็มใจนัก แค่ยินดีติดตามข้าไป คอยอยู่อาศัยในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เท่านั้น และข้าก็ไม่อยากจะบังคับมัน แล้วนับประสาอะไรกับที่คิดจะบังคับก็ทำไม่ได้ด้วย”

เส้นสายตาของเฉินผิงอันขยับเบี่ยงมามองกระบี่บินสืออู่ “เล่มนี้ ข้าชอบมาก คนที่ทำการค้ากับข้า ข้าเองก็ใช่ว่าไม่เชื่อใจเขา ตามหลักแล้วสามารถพูดได้ว่าไม่มีความกังขาในตัวเขาเลย แต่ข้าก็กลัว กลัวหนึ่งในหมื่นนั้น ดังนั้นจึงรู้สึกผิดต่อมันมาโดยตลอด”

หลิ่วจื้อชิงเอ่ยเสียงทุ้มหนัก “การหลอมกระบี่บินที่เซียนกระบี่ทิ้งไว้ ยิ่งระดับขั้นสูงเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น ข้าจะพูดแค่เรื่องเดียว เจ้ามีช่องโพรงลมปราณสำคัญที่เหมาะจะให้พวกมันพักพิง บำรุงความอบอุ่นและเติบโตหรือ? หากเรื่องนี้ทำไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องหวัง นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเจ้าหาเงินเทพเซียนมาได้มากน้อยเท่าไร หรือมีวัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้าดินมากน้อยเท่าไร เหตุใดผู้ฝึกกระบี่ถึงมีราคาแพงที่สุดในโลก คำกล่าวนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล”

เฉินผิงอันยิ้มพลางพยักหน้ารับ “มี แถมยังมีถึงสามแห่งด้วย”

หลิ่วจื้อชิงพลันเอ่ยว่า “คนแซ่เฉิน เจ้าช่วยสอนข้าด่าคนหน่อยสิ!”

เฉินผิงอันโบกมือ “ข้าคนนี้ วิชาหมัดยังถือว่าพอมีน้ำหนักอยู่บ้าง แต่กลับด่าคนตำหนิคนไม่เป็นที่สุด”

วัตถุตระกูลเซียนประเภทนี้ค่อนข้างจะมีความพิเศษ หาได้ยากอย่างถึงที่สุด คล้ายคลึงกับเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหาร ส่วนใหญ่แล้วราคามักจะเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังหาซื้อได้ยาก วันหน้าเมื่อมีคนมากขึ้นในภูเขาลูกต่างๆ ซึ่งรวมถึงภูเขาลั่วพั่ว มีแต่จะเจ็บใจว่ามีของประเภทนี้น้อยเกินไป

หลิ่วจื้อชิงพลันมีสีหน้าลังเล

เฉินผิงอันจึงเอ่ย “ถูกใจชิ้นไหน? สหายส่วนสหาย การค้าส่วนการค้า อย่างมากสุดข้าสามารถแหกกฎลดราคาให้เจ้าได้…แปดส่วน ลดมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”

หลิ่วจื้อชิงยิ้มกล่าว “ภาพเทพหญิงบนกระดาษไขของนครปี้ฮว่าชายหาดโครงกระดูกมีอยู่ตั้งหลายชุด เจ้าขายในร้านด้วยราคาสองเหรียญเงินร้อนน้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีเก็บเอาไว้อีกไม่น้อย เจ้ายกให้ข้าสักชุดหนึ่งเป็นอย่างไร? พูดเรื่องเงินทองทำลายมิตรภาพ ลดแปดส่วนไม่แปดส่วนอะไรกัน ข้าไม่ซื้อ เจ้ายกให้ข้าก็พอ”

เฉินผิงอันชำเลืองตามองไปยังทิศทางของถนนเหล่าไหว “อยู่ไกลมากเลยล่ะ”

หลิ่วจื้อชิงหลุดหัวเราะพรืด “ข้าสามารถไปเอาที่ร้านผีฝูด้วยตัวเองได้ คราวหน้าเจ้าก็จำไว้ว่าต้องเปลี่ยนกุญแจลูกใหม่ด้วย”

เฉินผิงอันทอดถอนใจหนึ่งที ก่อนจะหยิบเอาภาพเทพหญิงฉบับเติมเต็มที่อยู่ในวัตถุจื่อชื่อออกมามอบให้กับหลิ่วจื้อชิงพร้อมกับกล่องบรรจุ

หลิ่วจื้อชิงเก็บไว้ในชายแขนเสื้ออย่างพึงพอใจ

สาวงามทัศนียภาพที่งดงาม สุราดีชารสเลิศ เขาหลิ่วจื้อชิงล้วนชื่นชอบ สาวใช้หลายสิบคนที่อยู่บนยอดเขาหรงจู้ของเขานั้นล้วนมีหน้าตางดงามโดดเด่น แต่ก็แค่เอาไว้มองให้สบายตาเท่านั้น อีกอย่างหากยอดเขาหรงจู้ไม่รับพวกนางไว้ ด้วยหน้าตาและพรสวรรค์อันดาษดื่นของพวกนาง หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฮูหยินเจ้าของตำหนักที่เป็นศิษย์หลานของเขาคนนั้นก็หนีไม่พ้นได้ไปเพิ่มริ้วคลื่นสายฟ้าให้แก่บ่อสายฟ้าในวันใดวันหนึ่งเท่านั้น

เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “อันที่จริงข้ายังมีผลงานที่ผังซานหลิ่งภาคภูมิใจที่สุดอยู่อีกสองชุด เทียบกับภาพฉบับเติมเต็มที่ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกแล้วก็ยังมีความต่างราวก้อนเมฆกับดินโคลนอยู่ดี”

หลิ่วจื้อชิงส่ายหน้า “เจ้าเก็บไว้เถอะ วิญญูชนไม่แย่งชิงของรักของผู้อื่น”

เฉินผิงอันยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วแล้วถูเข้าด้วยกันเบาๆ

หลิ่วจื้อชิงคำรามเดือดดาล “ไม่มีเงิน!”

เฉินผิงอันเก็บมือลงไป ยิ้มกล่าวว่า “ภาพเทพหญิงสองชุดนั้นไม่อาจมอบให้เจ้าได้จริงๆ แต่วันหน้ารอให้ข้าได้กลับไปที่สำนักพีหมาจะลองคุยกับท่านอาจารย์ผังดู ดูสิว่าจะขอให้ท่านผู้อาวุโสจับพู่กันวาดให้ได้หรือไม่ หากสำเร็จ ข้าจะส่งไปให้ที่ยอดเขาหรงจู้ตำหนักจินอู หากไม่สำเร็จ เจ้าก็คิดเสียว่าไม่มีเรื่องนี้แล้วกัน”

หลิ่วจื้อชิงขี่กระบี่ไปจากหน้าผาอวี้อิ๋ง

ส่วนเฉินผิงอันก็เรียกเรือยันต์ลำเล็กออกมา ย้อนกลับไปยังทะเลไผ่

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!