สรุปเนื้อหา บทที่ 516.3 ขัดเกลา – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
บท บทที่ 516.3 ขัดเกลา ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตลอดทั้งคืน ส่วนที่เดินนิ่งก็เดินนิ่ง ส่วนที่ฝึกตนก็ฝึกตน นี่ต่างหากจึงจะเรียกได้ว่าหนึ่งใจใช้สอง ไม่ถ่วงเวลาของทั้งสองเรื่องอย่างแท้จริง
กลางดึก เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่วางลงบนโต๊ะ หยิบเจี้ยนเซียนออกมาจากหีบไม้ไผ่ แล้วก็หยิบวัตถุสิ่งหนึ่งออกมาจากกระบี่บินสืออู่ ก่อนจะใช้ความเร็วประหนึ่งฟ้าผ่าไม่ทันป้องหูชักกระบี่ออกจากฝักแล้วฟันฉับลงไป แบ่งหินลับกระบี่ทรงยาวก้อนหนึ่งออกเป็นสองท่อน ชูอีกับสืออู่ลอยตัวอยู่ด้านข้าง ท่าทางลิงโลดกระเหี้ยนกระหือรือ แขนข้างที่ถือกระบี่ของเฉินผิงอันชาไปทั้งแถบ สูญเสียความรู้สึกไปชั่วขณะ แต่กระนั้นเขาก็ยังรีบยกกระบี่ขึ้นมา เบิกตากว้าง เพ่งมองคมกระบี่อย่างละเอียด เห็นว่าไม่มีรอยบิ่นหรือตำหนิใดๆ ถึงได้ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
เฉินผิงอันนั่งขัดสมาธิแล้วเริ่มทำการหลอมเล็กให้กับแท่นสังหารมังกรทั้งสองก้อน คิดว่าจะเก็บพวกมันใส่ไว้ในช่องโพรงลมปราณสองช่อง ให้ชูอีกับสืออู่ออกมาจากน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่แล้วใช้มันลับคมกระบี่ ค่อยๆ กินแท่นสังหารมังกรสองก้อนที่แยกจากกันนี้ไปทีละนิด
แท่นสังหารมังกรก้อนนี้คือก้อนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาหินลับกระบี่สามก้อนที่พี่สาววิญญาณกระบี่มอบให้หลังจากปรากฎตัวที่นครมังกรเฒ่า
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยตัดใจให้ชูอีกับสืออู่กินมันได้ลง
ทว่าตอนนี้ในเมื่อเดินอยู่บนเส้นทางของการฝึกตนอย่างแท้จริงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังตัดสินใจแล้วว่าจะหลอมทั้งชูอีและสืออู่ให้กลายเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตที่ร่วมเป็นร่วมตายกับตนไปพร้อมกัน จึงไม่จำเป็นต้องมีความลังเลใดๆ อีก
จากการประมือกับหลิ่วจื้อชิงที่เป็นคอขวดโอสถทอง เฉินผิงอันรู้สึกว่าวิชาอันเป็นสมบัติก้นกรุของตนยังขาดบางอย่างไป ยังไม่พอ อยู่ไกลเกินกว่าคำว่าพอ
ทักษะมากไม่กลัวว่าจะทับตัวตาย
แม้แต่การใช้ยันต์ก็ยังสามารถนำมาทำเป็นเวทอำพรางตาชั้นหนึ่งได้
สวมชุดคลุมอาคม ในชายแขนเสื้อซ่อนยันต์ทั่วไปไว้ปึกใหญ่ แสร้งทำตัวเป็นผู้ฝึกตนที่หวังใช้ยันต์จำนวนมากเอาชนะศัตรู
พอต่อสู้ประชิดตัวก็เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่ง
ในช่วงเวลาที่เข่นฆ่ากันก็คอยประเมินสถานการณ์เพื่อรับการเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยหาโอกาสเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกกระบี่ บวกกับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มที่ความเร็วถูกเลื่อนระดับให้สูงขึ้น ทำให้อีกฝ่ายหลบพ้นชูอี แต่หนีไม่พ้นสืออู่
สุดท้ายจึงจะเป็นเจี้ยนเซียนเล่มนั้น
ในช่วงเช้าตรู่ เฉินผิงอันก็ไปเยือนที่ถนนเหล่าไหวมารอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เปิดร้านทำการค้า แต่ไปยังร้านเก่าแก่ที่ขายของตกแต่งในห้องหนังสือโดยเฉพาะแห่งนั้น หาโอกาสไปพูดคุยตีสนิทกับลูกจ้างร้านคนหนึ่ง บอกเรื่องความต้องการในการทำการค้าของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง ลูกจ้างหนุ่มคนนั้นรู้สึกว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร แต่เขายืนกรานอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือจะให้เขาแกะสลักหินไข่ห่านสี่สิบเก้าก้อนที่มาจากหน้าผาอวี้อิ๋งเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ประณีตงดงามนั้น ย่อมได้ ภายในสามวัน อย่างมากสุดสิบวัน เป็นราคาสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ แต่ไม่สามารถนำไปวางขายไว้ที่ร้านผีฝู ไม่อย่างนั้นวันหน้าเขาก็อย่าหวังว่าจะทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่บนถนนเหล่าไหวนี่ได้อีก เฉินผิงอันตอบตกลง จากนั้นคนทั้งสองก็นัดหมายกันว่าหลังจากปิดร้านแล้วจะไปคุยกันโดยละเอียดที่ร้านผีฝูอีกครั้ง
จากนั้นเฉินผิงอันก็ไปเยือนเรือนเย่ฉ่าวที่ค่อนข้างห่างไกลรอบหนึ่ง ได้พบกับถังเซียนซือหนึ่งในสองเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสวนน้ำค้างวสันต์ คนผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกตนที่มหัศจรรย์คนหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์เช่นกัน แรกเริ่มพรสวรรค์ของเขาไม่โดดเด่นนัก อีกทั้งยังไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของสามสายในศาลบรรพจารย์ สุดท้ายเพราะเชี่ยวชาญการทำการค้า อาศัยรายได้จากส่วนแบ่งก้อนใหญ่จึงสามารถฝ่าทะลุขอบเขตครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายจึงกลายเป็นขอบเขตโอสถทอง อีกทั้งยังไม่มีใครดูแคลนเขา เพราะถึงอย่างไรแต่ไหนแต่ไรมาผู้ฝึกตนของสวนน้ำค้างวสันต์ก็ให้ความสำคัญกับการค้ามาโดยตลอด
แน่นอนว่าถังชิงชิงก็ต้องอยู่ด้วย
แต่เว่ยป๋ายแห่งจวนเถี่ยชางและหญิงชราคนนั้นได้กลับไปยังราชวงศ์ต้ากวานแล้ว
ถังชิงชิงชงชาด้วยตัวเอง ระหว่างที่นั่งพูดคุยอยู่ตรงข้ามกัน ถังเซียนซือผู้นั้นรู้ว่าเซียนกระบี่หนุ่มคิดจะเป็นเถ้าแก่ที่ไม่ดูแลกิจการก็เป็นฝ่ายเสนอให้ผู้ฝึกตนที่มือเท้าคล่องแคล่วคนหนึ่งไปช่วยงานที่ร้านผีฝู
เฉินผิงอันบอกว่าส่วนแบ่งคือเก้าต่อหนึ่ง ถังเซียนซือจึงยิ้มเอ่ยว่าไม่มีเรื่องดีๆ เช่นนี้หรอก ส่วนแบ่งหนึ่งส่วนนั้นมากเกินไป ก็แค่งานง่ายๆ ที่แค่ไปนั่งรับเงินอยู่ในร้านทุกวันเท่านั้น ไม่สู้ตั้งค่าตอบแทนตายตัวไปเลย เวลาหนึ่งปี ผู้ฝึกตนที่ทางเรือนเย่ฉ่าวส่งไปอยู่ที่ร้านจะรับเงินค่าจ้างแค่สามสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะก็พอ เพียงแต่เฉินผิงอันคิดว่าอิงตามส่วนแบ่งเก้าต่อหนึ่งค่อนข้างจะสมเหตุสมผลมากกว่า ถังเซียนซือผู้นั้นจึงตอบตกลง แล้วก็เป็นฝ่ายสอบถามอย่างละเอียดว่า หากภายใต้เงื่อนไขที่ว่าไม่ทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึกและไม่ทำลายชื่อเสียงของร้านบนถนนเหล่าไหว อาศัยฝีปากและความสามารถของตัวเองจนขายของได้ในราคาที่สูงกว่าที่ตั้งเอาไว้ได้ ควรจะคิดอย่างไร เฉินผิงอันจึงบอกว่าให้แบ่งครึ่งจากส่วนของราคาที่เพิ่มขึ้นมา ถังเซียนซือยิ้มพลางพยักหน้ารับ จากนั้นก็ลองหยั่งเชิงเซียนกระบี่หนุ่มว่าจะอนุญาตให้ลูกจ้างที่ทางเรือนเย่ฉ่าวส่งตัวไปอยู่ร้านผีฝูในอนาคตสามารถเพิ่มราคาจากเดิมไปหนึ่งถึงสองส่วนได้หรือไม่ ลูกค้าจะได้หั่นราคาได้ แต่เส้นบรรทัดฐานของราคาที่ถูกหั่นย่อมไม่ต่ำกว่าราคาที่เซียนกระบี่หนุ่มตั้งไว้ตอนนี้ เฉินผิงอันยิ้มบอกว่าเป็นอย่างนี้ได้ย่อมดีที่สุด เป็นตนที่มีสายตาตื้นเขินในการทำการค้า มอบให้เรือนเย่ฉ่าวเป็นผู้ดูแลก็คือการเลือกที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง
ดื่มชาและพูดคุยเรื่องเป็นการเป็นงานกันเสร็จ ก็พูดคุยกันอย่างมีมารยาทด้วยถ้อยคำทำนองว่าเจ้าบอกว่าข้าดี ข้าบอกว่าเจ้าดียิ่งกว่าอีกครู่หนึ่ง เฉินผิงอันก็ขอตัวลาจากมา
ถังชิงชิงและบิดาของนางยืนอยู่นอกประตูใหญ่ นางถามอย่างคลางแคลง “ท่านพ่อ เรื่องบนเรือข้ามฟาก ข้าเล่าให้ท่านฟังครบถ้วนชัดเจนแล้ว อีกทั้งตอนนี้สวนน้ำค้างวสันต์ก็ให้ความสำคัญกับเขาขนาดนั้น แถมเขายังเป็นยอดฝีมือที่สามารถทำให้เซียนกระบี่หลิ่วออกจากหน้าผาอวี้อิ๋งไปเชิญให้เขาดื่มชาถึงที่จวนจิงเจ๋อ วันนี้เขามาหาพวกเราถึงที่ ดื่มน้ำชาของพวกเรา นี่ถือเป็นเกียรติยิ่งใหญ่เพียงใด เหตุใดท่านพ่อถึงยังต้องคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้? หากผูกมิตรกับเขาได้ อีกทั้งบ้านเราก็ไม่ขาดแคลนเงินเทพเซียน ก็แค่เหมาของในร้านมาทั้งหมดโดยตรงก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ เขาได้เงินก้อนใหญ่ พวกเราแค่เสียเปรียบเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการค้าที่ขาดทุนอะไร แบบนั้นจะไม่ยิ่งดีกว่าหรอกหรือ?”
บุรุษส่ายหน้า “ใต้หล้านี้ไม่มีใครทำการค้าเช่นนี้ หากเซียนกระบี่หนุ่มตั้งท่าว่าจะมาเอาเงินถึงบ้านพวกเรา พ่อย่อมให้เขา แถมยังจะให้เป็นเงินก้อนใหญ่ด้วย จะไม่ขมวดคิ้วแม้สักครั้ง ถือเสียว่าจ่ายเงินฟาดเคราะห์ไป แต่ในเมื่อเขามาทำการค้ากับเรือนเย่ฉ่าวของพวกเรา ถ้าอย่างนั้นก็ควรต้องทำตามกฎของแต่ละฝ่าย ทำแบบนี้จึงจะยืนยาวได้อย่างแท้จริง ไม่มีทางเปลี่ยนเรื่องดีให้กลายเป็นเรื่องร้าย”
บุรุษเห็นว่าบุตรสาวของตนยังไม่เข้าใจอย่างกระจ่าง ก็ยิ้มกล่าวว่า “นอกจากสถานการณ์ที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐีภายในค่ำคืนเดียวที่จะไม่พูดถึงแล้ว การค้าขายที่ยาวนานทุกอย่างบนโลกใบนี้ คนทำการค้าหลากหลายรูปแบบ วิธีการหาเงินสารพัดรูปแบบ ล้วนมีจุดหนึ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน”
บุรุษหยิบเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งที่ธรรมดาที่สุดในราชวงศ์ล่างภูเขาออกมาจากชายแขนเสื้อ เขาเก็บรักษามันไว้อย่างดีมานานหลายปี บุรุษวางมันไว้บนฝ่ามือ “นั่นคือให้ความเคารพวัตถุสิ่งนี้อย่างมาก”
จากนั้นเฉินผิงอันก็ไปเยี่ยมเยือนหญิงชราคนหนึ่ง นางคืออาจารย์ผู้มีพระคุณของซ่งหลานเฉียวโอสถทองบนเรือข้ามฟาก หญิงชราก็เป็นผู้ฝึกตนโอสถทองเช่นเดียวกัน แต่ว่ายังมีที่ว่างให้นางในศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์ ทว่าซ่งหลานเฉียวกลับไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ พูดง่ายๆ ก็คือยามที่ศาลบรรพจารย์ของสวนน้ำค้างวสันต์คิดจะปรึกษาเรื่องสำคัญกัน หญิงชราและคนอีกแปดคนซึ่งรวมถึงบรรพจารย์ถานหลิงจะมีเก้าอี้ให้นั่ง บิดาของถังชิงชิงก็มีที่นั่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าค่อนไปทางด้านหลัง แต่ซ่งหลานเฉียวกลับได้แต่ยืนเท่านั้น
หญิงชราเห็นเซียนกระบี่หนุ่มมาเยือน รอยยิ้มก็ค่อยๆ ผลิกว้าง รั้งตัวเฉินผิงอันไว้พูดคุยนานเกินครึ่งชั่วยาม เฉินผิงอันเองก็ไม่รีบไม่ร้อน จนกระทั่งหญิงชราเปิดปากด้วยตัวเองว่าไม่รบกวนเวลาการฝึกตนของเซียนกระบี่เฉินแล้ว เฉินผิงอันถึงได้ลุกขึ้นบอกลา
ของขวัญที่นำมาเยี่ยมเยือนหญิงชราคือวัตถุวิเศษชิ้นหนึ่งที่ไม่มีวางขายในร้านผีฝู ไม่ดาษดื่น แต่ก็ไม่มีราคามากนัก ทว่ามองดูแล้วกลับชวนให้คนชื่นชอบอยู่มาก
หญิงชราอยากจะมอบของขวัญกลับคืนให้ แต่ถูกเฉินผิงอันปฏิเสธอย่างละมุนละมอม บอกว่าหากผู้อาวุโสทำเช่นนี้ คราวหน้าก็คงไม่กล้ามาเยือนมือเปล่าแล้ว หญิงชราหัวเราะอย่างเบิกบานใจ แล้วถึงได้ยอมล้มเลิกความคิด
รอจนเฉินผิงอันกลับมาถึงถนนเหล่าไหวก็เลยเที่ยงวันมาแล้ว เขาจึงเปิดประตูใหญ่ทำการค้า ยังคงนั่งอาบแดดอยู่บนม้านั่งตัวเล็กเช่นเดิม
การค้าค่อนข้างจะซบเซา
คนแวะเวียนไปมา มองดูเหมือนคึกคัก ทว่าหนึ่งชั่วยามถึงจะมีการค้าเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง เงินเข้าบัญชีหกเหรียญเกล็ดหิมะ คือผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่มาซื้อของในห้องสตรีของเผ่าพันธุ์ตำหนักจันทราตัวนั้นไปหนึ่งชิ้น นางโยนเงินเทพเซียนไว้บนโต๊ะคิดเงินแล้ว พอออกจากประตูไปก็รีบสาวเท้าเดินอย่างเร่งร้อน
ทำเอาเฉินผิงอันไม่กล้าพูดว่าคราวหน้ามาเยือนใหม่
เฉินผิงอันเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วที่ไม่ได้ลากหลิ่วจื้อชิงมาทำหน้าที่เป็นลูกจ้างร้าน
เรื่องราวบนโลกใบนี้ไม่เคยง่าย แค่ต้องดูที่ว่าจะยินดีขัดเกลาหรือไม่
ส่วนการที่มารับงานส่วนตัวจากร้านผีฝูแห่งนี้จะเป็นการทำลายอนาคตของลูกจ้างหนุ่มที่อยู่กับอาจารย์ของเขาหรือไม่
คนของสวนน้ำค้างวสันต์ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นคนฉลาดที่คิดคำนวณเก่งทั้งสิ้น
เฉินผิงอันบอกให้ลูกจ้างหนุ่มหอบเอาหินไข่ห่านพร้อมทั้งห่อผ้ากลับไปด้วยกัน ทุกครั้งที่แกะสลักของตกแต่งในห้องหนังสือมาได้หนึ่งชิ้น ขอแค่ตัวเขาเองหรือให้เพื่อนของเขานำมาส่งที่ร้านผีฝูก็พอ ให้บอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนของเถ้าแก่ ถึงเวลานั้นเถ้าแก่คนใหม่จะไม่มีทางทำให้เขาลำบากใจอย่างแน่นอน หรือจะแกะสลักให้เสร็จก่อนหนึ่งชิ้นแล้วค่อยมารับไปต่ออีกหนึ่งชิ้นก็ได้ คนหนุ่มชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียดูแล้วก็รู้สึกว่าอย่างหลังมั่นคงกว่า จึงบอกให้เถ้าแก่หนุ่มที่พูดง่ายผู้นี้วางใจ หากหินไข่ห่านก้อนใดสูญหายไป เขาจะควักเงินตัวเองชดใช้ก้อนละหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ
คิดไม่ถึงว่าเถ้าแก่หนุ่มจะพูดอีกว่า หากทำหายไปแล้วชดใช้ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ขอแค่ฝีมือยังอยู่ ก็สามารถมาพูดคุยปรึกษากับร้านผีฝูได้
คนหนุ่มยิ้มแล้วบอกลาจากไป
เฉินผิงอันยืนอยู่หน้าประตูร้าน มองส่งคนผู้นั้นจากไป
คล้ายจะมองเห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มสวมรองเท้าสานคนหนึ่งที่วิ่งส่งจดหมายได้รางๆ
จากนั้นวันต่อมา ร้านผีฝูที่แขวนป้ายปิดร้านมาถึงสองวันเต็มก็เปิดประตูร้านอีกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับเปลี่ยนเถ้าแก่คนใหม่แล้ว คนที่สายตาดีหน่อยก็จะรู้ว่าคนผู้นี้มาจากเรือนเย่ฉ่าวของถังเซียนซือ ใบหน้าประดับยิ้มอย่างกระตือรือร้น ต้อนรับขับสู้ลูกค้าอย่างเต็มใจ รอบคอบรัดกุมในทุกๆ เรื่อง อีกทั้งในที่สุดก็สามารถต่อรองราคาสินค้าในร้านได้แล้ว
วันนี้เฉินผิงอันที่ยังคงสวมชุดสีเขียวธรรมดาสะพายหีบไม้ไผ่ขึ้นหลัง สวมงอบบนศีรษะ ในมือถือไม้เท้าเดินป่า บอกกับสาวใช้สองคนของจวนว่าวันนี้เขาจะออกไปจากสวนน้ำค้างวสันต์แล้ว
ผู้ฝึกตนหญิงที่เป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของผู้ฝึกตนโอสถทองบอกว่า บรรพจารย์ถานให้นำความมาบอกต่อแก่ทางจวนว่า ขอมอบเรือยันต์ลำนั้นให้แก่เซียนกระบี่เฉิน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ
เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณแล้วก็ไม่เกรงใจจริงๆ
เขาเรียกเรือยันต์ออกมา ไปเยือนถนนเหล่าไหวมารอบหนึ่ง ตรงสุดปลายของถนนมีต้นไหวโบราณเก่าแก่ที่พุ่มใบหนาดกกินอาณาบริเวณหลายไร่อยู่ต้นหนึ่ง
คนหนุ่มชุดเขียวยืนอยู่ใต้ต้นไหว เขาแหงนหน้ายืนมองมันอยู่นาน
เรื่องราวและผู้คนมากมายในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว สามารถคิดถึง ระลึกถึง อาวรณ์ถึง แต่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!