กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 518

สรุปบท บทที่ 518.3 บัณฑิต คนในยุทธภพและสาวงาม: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 518.3 บัณฑิต คนในยุทธภพและสาวงาม จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 518.3 บัณฑิต คนในยุทธภพและสาวงาม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ผู้เฒ่าแซ่สุยตวัดตามองบัณฑิตที่น่าสงสารเร็วๆ ครั้งหนึ่ง ยังดีที่เขาไม่มีท่าทีว่าจะขอยืมเงินจากตน ไม่อย่างนั้นหายนะจะถูกชักนำมา ตนคงต้องเปิดปากด่าอีกฝ่ายเพื่อตัดความสัมพันธ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ แบบนั้นจะเป็นการทำลายความสุภาพสง่างามมากเกินไป และจะทำลายภาพลักษณ์ผู้มีเมตตาปราณีในสายตาของเด็กรุ่นหลังทั้งหลาย

ไม่รู้ว่าเหตุใดมารเฒ่าหยางหยวนที่กลับคืนสู่ยุทธภพอีกครั้งถึงได้โบกมือ ยิ้มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแหบพร่าเหมือนเสียงยามที่ใช้หินลับมีด “ช่างเถิด แค่ข่มขู่เล็กๆ น้อยๆ ก็พอ ให้บัณฑิตรีบไสหัวไปซะ เจ้าเด็กนี่ยังถือว่าพอจะมีปณิธาน มีความกล้าหาญอยู่บ้าง เทียบกับพวกบัณฑิตที่นิ่งดูดายอยู่เฉยๆ แล้วกลับดีกว่ามาก อย่าว่าแต่เอ่ยถ้อยคำผดุงคุณธรรมก็กลัวว่าจะหาเรื่องใส่ตัวอะไรเลย ต่อให้ในมือมีมีดก็ยังไม่กล้า ไม่อย่างนั้นเกรงว่าคงต้องยกมีดฟันให้บัณฑิตหนุ่มคนนั้นตายไปก่อนถึงจะสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป”

ชายฉกรรจ์ที่ใบหน้าดุร้ายรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทำท่าจะยกเท้าเตะ บัณฑิตหนุ่มก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน วิ่งอ้อมผ่านทุกคนออกไปจากทางเส้นเล็กจนดินโคลนกระเซ็นเปรอะเปื้อน

ผู้เฒ่าแซ่สุยสีหน้าผ่อนคลายเป็นปกติ

ทว่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากลับใบหน้าแดงก่ำ เพราะฟังความนัยในถ้อยคำของตาเฒ่าผู้นั้นออก เขาจึงหงุดหงิดไม่สบอารมณ์

สตรีสวมหมวกคลุมหน้าเห็นว่าตรงสุดปลายทางสายเล็ก คนหนุ่มชุดเขียวหยุดฝีเท้าลง หันหน้ากลับมามองแล้วคลี่ยิ้มมีเลศนัยที่นางไม่แน่ใจว่าตัวเองตาฝาดไปหรือไม่ ก่อนจะก้าวยาวๆ จากไป

ทางฝั่งของหน้าประตูศาลา หยางหยวนชี้ไปยังคนหนุ่มถือพัดที่อยู่ข้างกาย สายตามองไปทางสตรีสวมหมวกคลุมหน้า “นี่คือศิษย์รักของข้า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้แต่งภรรยา แม้ว่าเจ้าจะมีหมวกคลุมหน้าบดบังรูปโฉม อีกทั้งยังมวยผมทรงสตรีที่ออกเรือนแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ลูกศิษย์ของข้าไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ เลือกวันดีไม่สู้เลือกวันสะดวก พวกเราสองครอบครัวมาดองเป็นทองแผ่นเดียวกันดีไหม? อาจารย์ผู้เฒ่าท่านนี้วางใจได้ แม้ว่าพวกเราจะเป็นคนในยุทธภพ แต่พื้นฐานครอบครัวไม่เลว สินสอดทองหมั้นมีแต่จะสมบูรณ์ยิ่งกว่ายามที่ลูกหลานอัครเสนาบดีของหนึ่งแคว้นสู่ขอภรรยา หากไม่เชื่อก็ลองถามองค์รักษ์พกดาบผู้นี้ของเจ้าดู มีฝีมือดีขนาดนี้ เขาก็น่าจะมองตัวตนของข้าผู้อาวุโสออกแล้ว”

ผู้เฒ่าแซ่สุยสีหน้าเขียวคล้ำ

หูซินเหวยมีสีหน้ากระอักกระอ่วน หลังจากใคร่ครวญหาถ้อยคำอยู่พักหนึ่งก็พูดกับผู้เฒ่าว่า “พี่ใหญ่สุย ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสหยาง หยางหยวน มีฉายาว่าเจียวแม่น้ำขุ่น คือปรมาจารย์ในยุทธภพท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงของแคว้นจินเฟยในอดีต”

เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างกล้าๆ กลัวๆ เสียงที่สั่นสะท้านเบาเหมือนเสียงยุง “หยางหยวนเจียวแม่น้ำขุ่นไม่ใช่ว่าถูกเจ้าประมุขหลินของพรรคเจิงหรง จอมยุทธใหญ่หลินฆ่าตายไปแล้วหรอกหรือ?”

ต่อให้เสียงของเด็กหนุ่มจะเบาแค่ไหน ตัวเขาเองอาจจะนึกว่าคนอื่นไม่ได้ยิน แต่เมื่อดังเข้าหูยอดฝีมือในยุทธภพอย่างพวกหูซินเหวยและหยางหยวนแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็น ‘ถ้อยคำรุนแรง’ ที่ได้ยินอย่างชัดเจน

หูซินเหวยหันหน้ามาตะคอกอย่างเดือดดาล “สุยเหวินฝ่า ห้ามพูดจาเหลวไหล! รีบขอโทษผู้อาวุโสหยางเดี๋ยวนี้!”

เด็กหนุ่มจึงประสานมือคารวะขออภัยอีกครั้ง

วันนี้เขาต้องขอโทษคนอื่นเป็นครั้งที่สองแล้ว

หยางหยวนผายมือข้างหนึ่งออกมา ยิ้มกล่าวว่า “ไปคุยกันข้างในเถอะ หน้าตาเล็กน้อยเพียงเท่านี้ หวังว่ารองเจ้ากรมผู้เฒ่าสุยแห่งแคว้นอู่หลิงจะยังมีมอบให้กันบ้าง”

ผู้เฒ่าแซ่สุยผ่อนลมหายใจโล่งอกเบาๆ ไม่ได้เปิดฉากเข่นฆ่ากันทันทีก็ดีแล้ว ภาพเหตุการณ์นองเลือดนั้น ในตำรามักจะกล่าวถึงเป็นประจำ ทว่าผู้เฒ่าไม่เคยเห็นเองกับตาจริงๆ มาก่อน

ในเมื่ออีกฝ่ายรู้จักตน เรียกตนว่ารองเจ้ากรมผู้เฒ่า ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะมีโอกาสพลิกเปลี่ยน

ทั้งสองฝ่ายนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวด้านใต้ผนังของศาลาตรงข้ามกัน มีเพียงผู้เฒ่าหยางหยวนกับลูกศิษย์สะพายกระบี่คนนั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาวซึ่งหันหน้าเข้าหาประตู ร่างของผู้เฒ่าโน้มเอียงมาด้านหน้าเล็กน้อย ค้อมเอวกำหมัดไว้หลวมๆ ไม่มีท่าทางดุร้ายอย่างที่มารร้ายในยุทธภพสมควรมีแม้แต่น้อย เขายิ้มมองไปยังสตรีสวมหมวกคลุมหน้าที่ยังไม่เคยเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว รวมไปถึงเด็กสาวที่อยู่ข้างกายของนาง แล้วผู้เฒ่าก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากรองเจ้ากรมผู้เฒ่าสุยไม่ถือสา สามารถดองเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ถึงสองต่อ ในบ้านของข้ายังมีหลานชายที่เป็นเด็กดีอยู่อีกคนหนึ่ง ปีนี้เพิ่งจะเต็มสิบหกพอดี เขาไม่ได้ติดตามข้ามาท่องอยู่ในยุทธภพด้วย แต่เล่าเรียนจนมีวิชาความรู้อยู่เต็มท้อง คือเมล็ดพันธ์บัณฑิตที่แท้จริง หาใช่ว่าข้าโป้ปดไม่ การสอบเคอจวี่ของแคว้นหลันฝางในปีนี้ หลานชายคนนั้นของข้าก็สอบติดเป็นจิ้นซื่อระดับสอง แซ่หยางนามรุ่ย ไม่แน่ว่ารองเจ้ากรมผู้เฒ่าสุยอาจจะเคยได้ยินชื่อของหลานชายข้ามาก่อน”

จากนั้นผู้เฒ่าก็หันไปยิ้มเอ่ยกับลูกศิษย์ของตน “ไม่รู้ว่ารุ่ยเอ๋อร์ของข้าจะถูกใจสตรีคนใด ฟู่เจิน เจ้าคิดว่ารุ่ยเอ๋อร์จะเลือกใคร จะทะเลาะกับเจ้าหรือไม่?”

ลูกศิษย์ที่สะพายกระบี่รีบเอ่ยว่า “ไม่สู้รับคนที่อายุมากหน่อยเป็นภรรยาเอก คนที่อายุน้อยกว่ารับเป็นอนุภรรยา”

ผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “แต่มันไม่ถูกต้องตามหลักมารยาทน่ะสิ”

ลูกศิษย์คนนั้นยิ้มกล่าวว่า “คนในยุทธภพอย่างพวกเราไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากนัก หากไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องให้แม่นางน้อยใหญ่ทั้งสองนี้ทนรับความอยุติธรรมสักหน่อย เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่ไปเสียเลย แต่งให้กับหยางรุ่ยที่มีทั้งความสามารถ หน้าตาหล่อเหลา แถมยังชาติตระกูลดี หากไม่เป็นเพราะแคว้นหลันฝางไม่มีองค์หญิงหรือเสี้ยนจู่ที่อายุเหมาะสม ป่านนี้เขาก็คงได้เป็นราชบุตรเขยไปนานแล้ว แม่นางทั้งสองแต่งให้กับหยางรุ่ยของพวกเรา นับเป็นความโชคดีที่ใหญ่เพียงใด แค่นี้ก็น่าจะรู้จักพอได้แล้ว”

หูซินเหวยสะกดกลั้นไฟโทสะที่สุมแน่นอยู่เต็มทรวง “ผู้อาวุโสหยาง อย่าลืมล่ะว่าที่นี่คือแคว้นอู่หลิงของพวกเรา!”

หยางหยวนยิ้มกล่าว “หากเป็นหวังตุ้นบุคคลอันดับหนึ่งของแคว้นอู่หลิงที่มานั่งอยู่ที่นี่ ข้าก็คงไม่เข้ามาในศาลาหลังนี้แล้ว บังเอิญยิ่งนัก ตอนนี้หวังตุ้นน่าจะอยู่ในเมืองหลวงต้าจ้วน แน่นอนว่าพวกเราคนกลุ่มใหญ่ที่เดินอาดๆ ข้ามอาณาเขตเข้ามา หากต้องมีคนตายจริงๆ พวกมือปราบที่ประสบการณ์โชกโชนทั้งหลายของแคว้นอู่หลิงย่อมต้องสืบเสาะจนหาเบาะแสพบอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นรองเจ้ากรมผู้เฒ่าสุยจะต้องช่วยเก็บกวาดเรื่องเละเทะครั้งนี้ให้เอง บัณฑิตให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเป็นที่สุดแล้ว เรื่องน่าเกลียดในบ้านย่อมไม่เอาไปแพร่งพรายข้างนอก”

หูซินเหวยถอนหายใจหนึ่งที หันหน้าไปมองผู้เฒ่าแซ่สุย “พี่ใหญ่สุย เอาอย่างไร?”

ผู้เฒ่าแซ่สุยมองไปยังผู้เฒ่าอีกคนที่แข็งแรงกระปรี้กระเปร่าแล้วหัวเราะหยันเอ่ยว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหยางหยวนจะทำตัวไร้ขื่อไร้แปในแคว้นอู่หลิงของพวกเราได้จริงๆ”

หยางหยวนเพียงยิ้มรับ จากนั้นหันมาถามหูซินเหวยว่า “จอมยุทธใหญ่หูล่ะว่าอย่างไร? ไม่เพียงแต่ต้องเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยง อาจจะยังต้องลากสำนักและคนในครอบครัวมาซวยด้วย เพียงแค่เพื่อปกป้องสตรีสองคน ขัดขวางไม่ให้พวกเราสองบ้านแต่งงานเป็นทองแผ่นเดียวกัน? หรือว่าจะรู้อะไรควรไม่ควรเสียหน่อย วันหน้าที่รุ่ยเอ๋อร์ของข้าได้แต่งงาน เจ้าในฐานะแขกผู้มีเกียรติอันดับหนึ่งมาส่งมอบของขวัญอวยพรให้ถึงบ้าน จากนั้นข้าก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่กลับคืนไปให้?”

ลูกศิษย์ที่สะพายกระบี่คนนั้นหัวเราะหึหึ “เมื่อข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก สตรีก็ย่อมว่านอนสอนง่ายกว่าเดิม”

หยางหยวนยิ้มพลางพยักหน้ารับ “คำพูดไม่น่าฟัง แต่เหตุผลนั้นถูกต้อง”

ผู้เฒ่าแซ่สุยเอ่ยอ้อนวอน “จอมยุทธใหญ่หู! ในช่วงวิกฤตอันตรายเช่นนี้ อย่าทอดทิ้งพวกเราเลยนะ!”

หูซินเหวยมีสีหน้าซับซ้อน ความคิดในหัวตีกันวุ่นวาย

หยางหยวนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “น่าเสียดายที่บัณฑิตหนุ่มคนนั้นไม่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องใช้ถ้อยคำของบัณฑิตอย่างพวกเจ้ามาด่าบ้านญาติดองอย่างพวกเจ้าสองสามคำแล้ว แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เขาไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ทางปล่อยให้บ้านญาติดองต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน ฆ่าได้ก็คงต้องฆ่า นิสัยของข้านี้ ถึงอย่างไรก็ดีกว่าในอดีตเยอะมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อที่บ้านมีรุ่ยเอ๋อร์เพิ่มเข้ามา สำหรับบัณฑิตอย่างพวกเจ้า ไม่ว่าในท้องจะมีตำราอริยะปราชญ์เข้าไปอยู่สักกี่เล่ม ข้าก็ล้วนเคารพนับถืออย่างมาก”

สตรีสวมหมวกม่านพลันเปิดปากเอ่ยว่า “ข้าสามารถอยู่ต่อได้ ปล่อยพวกเขาไป จากนั้นพวกเราก็รีบเดินทางไปที่แคว้นหลันฝางทันที ต่อให้จะมีใครไปแจ้งทางการ แต่ขอแค่พวกเราข้ามชายแดน เข้าไปในแคว้นจินเฟยแล้ว ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”

ทว่ากลับถูกหยางหยวนยื่นมือมาขัดขวางเอาไว้ ตอนที่หูซินเหวยเบี่ยงหน้าไปเช็ดคราบเลือด ริมฝีปากของเขาขยับเบาๆ หยางหยวนเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

และเวลานี้เอง บนทางสายเล็กก็มีม้าสองตัวมุ่งหน้ามาช้าๆ เมื่อเจอกับ ‘ความขัดแย้งในยุทธภพ’ ครั้งนี้กลับไม่มีท่าทีว่าจะชะลอม้าให้หยุดลง

บนม้าตัวหนึ่งคือผู้เฒ่าพกดาบสวมชุดสีดำ บนม้าอีกตัวคือบุรุษอายุประมาณสามสิบกว่าปี

ทว่ายามที่ม้าทั้งสองควบผ่านศาลา ผู้เฒ่าไม่แม้แต่จะชำเลืองตามองกลุ่มคน เพียงแค่ควบม้าผ่านไปอย่างเดียว

ผู้เฒ่าแซ่สุยกลับตะโกนขึ้นว่า “จอมยุทธทั้งสองท่านช่วยด้วย! ข้าคือสุยซินอวี่อดีตรองเจ้ากรมโยธาธิการของแคว้นอู่หลิง คนชั่วพวกนี้คิดจะชิงทรัพย์เอาชีวิตข้า!”

บุรุษที่อ่อนวัยกว่าผู้นั้นพลันบังคับหัวม้าให้หันกลับ ถามอย่างตกตะลึงระคนแปลกใจ “ใช่ท่านลุงสุยหรือไม่?”

สุยซินอวี่แคว้นอู่หลิงผู้มีชื่อเสียงด้านการปกครองและการเล่นหมากล้อมมากกว่าการเป็นขุนนางอึ้งตะลึง จากนั้นก็พยักหน้ารับอย่างแรง

หยางหยวนยิ้มกล่าว “ญาติบ้านดอง เจ้าก็ช่างไม่กลัวว่าจะทำให้คนบริสุทธิ์ที่ผ่านทางมาต้องตายเปล่าเลยจริงๆ ตอนนี้ข้าเริ่มเสียใจที่เสนอเรื่องการแต่งงานทั้งสองครั้งนี้แล้ว สวรรค์เท่านั้นกระมังที่จะรู้ว่าวันใดจะถูกญาติบ้านดองอย่างเจ้าขายหรือไม่”

บุรุษพลิกตัวลงจากหลังม้า ประสานมือคารวะ พูดด้วยเสียงสะอื้นแทบไม่เป็นคำ “ผู้น้อยเฉาฟู่คาวระท่านลุงสุย! ปีนั้นเพื่อหลบเลี่ยงเคราะห์ภัย กลัวว่าจะเดือดร้อนไปถึงท่านลุงสุย ผู้น้อยจึงได้แต่จากไปโดยไม่ลา แต่สุดท้ายก็ยังทำให้แม่นางสุยต้องเดือดร้อนอยู่ดี”

นอกจากหยางหยวน คนทั้งกลุ่มซึ่งรวมถึงลูกศิษย์ของเขาที่ชื่อว่าฟู่เจินต่างก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ละคนเริ่มอกสั่นขวัญแขวน

เฉาฟู่ผู้นี้คือบุคคลที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่อยู่ในแคว้นหลันฝางและแคว้นชิงสือ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนจากผู้ฝึกยุทธปลายแถวที่ซัดเซพเนจรมาถึงแคว้นหลันฝาง กลายมาเป็นลูกศิษย์เอกของเทพเซียนบนภูเขาแคว้นชิงสือท่านหนึ่ง แม้จะบอกว่าบนอาณาเขตของหลายสิบแคว้น ชื่อเสียงของผู้ฝึกตนไม่อาจข่มขวัญผู้คนได้มากพอ พวกชาวบ้านก็อาจจะไม่เคยได้ยินเสมอไป ทว่าถึงอย่างไรพวกพรรคทั้งหลายที่พอจะมีรากฐานอยู่ในยุทธภพต่างก็รู้ชัดเจนดี ผู้ฝึกตนที่สามารถหยัดยืนไม่ล้มลงอยู่บนอาณาเขตของหลายสิบแคว้นได้นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีจวนตระกูลเซียนมีศาลบรรพจารย์ด้วยแล้ว ล้วนไม่มีใครที่รับมือได้ง่าย

เวลาหลายสิบปีมานี้ เฉาฟู่ลงจากเขามาฝึกประสบการณ์อยู่ในยุทธภพหลายครั้ง ว่ากันว่าข้างกายจะต้องมีผู้ปกป้องมรรคาติดตามมาด้วย เฉาฟู่แทบไม่เคยลงมือด้วยตัวเอง ทว่าชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของเฉาฟู่กลับเลื่องลือไปทั่วทั้งแคว้นหลันฝางและแคว้นชิงสือ ว่ากันว่าฮองเฮาที่มีความงามระบือไกลของแคว้นหลันฝางผู้นั้น ในอดีตยังเคยเป็นศิษย์พี่หญิงของเขา

ด้วยเหตุนี้สิบปรมาจารย์ใหญ่และสี่สาวงามที่ราชวงศ์ต้าจ้วนคัดเลือกออกมาจึงมีสองคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเฉาฟู่ คนหนึ่งก็คือศิษย์พี่หญิงที่เป็น ‘สาวงามดอกกล้วยไม้’ เป็นหนึ่งในสี่สาวงาม คนที่เหลืออีกสามสาม สองคนได้เป็นสาวงามมานานแล้ว ลูกศิษย์คนสุดท้ายของราชครูต้าจ้วน เด็กสาวที่มีชาติกำเนิดจากหมู่ชาวบ้านของแคว้นชิงหลิ่วที่อยู่ทางเหนือสุด ถูกแม่ทัพใหญ่ชายแดนคนหนึ่งเก็บซ่อนเลี้ยงดูไว้ ด้วยเหตุนี้แคว้นใกล้เคียงยังเคยท้ารบกับชายแดนของแคว้นชิงหลิ่ว ว่ากันว่าก็เพื่อจะลักพาตัวเอาสาวงามที่เป็นภัยล่มเมืองผู้นี้ไป

อีกคนหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกรักแห่งสวรรค์ซึ่งมีพรสวรรค์ดีเยี่ยมอย่างเฉาฟู่ผู้นี้ ก็คือผู้ปกป้องมรรคาที่อยู่อันดับนำหน้าหวังตุ้นบนรายชื่อใหม่ของต้าจ้วน มือดาบที่มีนามว่าเซียวซูเย่ ทั้งเป็นปรมาจารย์ใหญ่ที่เลื่อนสู่ขอบเขตหลอมจิตในตำนาน แล้วก็ยังเคยร่ำเรียนแก่นของวิชาอสนีที่ใช้เพียงมือเดียวก็สามารถกำราบปีศาจกำจัดมารร้ายมาจากอาจารย์ของเฉาฟู่ ดาบพกประจำกายที่ห้อยอยู่ตรงเอวซึ่งมีนามว่า ‘เมฆหมอก’ เล่มนั้นก็ยิ่งเป็นดาบอาคมตระกูลเซียนที่ตัดเหล็กได้เหมือนตัดโคลน สยบกำราบภูตผีได้ถ้วนทั่ว

หากไม่ผิดไปจากที่คาด ผู้เฒ่าชุดดำที่หยุดม้าหันหน้ากลับมาตามเฉาฟู่ก็คือเซียวซูเย่แล้ว

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!