กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 528

ฮว่อหลงเจินเหรินพาจางซานเฟิงเดินเท้าท่องเที่ยวต่ออีกครั้ง

มีคำพูดสำคัญบางอย่างที่ฮว่อหลงเจินเหรินไม่ได้พูดให้ลูกศิษย์อย่างจางซานเฟิงฟัง

ผลกรรมของเฉินผิงอันผู้นั้นเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับอุตรกุรุทวีปอย่างลึกซึ้ง ง่ายที่จะกระชากลูกศิษย์ผู้นี้ของเขาให้เข้าไปในวังวน

เขาเชื่อว่าด้วยนิสัยของคนหนุ่มผู้นั้น ต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์อับจน ก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายลากจางซานเฟิงเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยแน่ ทว่าเรื่องราวทางโลกก็เหมือนเชือกก้อนหนึ่ง เขาเฉินผิงอันทำอย่างนี้ ทว่าลูกศิษย์ของตนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งเขาก็คงจะต้องพาตัวเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไม่สนใจสิ่งใดอย่างแน่นอน

ถึงเวลานั้นตนที่เป็นอาจารย์ควรจะทำเหมือนปีนั้นที่ปล่อยให้เหล่าเซียนกระบี่ของอุตรกุรุทวีปจับมือกันออกนอกมหาสมุทร ไปสกัดกั้นนักพรตจากจวนเทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์? หรือควรจะทำลายกฎเกณฑ์ ลงจากภูเขามาดึงรั้งลูกศิษย์และคนหนุ่มผู้นั้นเอาไว้?

จำต้องยอมรับว่า รากฐานมรรคกถามากมายที่ลู่เฉินเชิดชู แท้จริงแล้วมองปราดๆ คล้ายจะเลวระยำ ฟังปราดๆ คล้ายจะบาดหู แต่พออนุมานไปร้อยรอบยาวนานพันปี กลับกลายเป็นสัจธรรมที่แท้จริง

ฝึกตนอยู่บนภูเขา ทุกคนต่างก็ฝึกบำเพ็ญตัวเอง ดั่งเรือว่างเปล่าไร้ผู้โดยสารที่ล่องอยู่กลางอากาศ บ้างก็บินทะยาน บ้างก็กลับคืนสู่วัฎสังสาร แน่นอนว่าเมื่อการฝึกตนบนภูเขาสงบเงียบ ใต้หล้าก็ย่อมสงบสุข

หากผู้ฝึกตนบนภูเขาใช้ความชื่นชอบของตัวเองมาตัดสินชะตาของด้านล่างภูเขา อีกทั้งยังมีความรู้ของเมธีร้อยสำนัก ดึงไปซ้ายทีไปขวาที เชือกก้อนหนึ่งจะยิ่งยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม

ทุกคนใช้เหตุผล ทุกคนไม่ใช้เหตุผล

เพราะวาสนานำพา ในอดีตฮว่อหลงเจินเหรินจึงเคยไปเยือนใต้หล้ามืดสลัวมาก่อน

ทั้งได้เห็นถึงความดีและความไม่ดีของการอืดอาดชักช้าของลัทธิเต๋าในใต้หล้าแห่งนั้น แล้วก็ได้เห็นถึงความดีความไม่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่ถักทอเป็นตาข่ายของลัทธิขงจื๊อในใต้หล้าแห่งนี้

และการที่ลัทธิเต๋าของใต้หล้ามืดสลัวใช้นครป๋ายอวี้จิงต้านทานเทวบุตรมารนอกโลกที่เป็นดั่งภาพมายาล่องลอย ส่วนใต้หล้าไพศาลก็ใช้กำแพงเมืองปราณกระบี่และภูเขาห้อยหัวสกัดขวางใต้หล้าเปลี่ยวร้างนั้น ก็ล้วนมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

นักพรตหนุ่มพลันยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์ ตอนนี้ข้าได้เดินทางมาเยือนทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแล้ว ก็เป็นคนที่เดินทางผ่านสามทวีปเหมือนเฉินผิงอันแล้ว”

ฮว่อหลงเจินเหรินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าต่างก็ร้ายกาจกันทั้งคู่”

จางซานเฟิงถาม “ผู้ฝึกลมปราณรุ่นเยาว์ของแจกันสมบัติทวีปต่างก็ด้อยกว่าคนของทวีปพวกเราระดับหนึ่งใช่หรือไม่?”

ฮว่อหลงเจินเหรินเอ่ย “ช่วงเวลาที่ผลเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ของสองทวีปต่างกันแค่หกสิบปีเท่านั้น เป็นไปได้ว่าหลังจากนี้หากลองหันไปมองดูอีกครั้ง ทุกคนก็จะค้นพบว่าคนหนุ่มสาวของแจกันสมบัติทวีปยิ่งโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะว่าไปแล้ว โชคชะตาของหนึ่งแคว้นมีจำนวนที่แน่นอน แต่ปราณวิญญาณหนึ่งแคว้นจะต้องมีมากหรือน้อยกลับไม่มีคำบอกไว้ ทวีปแห่งใดใหญ่ ที่นั่นก็จะมีปีแห่งผลผลิตดีที่เหล่าผู้มีพรสวรรค์รุ่นเยาว์พากันผุดขึ้นดั่งหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิหลังฝนตก จำนวนก็มีแต่จะยิ่งเกินจริงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากแจกันสมบัติทวีปอยากจะให้อีกแปดทวีปที่เหลือหันมามองพวกเขาเสียใหม่ ก็ยังต้องอาศัยโชคอีกเล็กน้อย หากดูจากตอนนี้ สหายเก่าของอาจารย์ในอดีต ซึ่งตอนนี้นางใช้ชื่อว่าหลี่หลิ่ว นางจะต้องเป็นคนที่ลุกผงาดขึ้นมาอย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ขวางไว้ไม่อยู่ หม่าขู่เสวียนก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับพรวิเศษจากสวรรค์ซึ่งอายุห่างไปเล็กน้อย รวมไปถึงสตรีที่เขาให้การสนับสนุนคนนั้น แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น สามคนนี้เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว โอกาสที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันนั้นมีน้อยที่สุด ดังนั้นอาจารย์จึงยกพวกเขาขึ้นมาพูด เพียงแต่ว่าเรื่องไม่คาดฝันมีน้อยก็ไม่ได้เท่ากับว่าไม่มีเรื่องไม่คาดฝันก็เท่านั้น”

จางซานเฟิงยิ้มกล่าว “เฉินผิงอันเองก็จะต้องโดดเด่นเหนือกลุ่มคนด้วย ใช่ไหม?”

ฮว่อหลงเจินเหรินพยักหน้ารับ “เขาก็น่าจะถือเป็นคนหนึ่งในนั้น ทว่าระดับความสูงในท้ายที่สุดจะเท่าไร ตอนนี้ยังบอกได้ยาก เพราะว่ามีตัวแปรมากเกินไป”

จางซานเฟิงเอ่ย “อาจารย์ ข้าสายตาไม่เลวใช่ไหม สหายคนแรกที่รู้จักในแจกันสมบัติทวีปก็คือเฉินผิงอัน”

ฮว่อหลงเจินเหรินตอบ “ข้ารู้สึกว่าเฉินผิงอันเองก็สายตาไม่เลวเหมือนกัน”

จางซานเฟิงคิดแล้วก็เอ่ยว่า “สายตาในการคบหาเพื่อนของเฉินผิงอันไม่เลว แต่สายตาในการรับลูกศิษย์ของอาจารย์น่าจะถือว่าไม่ดีแล้วก็ไม่เลวกระมัง เพราะถึงอย่างไรศิษย์พี่ชายหญิงที่เดินออกไปจากภูเขาพาตี้บางส่วนก็ถือว่าร้ายกาจอย่างมาก”

ฮว่อหลงเจินเหรินเงียบงันไปครู่หนึ่งก็ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ซานเฟิง จงจำเรื่องหนึ่งเอาไว้”

จางซานเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “อาจารย์ ท่านเชิญพูดได้เลย”

เจินเหรินผู้เฒ่ากล่าวอย่างปลงอนิจจัง “วันหน้าเจ้าเองก็ต้องรับลูกศิษย์ ต้องถ่ายทอดมรรถกถาให้แก่พวกเขา จงจำไว้ว่า อย่าได้ชอบลูกศิษย์คนไหนเป็นพิเศษเพียงเพราะรู้สึกว่าเขาจะต้องสามารถกลายเป็นคนบนยอดเขาได้ แต่ให้มองที่…ความดีมากมายบนร่างของลูกศิษย์เหล่านั้น บางทีแม้แต่คนที่เป็นอาจารย์เองก็อาจจะยังดีไม่ได้เท่าพวกเขา ดังนั้นถึงได้กำหนดมาแล้วว่าจะทำให้พวกเขาได้มีโอกาสเดินขึ้นเขา เดินขึ้นไปบนยอดเขามากขึ้น แล้วเจ้าก็จะสามารถชอบพวกเขาได้มากขึ้นอีกหน่อย ลำดับขั้นตอนก่อนหลังของเรื่องนี้ เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป เรื่องของพรสวรรค์นั้น ไม่เคยเป็นเรื่องที่ตายตัว หมื่นสรรพสิ่งถือกำเนิด เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ทัศนียภาพไม่เคยมีอะไรที่เป็นหนึ่งเดียว บรรพจารย์หลายคนของตระกูลเซียนตัวอักษรจงที่ฝึกตนไปฝึกตนมากลายเป็นว่าสนิมขึ้นสมอง แม้แต่เรื่องเล็กๆ นี้ก็ยังไม่เข้าใจ ถึงได้ทำให้บนภูเขาไม่มีกลิ่นอายของมนุษย์อยู่แม้แต่น้อย”

เจินเหรินผู้เฒ่าหันหน้ามามอง เห็นว่าลูกศิษย์ของตนกำลังกลั้นยิ้มก็ถามว่า “ทำไมหรือ?”

จางซานเฟิงยิ้มกล่าว “อาจารย์ ตอนนี้ตบะของข้ามีน้อยนิดแค่นี้ จะกล้ารับลูกศิษย์ได้อย่างไร นั่นจะไม่เป็นการถ่วงเวลาผู้อื่นหรอกหรือ”

เจินเหรินผู้เฒ่ายิ้มตาม “ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน”

คำว่าถ่ายทอดมรรคกถา สืบทอดวิชาจากรุ่นสู่รุ่น

บางทีอาจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ก็หนีไม่พ้นการที่มีคนที่เป็นผู้นำจุดไฟดวงเล็กๆ ขึ้นมาก่อน แม้ว่าแสงนั้นจะเบาบาง แต่กลับสามารถส่องแสงสว่างให้แก่คนด้านหลังบนเส้นทางของม่านราตรีที่มืดมิดได้

ไม่อย่างนั้นวิถีทางโลกย่อมมืดมนไปตลอดกาล

เต๋ากำเนิดหนึ่ง

หนึ่งกำเนิดสอง สองกำเนิดสาม สามกำเนิดหมื่นสรรพสิ่ง

“ซานเฟิง อยากนั่งเรือข้ามฟากตระกูลเซียนของสำนักฉงเหยาหรือไม่? ข้ามทวีปลงใต้ เดินทางไกลไปเยือนทักษิณาตยทวีป ทัศนียภาพข้างทางนั้นไม่เลวเลยจริงๆ”

“อาจารย์ เรื่องที่ตบหน้าตัวเองเพื่อให้ดูเป็นคนอ้วนเช่นนี้ พวกเราอย่าทำเลยดีกว่าไหม?”

“แต่ที่นั่นมีสหายสนิทเชิญให้อาจารย์ไปเป็นแขกนะ ยากจะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้จริงๆ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็รู้สึกว่าสหายคนนี้ของอาจารย์ต้องมีความสัมพันธ์ที่ธรรมดากับท่านแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ค่อนข้างจะขัดสน”

“ซานเฟิงเอ๋ย หากไม่ได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องขอให้เจ้าลำบากสักหน่อยแล้ว ความสามารถในการกำจัดปีศาจปราบมารของอาจารย์ยังขาดกำลังไฟอยู่บ้างจริงๆ แต่วิชาย่อพื้นที่วิชานั้นของอาจารย์กลับนับว่าพอใช้ได้ เจ้าเองก็เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรานั่งเรือข้ามทวีปกันดีกว่า เงินทองเป็นของนอกกาย ก่อนขึ้นเรือศิษย์จะเตรียมพวกอาหารแห้งผักดองไว้ให้มากหน่อยก็แล้วกัน”

“เหตุใดอาจารย์ถึงได้มีลูกศิษย์ที่ฉลาดเฉลียวอย่างเจ้าได้นะ?”

“อาจารย์สายตาดี?”

“มีเหตุผล”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!