กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 530

เว่ยป้อลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า “จะไม่ถามข้าหน่อยหรือว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงได้รู้สถานการณ์ของพื้นที่มงคลดอกบัวได้?”

จูเหลี่ยนโบกมือ “ไม่ต้องบอกข้า อะไรที่สามารถพูดได้ พวกเราสามคนก็เล่าให้กันฟังจนหมดเปลือกแล้ว อะไรที่ไม่สะดวกจะพูด ระหว่างพวกเราสามคนก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครถามหรือใครตอบ มันเป็นเรื่องที่ไร้ความหมาย”

เว่ยป้อยกถ้วยน้ำชาขึ้น “ขอใช้ชาต่างสุรา”

จูเหลี่ยนรีบเอาไหล่ชนกระทบอีกฝ่าย มือสองข้างชูถ้วยชาขึ้นสูง ยิ้มประจบเอ่ยว่า “เทพใหญ่เว่ยคารวะสุรา มิกล้ารับๆ”

หลังจากคนทั้งสองดื่มน้ำชาในถ้วยจนหมดแล้ว เว่ยป้อก็ยิ้มกล่าวว่า “น่าเสียดายที่พี่น้องต้าเฟิงไม่ได้อยู่ด้วย”

จูเหลี่ยนยื่นมือมาลูบคลำท้ายทอย “ในเรื่องของการวางตัวเป็นคน เจ้าและข้าล้วนสู้เขาไม่ได้”

เว่ยป้อไม่มีความเห็นต่าง

ถึงอย่างไรเขาเว่ยป้อก็ไม่ใช่คนอยู่แล้ว

ความได้เปรียบนี้ ล้วนเอาไปจากจูเหลี่ยนเต็มๆ

ได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ไปจากร่างของพ่อครัวเฒ่าที่ทั้งเล่นหมากล้อมก็ดี ทำการค้าก็เก่งผู้นี้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ

เว่ยป้อลุกขึ้นยืน ยิ้มกล่าวว่า “ไม่รบกวนเวลาทำมื้อดึกของเจ้าแล้ว”

จูเหลี่ยนพยักหน้ารับ แล้วถอนหายใจหนึ่งที “ตอนแรกเป็นข้าที่มั่นใจเกินไป เวลานี้ข้าเริ่มใจฝ่อแล้ว วันหน้าหากนายน้อยของข้ากลับมายังภูเขาลั่วพั่ว ข้าว่าข้าคงต้องไปหลบอยู่กับเจ้าด้วยแล้วหล่ะ”

เว่ยป้อรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น ขยับร่างวูบทีเดียวร่างก็หายลับไป

จูเหลี่ยนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

ตรงนั้นมีเด็กหญิงผิวดำเป็นถ่านที่ไหล่ทั้งสองข้างลู่ตกกำลังใช้ศีรษะเคาะประตู

สาเหตุน่าจะเป็นเพราะนางไม่อาจปลุกให้ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของตรอกฉีหลงตื่นขึ้นมาได้

จูเหลี่ยนเปิดประตู เผยเฉียนก็เดินโซเซข้ามธรณีประตูเข้ามา พูดเสียงสั่นว่า “พ่อครัวเฒ่า ข้านอนไม่หลับ มาขอคุยกับเจ้าได้ไหม?”

จูเหลี่ยนปิดประตูแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “มีอะไรที่ไม่ได้กันเล่า”

เผยเฉียนนั่งลงบนม้านั่ง แล้วก็ต้องแสยะปาก รู้สึกเหมือนเนื้อที่ก้นปริแตกเป็นลายพร้อย

คืนนี้ไม่ใช่ว่านางนอนไม่หลับอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะเจ็บปวดทรมานจนข่มตาหลับไม่หลง ตอนนี้นางนึกอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ นัก เมื่อก่อนจะพูดทำไมว่าผ้าห่มถึงจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของตน เวลานี้ก็สมพรปากแล้วไหมเล่า? ผ้าห่มบางๆ ผืนเดียว ยามที่ห่มลงบนตัวกลับเหมือนใบมีดคมกริบอย่างไรอย่างนั้น

จูเหลี่ยนถาม “ไม่หิวหรือ? กินอาหารมื้อดึกไหม? ข้าทำได้เร็วนักล่ะ”

เผยเฉียนส่ายหน้า พูดอย่างอ่อนระโหยว่า “ไม่รู้สึกอยาก”

จูเหลี่ยนถามอีก “มีเรื่องในใจหรือ?”

เผยเฉียนอืมรับหนึ่ง แต่กลับไม่เปิดปากเล่าอะไร

จูเหลี่ยนถาม “เป็นเพราะติดหนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จิตใจก็เลยวุ่นวายไม่สงบสุข?”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ พูดอย่างอัดอั้นว่า “ตาเฒ่าบอกว่าอีกตั้งหลายวันกว่าข้าจะฝ่าทะลุขอบเขตสาม ถึงเวลานั้นจึงจะพอมีเวลาว่างเอามาใช้คัดตัวอักษรได้ แต่ก็แค่ไม่กี่วันเท่านั้น อีกเดี๋ยวมือเท้าก็ต้องกลับมาอ่อนแรงไม่คล่องแคล่วอีกครั้ง น่ารำคาญชะมัด”

จูเหลี่ยนเพียงแค่ฟังแม่หนูน้อยถ่านดำพูดโดยที่ตัวเขาไม่เอ่ยแทรกอะไร

เผยเฉียนเงยหน้าขึ้นมองถาดหยกใบใหญ่ (เปรียบเปรยถึงดวงจันทร์) บนท้องฟ้า “เมื่อก่อนน่ะ ตอนอยู่ในตรอกฉีหลงมักจะคิดอยากให้วันใดวันหนึ่งอยู่ดีๆ อาจารย์ก็กลับมาบ้าน แต่เวลานี้ข้าก็ทั้งอยากให้อาจารย์กลับมา แต่ก็กลัวว่าเขาจะกลับมาด้วย หากให้อาจารย์รู้ว่าข้าไม่ได้คัดตัวอักษรมาตั้งหลายวัน…แล้วเขาโมโหจนขับไล่ข้าออกจากสำนัก ข้าจะทำอย่างไร?”

แม่นางน้อยยู่หน้า ปากเบะ ในกรอบดวงตามีน้ำตามาเอ่อคลอ พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ใช่ว่าอาจารย์ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เสียหน่อย ตอนที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัวใหม่ๆ ตอนอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าราชวงศ์ต้าเฉวียนของใบถงทวีปนั่น เขาก็เคยไม่ต้องการข้าแล้วครั้งหนึ่ง พ่อครัวเฒ่า เจ้าคิดดูนะ อาจารย์ของข้าเป็นคนอย่างไร ขนาดรองเท้าสานขาดๆ เขายังเก็บเอาไว้ อยู่ดีๆ พูดว่าไม่ต้องการข้าแล้วจะไม่ต้องการจริงๆ ได้อย่างไร ตอนนั้นข้ายังไม่รู้ความ อาจารย์ไม่ต้องการข้าแต่ก็ยังเปลี่ยนใจได้ แต่ตอนนี้ข้ารู้ความแล้ว หากอาจารย์ไม่ต้องการข้าอีก ก็คือไม่ต้องการจริงๆ แล้ว”

จูเหลี่ยนถามเบาๆ “กลัวเรื่องนี้หรือ? เพราะฉะนั้นถึงได้ไม่กล้าเติบโตมาโดยตลอด?”

เผยเฉียนยกมือขึ้นเช็ดใบหน้าอย่างยากลำบาก “จะไม่กลัวได้อย่างไร เติบโตมีอะไรดีกันเล่า”

อันที่จริงเกี่ยวกับเรื่องของการคัดตัวอักษร จูเหลี่ยนเคยอธิบายให้เผยเฉียนฟังไปแล้ว นางต้องฟังเข้าหูแน่

ดังนั้นสาเหตุที่แท้จริง เป็นเพราะเผยเฉียนไม่อาจพูดมันออกมาได้ เป็นเรื่องที่ถูกนางกดไว้ลึกสุดใจ

จูเหลี่ยนพอจะเดาออกได้คร่าวๆ แต่กลับไม่ได้พูดเปิดโปง

ปีนั้นเฉินผิงอันเคยพูดกับเผยเฉียนเองว่า คนที่เขาต้องการพาออกมาจากพื้นที่มงคลดอกบัวที่แท้จริง คือเฉาฉิงหล่างผู้นั้น

เวลานั้นสำหรับเผยเฉียนที่มีนิสัยอยู่อีกขั้วหนึ่ง อย่าว่าแต่ชอบเลย แม้แต่รังเกียจเฉินผิงอันก็ยังเคยรู้สึก อีกทั้งยังไม่เคยปิดบังความรู้สึกนั้นต่อนางด้วย

ในสายตาของจูเหลี่ยน คำว่าเติบโตก็เป็นแค่การชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียให้ได้มากกว่าเดิมเท่านั้น

เผยเฉียนจึงอยู่ในสภาพการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างหนึ่ง

ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจการชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ เด็กกำพร้าที่เผชิญกับความยากลำบากมาอย่างเต็มกลืน มักจะเชี่ยวชาญการสังเกตคำพูดสีหน้าการกระทำของคนและคิดคำนวณผลได้ผลเสียได้เก่งที่สุด

แต่หลังจากที่นางติดตามอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน นางกลับค้นพบว่าเรื่องที่นางถนัดที่สุดเหล่านั้นกลับมีแต่จะยิ่งทำให้นางห่างไกลจากเฉินผิงอันมากขึ้นทุกที

ดังนั้นนางจึงหวาดกลัวการเติบโตมาโดยตลอด แล้วก็คอยเลียนแบบเฉินผิงอันอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด เผยเฉียนพยายามจะกลายเป็นเผยเฉียนที่ได้รับการยอมรับจากเฉินผิงอัน

อันที่จริงนี่ไม่มีอะไรที่ไม่ดี

เพราะเฉินผิงอันมีความอดทนมากพอที่จะรอให้เผยเฉียนเติบโตไปอย่างช้าๆ ยิ่งยินดีที่จะถ่ายทอดกฎเกณฑ์มารยาทและวิธีการวางตัวในสังคมรูปแบบต่างๆ ท่ามกลางกาลเวลาที่แตกต่างกันให้กับเผยเฉียน

แต่ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า พื้นที่มงคลดอกบัวจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน หลังจากที่จูเหลี่ยนและเผยเฉียนเข้าไปข้างในนั้น นางกลับได้เห็นภาพนั้นเข้าพอดี

ในความเป็นจริงแล้ว หากภาพที่เผยเฉียนเห็นเป็นเพียงแค่ภาพของเด็กหนุ่มชุดเขียวที่เหมือนเติบใหญ่ภายในค่ำคืนเดียวปรากฎตัวด้วยการเดินถือร่มอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ยังพูดได้ง่าย

ทว่าปัญหานั้นอยู่ที่ในอดีตเผยเฉียนเคยเห็นภาพที่เฉินผิงอันเดินกางร่มเดินกับเฉาฉิงหล่างอยู่ในตรอกที่หน้าตรอกเล็กแห่งนั้นกับตาตัวเองมาก่อน

พอมาถึงใต้หล้าไพศาล ตอนที่ชุยตงซานให้ดูภาพม้าวิ่งของม้วนภาพกาลเวลา ก็ได้เห็นภาพที่คล้ายคลึงกันอย่างถึงที่สุด เป็นภาพของเด็กหนุ่มสวมรองเท้าแตะคนหนึ่งกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่เขาเคารพรักมากที่สุดกางร่มเดินเคียงไหล่กันไปท่ามกลางสายฝน

ดังนั้นเผยเฉียนถึงได้บอกว่า นางจะแพ้ใครก็ได้ มีเพียงเฉาฉิงหล่างที่นางไม่อาจพ่ายแพ้ให้ได้

เพราะเผยเฉียนกลัวว่าเฉาฉิงหล่างที่เติบโตแล้ว และยังโดดเด่นอย่างถึงที่สุดผู้นั้นจะแย่งชิงเอาทุกอย่างที่ความจริงแล้วควรเป็นของเขาเฉาฉิงหล่างกลับคืนไป

เผยเฉียนกลัวว่าวันหนึ่ง ท่ามกลางสายฝน อาจารย์จะถือร่มเดินเคียงไปกับเฉาฉิงหล่าง เดินไกลห่างไปเรื่อยๆ แล้วเฉินผิงอันก็ไม่หันหน้ากลับมาอีก

ถ้าเช่นนั้นเผยเฉียนที่ตัวอยู่บนภูเขาลั่วพั่วและในใต้หล้าไพศาลก็จะเหมือนกลับคืนไปยังหน้าตรอกเล็กของพื้นที่มงคลดอกบัวในปีนั้นอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!