กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 532

คนชุดเขียวผู้หนึ่งเดินอยู่บนเส้นทางที่ทวนกระแสของลำน้ำใหญ่ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรเส้นนั้นขึ้นไปเบื้องบน ไม่ได้จงใจเดินเลียบริมน้ำฟังเสียงน้ำไหลมองผืนสายน้ำ เพราะถึงอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องสังเกตการณ์ขนบธรรมเนียมและนิสัยใจคอของผู้คนในพื้นที่ ภูเขาน้อยใหญ่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำของแต่ละแห่งให้ละเอียด ดังนั้นจึงมักจะต้องเดินอ้อมเส้นทางไปบ่อยๆ การเดินทางจึงไม่ถือว่าเร็วนัก

ยามที่เขาตัดสินใจว่าจะทำเรื่องเรื่องหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ไม่เคยคิดว่ายากลำบาก แต่คนข้างกายกลับสามารถวางใจได้เต็มที่ หากเป็นคนที่อายุยังไม่มาก ยังเรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางโชคดีแต่ไม่รู้ว่าตัวเองมีโชคด้วยซ้ำ

คงเป็นเพราะเกิดและเติบโตมาในระดับล่างของหมู่ชาวบ้าน เฉินผิงอันจึงมีความอดทนและความยืดหยุ่นเป็นเลิศ

ระหว่างทางเฉินผิงอันพบเจอกับเรื่องราวหนึ่งที่ชวนให้ขบคิดอย่างลึกซึ้ง

มีครั้งหนึ่งเฉินผิงอันพักค้างแรมอยู่ในโรงเตี๊ยมใกล้กับศาลเทพอภิบาลเมืองของเขตการปกครองแห่งหนึ่งในแคว้นฝูฉวี ยามจื่อ (ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) ก็ได้ยินเสียงรัวกลองสนั่นฟ้าที่มีเพียงผู้ฝึกตนและภูตผีเท่านั้นที่ถึงจะได้ยินดังมาเป็นระลอก ปราการกีดขวางโลกมืดพลันถูกเปิดออก ภายใต้การนำทางของขุนนางผีกุ่ยไชจากแต่ละฝ่าย ผีและวิญญาณที่อยู่ใกล้กับเขตการปกครองก็ทยอยกันเข้ามาในเมืองอย่างมีระเบียบ มาเข้าร่วมการประชุมยามราตรีของเทพอภิบาลเมืองที่หนึ่งเดือนจะจัดสองครั้ง ซึ่งถูกเรียกขานว่าการไต่สวนยามราตรี โดยที่ท่านเทพอภิบาลเมืองจะทำการตรวจสอบคุณความชอบหรือความผิดพลาดของพวกภูตผีวัตถุหยินที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของตัวเอง

เฉินผิงอันออกจากโรงเตี๊ยมมาเงียบๆ มาหยุดอยู่นอกประตูของศาล เทพท่องทิวาราตรีสองท่านที่ทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาล ป้องกันไม่ให้พวกภูตผีทำเอะอะเสียงดังเพ่งสายตามองมา แล้วก็รีบโค้งตัวคารวะ ไม่ได้เรียกอย่างเคารพนอบน้อมว่าเซียนซืออะไร แต่เรียกคำหนึ่งว่าท่านอาจารย์ด้วยสีหน้าท่าทางที่เคารพยำเกรง

เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะกลับคืน แล้วก็ถามว่าตนสามารถเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนยามราตรีของท่านเทพอภิบาลเมืองได้หรือไม่

เทพท่องทิวารีบหมุนตัวกลับไปรายงานทันที พอได้รับคำอนุญาตจากท่านเทพอภิบาลเมือง ขุนนางผู้พากษาฝ่ายบุ๋นและขุนนางฝ่ายหยินหยางซึ่งเป็นขุนนางหลักทั้งสามท่านแล้ว ถึงได้รีบมาเชื้อเชิญให้ผู้ฝึกตนจากต่างถิ่นผู้นี้เข้าไปด้านใน

ในห้องโถงใหญ่ ท่านเทพอภิบาลเมืองนั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ตำแหน่งสูง ขุนนางผู้พิพากษาบุ๋นบู๊และขุนนางหลักของฝ่ายงานทั้งหลายประจำศาลเทพอภิบาลเมืองต่างก็นั่งเรียงกันตามลำดับ เป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยกันตัดสินลงโทษภูตผีและวัตถุหยินมากมาย หากมีใครที่ไม่ยอมรับคำตัดสิน อีกทั้งยังไม่ได้เป็นพวกอำมหิตชั่วร้ายที่มีโทษใหญ่ชัดเจน ก็จะอนุญาตให้พวกมันไปร้องทุกข์กับผู้บังคับการของตัวเองเช่นซานจวิน (คำเรียกผู้ปกครองภูเขา) แห่งขุนเขาใหญ่ หรือฝู่จวิน (คำเรียกผู้ปกครองประจำพื้นที่/ประจำศาล อย่างเช่นพวกเจ้าเมือง) แห่งศาลเทพวารี ถึงเวลานั้นซานจวินและฝู่จวินก็จะส่งขุนนางโลกมืดให้มาตรวจสอบคดีนี้ซ้ำอีกครั้ง

เฉินผิงอันไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เทพอภิบาลเมืองตั้งใจสั่งให้คนยกออกมาให้ แต่นำเก้าอี้ไปวางไว้ด้านหลังเสาสีแดงตนหนึ่ง แล้วนั่งอยู่ตรงนั้น หลับตาทำสมาธิอยู่ตลอดเวลา

เมื่อวัตถุหยินตนหนึ่งตะโกนเสียงดังว่าตัวเองถูกใส่ร้าย ไม่ยินดีรับคำตัดสิน เฉินผิงอันถึงได้ลืมตาขึ้น เงี่ยหูรอฟังคำตอบโต้ของเทพอภิบาลเมืองท่านนั้น

ที่แท้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ วัตถุหยินตนนั้นก็คือลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อที่ยังไม่ได้รับตำแหน่งหน้าที่อย่างเป็นทางการ เคยไปขุดเจอโครงกระดูกใหญ่กองหนึ่งที่นอกเมืองโดยบังเอิญ เขาจึงเก็บเอามาทำพิธีฝังให้เรียบร้อย วัตถุหยินรู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำเป็นการสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ จึงเกิดกังขาว่าเหตุใดนายท่านทั้งหลายของศาลเทพอภิบาลเมืองถึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่สามารถใช้สิ่งนี้มาลดทอนความผิดพลาดของตนเองได้ นี่ก็คือความอยุติธรรมที่ใหญ่เทียมฟ้า เขาจะต้องไปร้องทุกข์ต่อฝู่จวินของศาลเทพวารี หากฝู่จวินยังไม่สนใจ ขุนนางของแต่ละฝ่ายปกป้องพรรคพวกกันเอง เขาก็จะขอเสี่ยงเอาโอกาสที่จะได้กลับไปจุติใหม่มาเดิมพัน แต่ก็ต้องไปตีกล้องร้องทุกข์ให้จงได้ จากนั้นก็จะฟ้องร้องต่อซานจวินของขุนเขากลางแคว้นฝูฉวี ให้นายท่านซานจวินช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้กับตน ลงโทษเทพอภิบาลเมืองที่บกพร่องต่อหน้าที่อย่างหนัก

เทพอภิบาลเมืองตวาดอย่างเดือดดาล “เทพอภิบาลเมืองในโลกคอยตรวจสอบดูแลสรรพชีวิตในโลกคนเป็น การกระทำของพวกเจ้าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ มีใจทำความดีก็ควรทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ตั้งใจทำความชั่วก็ไม่ควรถูกลงโทษ! เจ้าจะไปตีกลองร้องทุกข์กับฝู่จวินซานจวินที่ไหนก็ช่างเถิด เพราะพวกเขาก็ต้องอิงตามการตัดสินของคืนนี้ ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน!”

วัตถุหยินตนนั้นทรุดตัวลงนั่งอย่างห่อเหี่ยว

ช่วงปลายยามอิ๋น (ตีสามถึงตีห้า) ไก่กำลังจะขัน

การไต่สวนยามราตรีของเทพอภิบาลเมืองก็ปิดฉากลง

เฉินผิงอันถึงได้ลุกขึ้นยืน เดินอ้อมเสามายืนอยู่ในห้องโถง หันน้าไปทางท่านเทพอภิบาลเมืองที่สวมชุดขุนนางซึ่งลายปักมีแค่สองสีคือสีขาวและสีดำ แล้วกล่าวขอบคุณ ก่อนจะขอตัวลากลับไป

ท่านเทพอภิบาลเมืองมาส่งเขาถึงหน้าประตูใหญ่ของศาลด้วยตัวเอง

พอมาถึงหน้าประตู เทพอภิบาลเมืองที่ลังเลอยู่ชั่วขณะก็หยุดเดินแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์เข้ามาในเขตชวีเจียงก็เพื่อเข้าไปเปิดเส้นทางลงเขาของต้นไม้ยักษ์ให้กับคนงานตัดไม้ของเชื้อพระวงศ์ที่เข้าไปตัดไม้ในภูเขาลึกหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “เคยทำอย่างนั้นจริง เห็นว่าเส้นทางคดเคี้ยวสายนั้นมีปราณสกปรกแผ่อบอวลก็เลยอดไม่ไหว”

เทพอภิบาลเมืองถอนหายใจ “เดิมทีคนงานสองคนในนั้นควรจะตายระหว่างการขนไม้ คนหนึ่งถูกไม้ยักษ์บดทับจนตาย อีกคนหนึ่งผลัดตกหน้าผาตาย ดังนั้นการกระทำนี้ของท่านอาจารย์จึงเท่ากับว่าช่วยชีวิตคนทั้งสองเอาไว้ แต่ท่านอาจารย์รู้หรือไม่ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการสะสมบุญกุศลมากกว่า หรือเป็นการสร้างผลกรรมมากกว่ากันแน่?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ในเมื่อท่านเทพอภิบาลเมืองเอ่ยปากเช่นนี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นอย่างหลังที่มากกว่า”

เทพอภิบาลเมืองมองผู้ฝึกตนคนนี้อยู่พักหนึ่ง แล้วจึงยิ้มเอ่ยว่า “การที่ท่านอาจารย์ได้เป็นอาจารย์ เทพน้อยอย่างข้าก็พอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว”

สิ่งศักดิ์สิทธิ์มองโลกมนุษย์ ทั้งมองเรื่องราว และยิ่งเป็นการมองจิตใจ

เทพอภิบาลเมืองถอนหายใจ “คนบนโลกกระทำการดั่งการสะสมน้ำให้เป็นลำคลอง น้ำในลำคลองก็สามารถไหลเข้าสู่ผืนนา หล่อเลี้ยงช่วยเหลือชาวประชา ทว่าหากไม่ระวังน้ำก็อาจเอ่อล้นกลายเป็นอุทกภัย บางทีน้ำที่ทะลักทำนบก็อาจทำให้คนจมน้ำตายนับไม่ถ้วน พริบตาเดียวความชอบและความผิดพลาดก็พลิกกลับสลับตำแหน่งจนคนไม่ทันตั้งตัว ในเมื่อท่านอาจารย์ขึ้นเขาฝึกตนก็ควรจะต้องระมัดระวังให้มาก แน่นอนว่าเทพน้อยฐานะต่ำต้อยคำพูดไม่มีน้ำหนัก ไม่ถือว่ามีวิสัยทัศน์ใดๆ ยังคงหวังว่าคำพูดเหล่านี้ของเทพน้อยจะไม่ทำให้จิตใจของท่านอาจารย์วุ่นวายสับสน ไม่เช่นนั้นเทพน้อยย่อมมีโทษมหันต์”

เฉินผิงอันเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง

เขากลับมาถึงโรงเตี๊ยมแล้วก็จุดไฟตะเกียง คัดคัมภีร์ลัทธิพุทธที่หนึ่งหน้าเท่ากับหนึ่งเล่มแผ่นนั้นเพื่อทำจิตใจให้สงบ

พอหยุดพู่กันก็เก็บกระดาษ พู่กันและคัมภีร์แผ่นนั้นลงไป

ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว

เฉินผิงอันเป่าแสงไฟให้ดับ เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!