กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 539

ดังนั้นในบรรดาคนรุ่นเยาว์สิบคนของอุตรกุรุทวีปรุ่นนี้ อันดับแรกและอันดับสองสวีเสวี่ยน ลูกรักแห่งสวรรค์สองคนที่นิสัยแตกต่างกัน แต่ต่างก็ให้ความสนใจฉีจิ่งหลงเป็นพิเศษ ส่วนเจ็ดคนด้านหลังฉีจิ่งหลง กลับมีเพียงความทรงจำที่ธรรมดาต่อพวกเขา โดยเฉพาะสวีเสวี่ยนลูกศิษย์เพียงคนเดียวของป๋ายฉางเซียนกระบี่ใหญ่อันดับหนึ่งแห่งทิศเหนือที่เคยป่าวประกาศออกมาว่า เจ็ดคนด้านหลังฉีจิ่งหลงล้วนเป็นแค่พวกเศษสวะ และเรื่องนี้ก็เคยก่อให้เกิดคลื่นมรสุมลูกใหญ่มาก่อน เล่าลือกันว่าหวงซีผู้ฝึกตนอิสระที่อยู่ในอันดับที่สี่ยังเคยลอบโจมตีสวีเซวี่ยนด้วย เพียงแต่ว่าขั้นตอนและผลลัพธ์ล้วนถูกเก็บไว้เป็นความลับ เพียงแค่สวีเซวี่ยนก็ยังไม่ตั้งใจมานะฝึกตน ยังคงชอบปลอมตัวเป็นบัณฑิตผู้อ่อนแอที่พาสาวใช้ถือกระบี่สองคนออกเดินทางท่องเที่ยวตามภูเขาสายน้ำต่อไปเรื่อยๆ ส่วนหวงซีกลับเงียบหลายไปนานหลายปี

เฉินผิงอันถาม “ผู้อาวุโสอู่ จวนไช่เฉวี่ยมีชุดคลุมอาคมที่เหลืออยู่ให้พอซื้อหาได้หรือไม่?”

อู่ชวินยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าต้องมี แต่ราคาไม่ถูก ชุดคลุมอาคมที่หอเทียนอีแห่งนี้เปิดให้คนนอกเข้ามาชมขั้นตอนการทอครึ่งทางเป็นแค่ชุดคลุมอาคมชั้นปลายแถวของจวนไช่เฉวี่ยที่เหมาะสมให้ผู้ฝึกตนขอบเขตถ้ำสถิตสวมใส่ไว้บนร่างมากที่สุด หากนอกเหนือจากนี้ขึ้นไป จวนไช่เฉวี่ยของพวกเรายังมีชุดคลุมอาคมอีกสองชนิดที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แบ่งออกเป็นชุดคลุมที่นำไว้มอบให้กับผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรและประตูมังกร รวมไปถึงผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตโอสถทองและก่อกำเนิด”

การที่อู่ชวินปรากฎกายด้วยตัวเอง ก็แค่อยากจะรู้ว่าสหายของหลิวจิ่งหลงต้องเป็นเทพเซียนจากฝ่ายใดกันแน่ หากสามารถผูกมิตรได้ก็ยิ่งเป็นการปักบุปผาลงบนผ้าแพร และยิ่งเป็นการสร้างคุณความชอบที่ไม่เล็กให้แก่จวนไช่เฉวี่ย

การฝึกตนบนภูเขา ทุกคนล้วนมีอายุขัยยืนยาว ดังนั้นเรื่องของบุญคุณความแค้นจึงพิถีพิถันให้เป็นน้ำเส้นเล็กไหลยาวมากที่สุด

ควันธูปหนึ่งก้านที่สำเร็จผลในวันนี้ ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นโชควาสนาใหญ่ในวันหน้า

แน่นอนว่ายังมีคำพูดการกระทำบางอย่างที่ไม่ตั้งใจในช่วงต้นที่ก็อาจจะกลายเป็นหายนะล่มตระกูลในอนาคต

แต่ไหนแต่ไรมาอุตรกุรุทวีปก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด

ดังนั้นสำหรับการรับมือกับคนที่เป็นฝ่ายเปิดปากถามถึงเรื่องชุดคลุมอาคม จึงทำให้อู่ชวินรู้สึกโล่งใจได้หลายส่วน

การคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกตน สิ่งที่จวนไช่เฉวี่ยเชี่ยวชาญมากที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นการทำการค้า

หากว่าเจ้าจวนและหลิวจิ่งหลงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในอดีต ต่อให้หลิวจิ่งหลงมาถึงท่าเรือดอกท้อ แต่จะยังพูดคุยเรื่องอะไรกันได้อีก? หรือว่าจะคุยเรื่องหลักการเหตุผล ประลองเวทกระบี่?

ครั้งนี้เป็นเพราะว่ามีหลิวจิ่งหลงเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ อู่ชวินถึงได้ยินดีลงจากภูเขา ไม่อย่างนั้นผู้ฝึกตนต่างถิ่นคนนี้เข้ามาในท่าเรือ ต่อให้เขาจะสวมชุดคลุมอาคมล้ำค่าหายากที่ผู้ฝึกตนหญิงจวนไช่เฉวี่ยพอจะมองออกถึงระดับขั้นของมันได้คร่าวๆ อู่ชวินก็คงยังเลือกที่จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เพราะมีเรื่องเพิ่มมากขึ้นหนึ่งเรื่อง ไม่สู้มีเรื่องน้อยลงหนึ่งเรื่อง

เฉินผิงอันถาม “ขอถามผู้อาวุโสอู่ ทั้งสองชนิดนั้นมีราคาเท่าไรบ้าง?”

อู่ชวินไม่ได้ให้คำตอบโดยตรง เพียงยิ้มเอ่ยเชื้อเชิญว่า “เฉินเซียนซือจะถือสาหรือไม่หากจะคุยไปด้วยเดินไปด้วย? ท่าเรือดอกท้อของพวกเรามีร้านน้ำชาอยู่ร้านหนึ่งที่ใช้น้ำในลำธารดอกท้อมาต้มชา ใบชาก็เอามาจากต้นชาที่ปลูกเฉพาะภูเขาด้านหลังจวนไช่เฉวี่ย ต้นชาเก่าแก่มีแค่สิบสองต้นเท่านั้น จะให้ไช่เฉวี่ยสัตว์ปีกล้ำค่าชนิดหนึ่งที่ทางภูเขาเลี้ยงไว้เป็นผู้เด็ดยอดชามาตอนก่อนเทศกาลชิงหมิงและช่วงก่อนฝนตก จากนั้นก็ให้ผู้ฝึกตนใช้วิชาลับทำให้เป็นก้อนชา ชานี้เคยถูกนักประพันธ์ใหญ่ท่านหนึ่งนำไปเขียนไว้ในตำรารวมกวี โดยขนานนามให้ว่า ‘กำแพงดำน้อย’ ยามที่ใช้น้ำเดือดต้มชาจะมีลูกคลื่นซัดขึ้นซัดลง มีภาพมหัศจรรย์ประดุจการโคจรของดวงดาว ร้านน้ำชาแห่งนี้ไม่เปิดขายให้แก่คนนอก พวกเราสามารถไปคุยกันอย่างละเอียดที่นั่นได้”

แน่นอนว่าเฉินผิงอันเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ต้องเป็นแขกที่ตามใจเจ้าบ้าน

หากก้อนชากำแพงดำน้อยนี้สามารถขายร่วมกับชุดคลุมอาคมได้ก็ยิ่งดี

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เฉินผิงอันก็ยังต้องเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศ เปิดร้านผ้าห่อบุญของตัวเอง สิ่งของที่มีน้อยมักจะล้ำค่า ขอแค่เป็นสิ่งของที่ข้าได้ครอบครองเพียงลำพัง ราคาก็ย่อมต้องสูงขึ้นตามไปด้วย

การค้าที่มั่นคงซึ่งมีความหวังว่าจะได้กำไรเช่นนี้ เฉินผิงอันไม่เคยปฏิเสธ ก็เหมือนกับปีนั้นที่ซื้อภาพเทพหญิงฉบับเติมเต็มครบชุดมาจากนครปี้ฮว่า เขาตอแยผังหลันซีเด็กหนุ่มของร้านอยู่นานเป็นครึ่งๆ วันก็เพราะหวังให้ต่อราคาได้สำเร็จ ขาดอีกแค่นิดเดียวเฉินผิงอันก็เกือบจะไปช่วยเป็นลูกจ้างในร้านอยู่แล้ว

มาถึงร้านน้ำชาห่างไกลที่มีลูกค้าบางตา อู่ชวินกับเฉินผิงอันก็เดินตรงไปยังศาลาริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง มีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งเผยตัวมารับทำหน้าที่ชงชา หลังจากอู่ชวินแนะนำตัวนาง เฉินผิงอันถึงได้รู้ว่านางเป็นถึงเถ้าแก่ของร้านน้ำชาแห่งนี้

อู่ชวินบอกว่าคลังของจวนไช่เฉวี่ยมีชุดคลุมอาคมระดับเยี่ยมสองชิ้น ระดับกลางสิบหกชิ้น ราคาแตกต่างกันไป ฝ่ายแรกราคาสิบห้าเหรียญเงินฝนธัญพืช ฝ่ายหลังแค่ห้าเหรียญเท่านั้น

เฉินผิงอันพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ชุดคลุมอาคมนั้นต้องซื้อ แต่ไม่ใช่ตอนนี้

ไม่ใช่ว่าขัดสนจนไม่สามารถซื้อชุดคลุมอาคมชั้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งของจวนไช่เฉวี่ยได้ การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ของเฉินผิงอันมีเงินเข้ากระเป๋าตลอดเวลา อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังเพียงแค่ร้านผีฝูบนถนนเหล่าไหวของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ทุกพื้นที่ล้วนเป็นเงินเป็นทอง รวมไปถึงหน้าผาอวี้อิ๋งที่กึ่งซื้อกึ่งหลอกเอามาจากหลิ่วจื้อชิง ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินเทพเซียนก้อนใหญ่ได้ นอกจากนี้วัตถุล้ำค่าที่อยู่บนร่างของเฉินผิงอันก็ยังมีอีกบางส่วน

แต่การเดินทางเลียบลำน้ำหลังจากนี้ ขุนเขาสายน้ำยาวไหล ชุดคลุมอาคมไม่ใช่วัตถุที่สำคัญสำหรับเฉินผิงอันมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องรีบร้อน

เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้เขินอายอะไรมากนัก เขาถามอู่ชวินไปตามตรงว่าจวนไช่เฉวี่ยจะช่วยจองชุดคลุมอาคมสองชิ้นไว้ให้เขาได้หรือไม่ ในช่วงเวลาสองสามปีนี้ ไม่ว่าเขาจะซื้อหรือไม่ซื้อก็จะต้องให้คำตอบที่แน่ชัดแก่จวนไช่เฉวี่ยแน่นอน

อันที่จริงอู่ชวินก็กลัวจริงๆ ว่าจะเจอเข้ากับเศรษฐีใหญ่ที่มาเหมาซื้อชุดคลุมอาคมทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังของจวนไช่เฉวี่ยไปรวดเดียว ถึงเวลานั้นทุกชิ้นที่ขายออกไปก็เท่ากับว่าขาดทุนไปส่วนหนึ่ง

เพราะถึงอย่างไรชุดคลุมอาคมของจวนไช่เฉวี่ยก็ไม่เคยต้องกลัดกลุ้มกับเรื่องช่องทางของการหาเงิน

ต่อให้จะได้สะสมความสัมพันธ์ควันธูปกับแขกผู้ทรงเกียรติหนุ่มแซ่เฉินผู้นี้ จวนไช่เฉวี่ยก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี

ทว่าเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของอู่ชวินผ่อนคลายขึ้นอีกหลายส่วน ก็แค่ช่วยจองไว้ให้เขาสองชิ้นเท่านั้น ไม่ว่าการซื้อขายนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ถือว่าอีกฝ่ายติดค้างน้ำใจของจวนไช่เฉวี่ยแล้ว

ดังนั้นอู่ชวินที่เวลาปกติไม่ค่อยชอบพูดคุยจึงพูดมากขึ้นกว่าเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!