หากงูเจ้าถิ่นทั้งสองตัวอย่างนครเหนือเมฆและจวนไช่เฉวี่ยร่วมมือกันยึดครองถ้ำสถิต ต่อต้านคนนอก ไหนเลยจะมีโอกาสให้ผู้ฝึกตนอิสระอย่างพวกเขา แม้แต่เศษซากน้ำแกงเย็นๆ ก็ไม่มีทางเหลือ ไปถึงแล้วไม่ถูกฆ่าก็ถือว่าโชคดีอย่างใหญ่หลวงแล้ว ยังจะพูดถึงสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดิน สัตว์วิเศษ หรือวิชาลับตระกูลเซียนอะไรได้อีก? มีเพียงสองตระกูลผูกปมแค้นต่อกัน นั่นก็คือโอกาสที่ใหญ่เทียมฟ้า เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลช่วงชิงสมบัติอาคม ตีกันจนมันสมองของทั้งสองฝ่ายแตกกระจาย ก็มีให้เห็นไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่าการเข่นฆ่าส่วนใหญ่ไร้ความยำเกรงยิ่งกว่าพวกผู้ฝึกตนอิสระเสียอีก ไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมาเลยแม้แต่น้อย ภูเขาสายน้ำพังภินท์ ส่งผลกระทบต่อโชคชะตาของพื้นที่หนึ่ง นี่ยังไม่นับเป็นอะไร เพราะถึงอย่างไรก็มีสำนักคอยหนุนหลังให้ และจวนที่ว่าการของราชสำนักในท้องถิ่นก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ฝืนใจคอยตามล้างตามเช็ดให้กับเหล่าเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่สูงส่งเกินใครเหล่านั้นเท่านั้น
ผู้เฒ่าร่างผอมสูงยิ้มกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนี้ สหายสามารถวางใจได้เลย หากเจอกับเซียนซือของสองตระกูลนี้ ข้าผู้เป็นนักพรตย่อมแสดงตัวตนอย่างชัดเจน คิดดูแล้วทั้งนครเหนือเมฆและจวนไช่เฉวี่ยก็คงต้องเห็นแก่หน้าบางๆ ของข้าผู้เป็นนักพรตอยู่บ้าง”
แต่ต่อมานักพรตเฒ่าก็รีบเอ่ยเตือนว่า “แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าผู้เป็นนักพรตก็คงไม่สะดวกจะอาศัยความสามารถที่แท้จริงมาช่วงชิงโชควาสนาแล้ว ดังนั้นต่อให้ได้เจอกับเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลสองกลุ่มนั้น หากไม่เป็นความเข้าใจผิดที่ใหญ่เกินไป ข้าผู้เป็นนักพรตก็ไม่มีทางเปิดเผยตัวตนแน่นอน”
เรื่องวงในบางอย่าง แน่นอนว่านักพรตซุนไม่มีทางเปิดเผยแก่คนผู้นี้ง่ายๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าชุดดำที่อยู่ข้างกายนั้นเชื่อเขาอย่างหมดหัวใจ จึงทอดถอนใจเอ่ยชื่นชมว่า “นักพรตซุนมีประสบการณ์โชกโชน ไม่ว่าทำอะไรก็ล้วนรอบคอบรัดกุม ผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นดั่งจอกแหนไร้รากฐานอย่างข้า เจอกับเรื่องในยุทธภพมาจนชินแล้ว เดิมทีนึกว่ายังพอจะมีประสบการณ์ในยุทธภพอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาเทียบกับนักพรตซุนแล้วกลับอยู่ไกลเกินกว่าจะทัดเทียมได้ ละอายใจ ละอายใจยิ่งนัก”
นักพรตเฒ่าลูบหนวดยิ้ม
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนจริงใจอะไร แต่ก็ได้พูดประโยคจากใจจริงออกมาอยู่สองสามคำ
แคว้นเป่ยถิงใต้ฝ่าเท้าของคนทั้งสี่ในเวลานี้คือแคว้นเล็กๆ ส่วนผู้ฝึกตนของแคว้นฝูฉวีก็ยิ่งไม่ได้ความ บุปผาบานในกำแพงแต่ส่งกลิ่นหอมไปนอกกำแพง คนเดียวที่พอจะเอามาโอ้อวดได้ก็คือผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่มีโชควาสนาใหญ่ ว่ากันว่านางได้ออกไปจากบ้านเกิดไกลเป็นหมื่นลี้นานแล้ว แล้วก็คอยให้การดูแลตระกูลอยู่ตลอด นอกจากนี้ด้วยการสืบทอดจากสำนักและตำแหน่งที่โดดเด่นของนางในทุกวันนี้ ต่อให้ได้ยินว่าที่นี่มีโชควาสนา ก็คงไม่ยินดีจะมาร่วมวงความครึกครื้น ผู้ฝึกตนขอบเขตถ้ำสถิตคนหนึ่งก็สามารถทำลายตราผนึกภูเขาชั้นแรกของจวนตระกูลเซียนนั่นได้แล้ว สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในย่อมไม่มีทางดีมากนัก
ถ้ำสถิตหรือไม่ก็สมบัติอาคมที่ปรากฏตัวบนโลกซึ่งมีภาพปรากฎการณ์ยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าดินส่วนใหญ่
พวกคนอย่างตี๋หยวนเฟิงนี้ ต่อให้ได้ข่าว แต่หากไม่มีสถานะของเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่แท้จริงก็ไม่มีทางพาตัวไปตายอย่างแน่นอน เพราะนิสัยของลูกศิษย์สำนักใหญ่ล้วนไม่ค่อยจะดีนัก
ในอดีตอุตรกุรุทวีปเคยมี ‘รวมเล่มระมัดระวัง’ ที่ผู้ฝึกตนอิสระแทบทุกคนต้องได้ครอบครองแพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวาง ได้รับความนิยมไปทั้งทวีป
เพียงแต่ว่าภายหลังไม่รู้ว่าเหตุใดเวลาสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งปี ตำราเล่มนี้ก็ถูกทำลายทิ้งและกลายเป็นตำราต้องห้าม ตอนนั้นสำนักฉงหลินที่อาศัยตำราเล่มนี้หาเงินมาได้จำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการเก็บกักตุนตำราเล่มนี้ ได้ออกคำสั่งไม่ให้ร้านค้าทั้งหมดที่อยู่บนท่าเรือตระกูลเซียนแต่ละแห่งขายหนังสือเล่มนี้ มีคนเดาเอาว่าคงจะมีเซียนกระบี่ใหญ่หลายท่านร่วมกันเสนอความเห็น สำนักฉงหลินที่ถูกขนานนามว่า ‘สองมือไม่จับเงิน ไหล่เหล็กแบกคุณธรรม’ จึงเป็นผู้นำในการเลิกขาย หลังจากนั้นมาตำราเล่มนี้ก็ไม่ถูกจัดพิมพ์ขึ้นอีก
ตี๋หยวนเฟิงคิดถึงหนังสือเล่มนี้มาโดยตลอด
เขาแค่เคยได้ยินว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นโดยผู้ฝึกตนต่างถิ่นแซ่เจียง ไม่เพียงแต่ภาษาในการเขียนไพเราะสละสลวย อีกทั้งแต่ละคำล้วนมีค่าดุจทองคำดุจหยก
ยกตัวอย่างเช่นตี๋หยวนเฟิงเคยได้ยินนักพรตซุนพูดถึงเรื่องนี้ บอกว่าในหนังสือเตือนผู้ฝึกตนอิสระว่าหากออกเดินทางไกลแล้วกล้าไปแย่งชิงอาหารจากปากเสือ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องระวังพวกลูกศิษย์สำนักใหญ่ที่มีเทพธิดาอยู่ข้างกาย ยิ่งอายุน้อยก็ยิ่งต้องระวังให้ดี เพราะหากเจอเข้าจริงๆ แล้วเกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา ฝ่ายชายจะต้องลงมืออย่างไม่ออมกำลัง มีสมบัติอาคมเท่าไรก็ต้องเรียกออกมาหมด สังหารผู้ฝึกตนอิสระขอบเขตถ้ำสถิตคนหนึ่งก็จะใช้พละกำลังในการสังหารเซียนดินโอสถทองคนหนึ่ง ไม่เสียดายปราณวิญญาณน้อยนิดที่เผาผลาญไปแม้แต่น้อย ส่วนผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นศัตรูกับเขาก็ย่อมตายอย่างสิ้นซากงดงามดุจมีบุปผาผลิบานแน่นอน
ขณะเดียวกันในตำรา ‘รวมเล่มระมัดระวัง’ เล่มนั้นก็มีวิธีการรับมือบอกไว้เหมือนกัน บอกว่าหากรู้สึกว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอนก็ห้ามทำคอแข็งปล่อยถ้อยคำอาฆาตเด็ดขาด ควรจะรีบคุกเข่าโขกหัวอ้อนวอน ไม่ได้ขอร้องบุรุษคนนั้น แต่ขอร้องเทพธิดาข้างกายบุรุษให้มีเมตตา ต้องโขกหัวให้ดัง เสียงที่เรียกพระโพธิสัตว์หญิงผู้นั้นก็ต้องก้องกังวาน บางทีอาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิตเสี้ยวหนึ่ง
ต่อให้ตี๋หยวนเฟิงเพียงแค่เคยได้ยินถ้อยคำไม่ปะติดปะต่อเกี่ยวกับ ‘รวมเล่มระมัดระวัง’ เล่มนั้นมา แต่ก็ยังรู้สึกว่าผู้อาวุโสเจียงผู้นี้ช่างมองใจคนออกอย่างทะลุปรุโปร่งอย่างแท้จริง
เดินอยู่บนทางเส้นเล็กระหว่างภูเขาร่วมกับคนทั้งสาม
เฉินผิงอันเงยหน้ามองสีท้องฟ้า แล้วก็พลันรู้สึกเยาะหยันตัวเอง
เมื่อเทียบกับการค้นหาโชควาสนาด้วยตัวเองเพียงลำพัง ดูเหมือนว่าตนจะชอบคบค้าสมาคมกับคนอื่นมากกว่า ต่อให้จะอยู่ร่วมกับพวกคนที่จิตใจยากจะคาดเดา แต่ก็ยังรู้สึกเคยชินเป็นธรรมชาติ
ทว่าสำหรับฟ้าดินที่กว้างใหญ่แห่งนี้ เขากลับรู้สึกเคารพยำเกรงและหวาดกลัวมาโดยตลอด ครั้งแรกที่ออกมาจากถ้ำสวรรค์หลีจูก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิม
ไม่อย่างนั้นด้วยตบะและฝีมือของเขาในตอนนี้ จำเป็นต้องรวมกลุ่มกับคนอื่นเพื่อไปเยี่ยมเยียนภูเขาถึงจะรู้สึกสบายใจด้วยหรือ
แบบนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
ทว่าก็ได้แต่ต้องค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น
อันที่จริงเกี่ยวกับข้อนี้ เมื่อหลายปีก่อนลู่ไถเคยมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วก็เคยพูดเปิดโปงออกมา เป็นคำเตือนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีต่อเฉินผิงอัน
รู้ว่าหลักการเหตุผลบางอย่างนั้นดีมาก แต่กลับยากจะที่ปฏิบัติตามได้ในทันที ท่ามกลางคนบนโลกที่มากมาย ไยจะไม่มีเฉินผิงอันเป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้นอกจากเฉินผิงอันจะเดินเลียบลำน้ำสายใหญ่แทนเฉินหลิงจวินล่วงหน้าก่อนหนึ่งรอบแล้ว แน่นอนว่าการฝึกตนของเขาก็ไม่ได้ถูกถ่วงเวลาไว้เช่นกัน อันที่จริงการเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตร่างทองก็คือภารกิจเร่งด่วนของตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้
นอกจากนี้แล้ว เขาก็คิดจะเก็บสะสมเงินให้มากๆ เพื่อซื้อกระบี่บินจำลองของภูเขาชังกระบี่มาสักเล่มสองเล่ม
ตอนอยู่ที่ชายหาดโครงกระดูก เฉินผิงอันได้เรียนรู้หลายอย่างมาจากบนร่างของหยางหนิงซิ่งแห่งหน่วยฉงเสวียน
บัณฑิตที่เป็นร่างจำแลงของเมล็ดงาความคิดชั่วร้ายของหยางหนิงซิ่งนั้น เคยแสดงกระบี่บินจำลองของภูเขาชังกระบี่เล่มหนึ่งให้ดู พลังอำนาจของมันเปี่ยมล้น ชวนให้คนอกสั่นขวัญผวา
ตอนนั้นขนาดเฉินผิงอันที่คุ้นเคยกับกระบี่บินเป็นอย่างดีก็ยังถูกอีกฝ่ายหลอกต้มเสียได้
ถ้าอย่างนั้นขอแค่หล่อหลอมชูอีสืออู่ได้สำเร็จ แม้ว่าจะไม่ใช่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับสามารถหลอมกระบี่บินให้เป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกตนได้อย่างกู้โม่สายไท่เสีย นั่นก็เท่ากับว่าเขาจะมีสมบัติอาคมที่ใช้ในการโจมตีเพิ่มขึ้นมาอีกสองชิ้น
หากมีกระบี่บินจำลองของภูเขาชังกระบี่เพิ่มขึ้นมาอีกสองเล่ม ยามที่เปิดฉากเข่นฆ่าสังหารกันขึ้นมา ศัตรูก็จะต้องรู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิม แล้วก็ยากจะป้องกันได้มากกว่าเดิม
เล่มแรกเรียกกระบี่จำลองของภูเขาชังกระบี่ออกมาก่อน จากนั้นก็ค่อยเป็นชูอี เล่มที่สามเรียกกระบี่บินจำลองออกมาอีก สุดท้ายถึงปล่อยสืออู่
คิดดูแล้วเส้นทางในหัวใจของศัตรูที่ประมือกับเขาย่อมต้องแปรปรวนไม่อยู่นิ่งอย่างแน่นอน
ยุทธภพอันตราย บนภูเขาลมแรง เวทอำพรางตาประเภทนี้ แน่นอนว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งเป็นประโยชน์
……
ทางสายเล็กไส้แกะบนภูเขาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของทุกคนเวลานี้คดเคี้ยวอย่างยิ่ง
อันที่จริงยังเหลือระยะทางภูเขาอีกร้อยกว่าลี้กว่าจะไปถึงถ้ำสถิตแห่งนั้น
และเวลานี้เอง หวงซือก็เป็นฝ่ายชะลอฝีเท้าลงก่อน ตี๋หยวนเฟิงหยุดเดินตามไปด้วย เอามือกดไว้ที่ด้ามดาบ
จากนั้นนักพรตซุนก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติเหมือนกัน เขาเพ่งสายตามองไปถึงเห็นว่าห่างออกไปไกลมีศาลาผุพังอยู่หลังหนึ่ง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยพุ่มหญ้ารกชักฎ สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด และมีร่องรอยของคนที่มาตัดต้นไม้บางส่วนออกไป
เฉินผิงอันย่อมต้องเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในศาลาแห่งนั้น
กล้ามาก่อกองไฟอยู่ท่ามกลางม่านราตรีอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ มีแต่จะเป็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูล อีกทั้งภูมิหลังยังไม่ใช่เล็กๆ
ทางฝั่งของศาลามีชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินออกมา เฉินผิงอันจำอีกฝ่ายได้ในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!