จางซานเฟิงนั่งลงแล้วเริ่มเล่าเรื่องด้านล่างภูเขาต่ออีกครั้ง
ศิษย์หลานน้อยผู้นั้นฟังอย่างตั้งใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็พูดบ่นขึ้นมาว่า “อาจารย์อาน้อย ภูตผีสัตว์ประหลาดล่างภูเขาไม่มีดีเลยสักตนหรือ? หากเป็นแบบนี้ เหตุใดบรรพจารย์ปู่ แล้วยังมีพวกอาจารย์อาอาจารย์ลุงทั้งหลายถึงได้ปล่อยให้พวกมันทำเรื่องชั่วร้ายได้ล่ะ?”
จางซานเฟิงหัวเราะ “เรื่องนี้หรือ แน่นอนว่าต้องมีคำอธิบาย รอให้สหายของข้ามาเป็นแขกที่บ้านพวกเราเมื่อไหร่ อาจารย์อาน้อยจะให้เขาเล่าให้พวกเจ้าฟัง เขาน่ะมีเรื่องเล่าภูเขาสายน้ำที่น่าสนใจมากมายนักล่ะ”
นักพรตน้อยคนหนึ่งส่ายหน้าอย่างแรง “ข้ารู้สึกว่าเขาต้องเล่าได้ไม่เก่งเท่าอาจารย์อาน้อยแน่นอน!”
จางซานเฟิงโบกมือ ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “เชิญพูดเรื่องจริงได้ตามสบาย อีกเดี๋ยวพอหิมะตกแล้วเล่นปาหิมะกัน อาจารย์อาน้อยจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าเอง”
นักพรตน้อยคนนั้นรีบปฏิเสธทันที “ฝันไปเถอะ!”
ได้ยินพวกศิษย์พี่เล่าว่าทุกครั้งที่เล่นปาหิมะก็มีอาจารย์อาน้อยนี่แหละที่ถูกปาลูกหิมะใส่อย่างน่าอนาถที่สุด เพราะตัวสูงที่สุด วิ่งได้เร็ว ต่อให้ถูกปาโดนก็ไม่โกรธ
จางซานเฟิงขยับคอเสื้อชุดคลุมเต๋าแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “กล้าไม่เคารพอาจารย์อาน้อยหรือ? ไม่กลัวว่าอาจารย์เจ้าจะตีเจ้าจนก้นลายหรืออย่างไร?”
นักพรตน้อยคนนั้นทำหน้ายับยุ่ง พูดเสียงเบาว่า “เมื่อปีก่อนอาจารย์จากไปแล้ว”
จางซานเฟิงอึ้งตะลึง จากนั้นก็ถอนหายใจ ยื่นนิ้วชี้หน้านักพรตน้อย พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “อันที่จริงยังไม่ได้จากไปเสียหน่อย เจ้าเองก็ยังจำอาจารย์ได้ไม่ใช่หรือ?”
นักพรตน้อยก้มหน้า ดวงตาแดงก่ำ เขาอืมรับหนึ่งทีก่อนพูดว่า “ตอนที่อาจารย์จากไปก็พูดแบบนี้เหมือนกัน บอกข้าว่าอย่าร้องไห้ เพราะยามใดที่คิดถึงอาจารย์ ก็เท่ากับอาจารย์ไม่ได้จากไปไหน แล้วก็ไม่ต้องคิดถึงบ่อยๆ แค่คิดถึงบ้างเป็นบางครั้งก็ดีมากแล้ว ยังบอกอีกว่ารอเมื่อไหร่ที่ข้าคิดถึงอาจารย์แล้วไม่ได้เสียใจมากเท่าเดิมอีก ก็แสดงว่าข้าโตแล้ว พอถึงเวลานั้นก็สามารถลงจากภูเขาไปกำจัดปีศาจปราบมารได้แล้ว อาจารย์อาน้อย เหตุใดผ่านไปนานขนาดนี้ ตั้งปีกว่าแล้ว ข้าถึงยังเสียใจมากอยู่เลยล่ะ”
จางซานเฟิงคิดแล้วก็ไม่สามารถเอ่ยคำพูดปลอบใจอะไรออกมาได้
บางทีหากเฉินผิงอันอยู่ที่นี่ เขาอาจทำได้ดีกว่านี้ สำหรับจากลาแต่ละประเภทบนโลกใบนี้ เฉินผิงอันอายุไม่มาก แต่กลับมีประสบการณ์มากกว่า
น่าเสียดายที่เขาไม่อยู่
ตอนเด็กดูเหมือนว่าวันแล้ววันเล่าเพียงนับนิ้วก็ผ่านพ้นไป
แต่พอโตขึ้นมา เดือนแล้วเดือนเล่าก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปี
หากกลายมาเป็นผู้ฝึกตนบนภูเขา พอขอบเขตสูงแล้ว สิบปีร้อยปีก็ดูเหมือนว่าเพียงชั่วพริบตาก็ผ่านพ้น จะจดจำคนข้างกายได้สักกี่คน? แล้วจะมีสักกี่คนที่ถือว่าเป็นคนข้างกายได้?
จางซานเฟิงเคยถามคำถามมากมายกับอาจารย์ ทว่าหลายๆ ครั้งฮว่อหลงเจินเหรินมักจะบอกว่าคำถามนั้นไม่มีคำตอบ เพราะเดิมทีคำถามก็คือคำตอบ หลายครั้งที่มองดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบ ก็คือปัญหาข้อถัดไป
จางซานเฟิงไม่ได้รู้สึกว่าอาจารย์ตอบตนอย่างขอไปที ดังนั้นเขาจึงยิ่งสับสนมากกว่าเดิม
อาจารย์มรรคกถาสูงหรือไม่?
แน่นอนว่าไม่สูง
เพราะมรรคถาของอาจารย์ไม่ได้อยู่บนภูเขา ไม่ได้อยู่บนฟ้า แต่อยู่ในโลกมนุษย์ตีนเขา
นักพรตน้อยคนหนึ่งถามอย่างสงสัย “อาจารย์อาน้อย คิดอะไรอยู่น่ะ?”
จางซานเฟิงกำลังจะตอบ
เจ้าตัวน้อยคนหนึ่งกลับเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนว่า “ต้องแอบคิดถึงแม่นางหน้าตางดงามล่างภูเขาอยู่แน่นอน”
นักพรตน้อยอีกคนหนึ่งจึงเอ่ยรับว่า “เชิญพูดความจริงได้ตามสบาย”
จางซานเฟิงหัวเราะร่า “เรื่องเล่าภูเขาสายน้ำระหว่างการกำจัดปีศาจปราบมารก่อนหน้านี้ยังไม่ต้องพูดถึงก่อน เอาไว้ค่อยเล่าใหม่คราวหน้า อาจารย์อาน้อยจะเล่าเรื่องสนุกกว่าที่เป็นสมบัติก้นกรุให้พวกเจ้าฟัง”
คิดไม่ถึงว่านักพรตน้อยคนหนึ่งจะรีบพูดกับเหล่าสหายทันทีว่า “ไม่ต้องกลัวนะ อาจารย์อาน้อยต้องคิดจะเอาเรื่องภูตผีมาหลอกให้พวกเรากลัวแน่ๆ”
จางซานเฟิงมองเจ้าพวกตะพาบน้อยที่แต่ละคนฉลาดเฉลียวหัวไวไม่แพ้กัน นักพรตน้อยกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างกายตอนนี้ เมื่อเทียบกับพวกศิษย์หลานน้อยที่ลงเขาไปก่อนหน้านั้น ดูเหมือนจะปรนนิบัติยากยิ่งกว่าเสียอีก
จางซานเฟิงจึงได้แต่ใช้ท่าไม้ตาย ตะโกนเสียงดังว่า “อาจารย์ เหตุใดหิมะถึงยังไม่ตกสักที”
เจินเหรินผู้เฒ่าที่นั่งงีบหลับอยู่ตรงหน้าผาห่างไปไกลเปิดปากยิ้มกล่าวว่า “จะเข้าห้องส้วมต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนไม่ใช่หรือ”
นักพรตน้อยทุกคนมองอาจารย์อาน้อยด้วยสายตาเวทนา ต่างก็รู้สึกว่าดูเหมือนสมองของอาจารย์อาน้อยจะไม่ดีเท่าไร
จางซานเฟิงลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะ จะสอนวิชาหมัดให้พวกเจ้าแล้วกัน”
เสียงฟิ้วดังขึ้นรอบด้าน ทุกคนพากันวิ่งหนีหายไปหมด
ไม่มีหิมะตก ไม่มีเรื่องเล่า แล้วหน้าหนาวก็ไม่มีผลป่าบนภูเขาอะไรให้เก็บ อาจารย์ของแต่ละคนก็ไม่ได้ทำให้ก้นของใครลายพร้อย อาจารย์อาน้อยจึงไม่มีประโยชน์อะไรอีก
จางซานเฟิงพลันสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวน้อยคนหนึ่งหยุดเดิน ไม่ได้จากไป
จางซานเฟิงพอใจอย่างยิ่ง ยิ้มกวักมือเรียก “ดีๆ อาจารย์อาน้อยจะสอนวิชาหมัดให้เจ้าคนเดียวแล้วกัน”
นักพรตน้อยคนนั้นหัวเราะหึหึ แล้วปล่อยหมัดสะเปะสะปะไปหนึ่งคำรบ ปากก็ร้องฮื่อฮ่าตามหมัดที่ปล่อย จากนั้นก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่า “อาจารย์อาน้อยเรียนเป็นแล้วหรือยัง” แล้วก็วิ่งหายไป
จางซานเฟิงเกาหัว
ศิษย์หลานกลุ่มนี้เจ้าเล่ห์กันจริงๆ อาจารย์อาน้อยควบคุมไม่อยู่เลย
……
ช่วงสนธยา เมืองเล็กในหมู่ชาวบ้านที่ตั้งอยู่ตีนเขาของยอดเขาสิงโต
คนหนุ่มต่างถิ่นที่สวมชุดเขียว สะพาบหีบไม้ไผ่ ถือไม้เท้าเดินป่าคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านขายผ้าที่กิจการไม่เลว
สตรีแต่งงานแล้วที่กำลังรับรองลูกค้าหันหน้ามาเห็นว่ามีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านก็ยิ้มทักทาย “โอ้ะ คุณชายน้อยผู้หล่อเหลามาเลือกผ้าแพรต่วนเอาไปตัดชุดสวยๆ ให้ภรรยาของเจ้าหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยด้วยภาษาบ้านเกิด “ท่านอาหลิ่ว ข้าชื่อเฉินผิงอัน อาศัยอยู่ที่ตรอกหนีผิง”
สตรีแต่งงานแล้วอึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง “เฉินผิงอันที่ไหวหวาเอ๋อร์ (หวาเอ๋อร์คือคำเรียกแทนบุตรชาย) ของข้าพูดถึงเป็นประจำนั่นน่ะหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ ในมือหิ้วของขวัญห่อเล็กห่อใหญ่มาด้วย ล้วนเป็นของที่เขาซื้อมาจากร้านในเมืองเล็ก
สตรีแต่งงานแล้วรีบวางการค้าในมือลง ให้สตรีออกเรือนของเมืองเล็กที่ฐานะทางบ้านดีหลายคนนั้นเลือกเนื้อผ้ากันเอาเอง นางหิ้วม้านั่งตัวยาวมาให้เฉินผิงอัน “นั่ง รีบนั่งเร็วเข้า พ่อของหลี่ไหวขึ้นเขาไปแล้ว จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ แต่ว่าบนภูเขาไม่มีพวกนังจิ้งจอก อย่างช้าสุดก็ต้องกลับมาก่อนฟ้ามืดแน่นอน แต่ถ้าถามข้านะ หากมีนังจิ้งจอกอยู่จริงก็ไม่มีทางชอบเจ้าตอไม้ทึ่มทื่อนั่นได้หรอก ก็มีแต่ข้านี่แหละที่ปีนั้นถูกน้ำมันหมูบดบังหัวใจ ถึงได้ตาบอดเลือกหลี่เอ้อร์”
สตรีแต่งงานแล้วนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของม้านั่งยาว นางไม่วางตัวห่างเหินกับเฉินผิงอันแม้แต่น้อย “ตรอกหนีผิง ข้ารู้จัก อยู่ใกล้กับบ่อโซ่เหล็กมาก เป็นตรอกเล็กที่คนไม่เยอะ ตรงท้ายตรอกมีหญิงหม้ายยังสาวคนหนึ่ง หน้าตาด้อยกว่าข้าเล็กน้อย แม่เฒ่าหม่าของตรอกซิ่งฮวาที่อยู่ใกล้ๆ กับตรอกหนีผิง เจ้าก็น่าจะรู้จักกระมัง? หญิงแก่ผู้นี้ยิ่งอายุมาก ปากคอก็ยิ่งเราะร้าย จุ๊ๆๆ ข้าว่านะ นางน่ะด่าคนจนคนตายฟื้นมาพูดได้เลย หญิงหม้ายตระกูลกู้ของตรอกหนีผิงยังเอาชนะหญิงแก่ผู้นี้ไม่ได้”
เฉินผิงอันวางของขวัญพวกนั้นไว้บนโต๊ะคิดเงินเบาๆ เรียบร้อยแล้วก็ปลดหีบไม้ไผ่วางไว้ข้างเท้า วางไม้เท้าเดินป่าพิงไว้เอียงๆ นั่งเบี่ยงตัวยิ้มฟังสตรีแต่งงานแล้วผู้นี้พร่ำพูดถึงเรื่องราวในบ้านเกิดเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!