กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 560

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ชุยเฉิงมักจะปรากฏตัวเป็นประจำ แล้วยังมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะด้วย

ชุยเฉิงเอ่ยแค่ประโยคเดียวว่า “ลงไปเล่นที่ชั้นหนึ่งไป”

เผยเฉียนกลับกลอกตาไปมา อิดออดอยู่นานกว่าจะเดินก้าวอาดๆ ออกไปจากเรือนไม้ไผ่ พอไปยืนอยู่กลางระเบียงแล้วก็ยกสองมือเท้าเอว ตะโกนเสียงดัง “โจวหมี่ลี่!”

แม่นางน้อยชุดดำที่นั่งอยู่ชั้นหนึ่งของเรือนไม้ไผ่รีบวิ่งออกมาบนพื้นโล่ง ถามว่า “ทำไมวันนี้ถึงได้ไม่ยินเสียงร้องโหยหวนเล่า?”

เผยเฉียนเลิกคิ้ว ยกสองแขนกอดอก หัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? เข้ามาในชั้นสอง หากไม่รู้แพ้ชนะ เจ้าคิดว่าข้าจะเดินออกมาได้หรือ?”

โจวหมี่ลี่ขมวดคิ้ว พยายามคิดหาคำถาม สุดท้ายก็ได้แต่ถามว่า “พวกเราใส่ยาถ่ายไว้ในถ้วยข้าวใบนั้นหรือ? ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องก่อนล่ะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรมอบให้หน่วนซู่จัดการนะ ข้าเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่วก็น่าจะให้ข้าทำถึงจะถูก…”

เผยเฉียนกระโดดลงมาจากชั้นสอง พลิ้วกายลงข้างกายของโจวหมี่ลี่ ยื่นมือมากดศีรษะของเจ้าโง่น้อยผู้นี้อย่างว่องไว นางบิดข้อมือหนึ่งครั้ง โจวหมี่ลี่ที่ยืนอยู่ที่เดิมก็ตัวหมุนเป็นลูกข่าง

ถึงท้ายที่สุดโจวหมี่ลี่กลับรู้สึกสนุก จึงวิ่งวนอยู่ที่เดิมด้วยตัวเอง

เผยเฉียนยื่นสองนิ้วมาประกบกัน ตวาดเบาๆ ว่า “หยุด!”

โจวหมี่ลี่หยุดยืนนิ่งทันที ยังไม่ลืมเบิกตากว้างค้างไว้ ไม่กล้ากระดุกกระดิก

เผยเฉียนเอาสองนิ้วตั้งวางไว้ตรงหน้า มืออีกข้างหนึ่งทำท่ากดลมปราณลงสู่จุดตันเถียน พยักหน้าเอ่ยว่า “วิชาหยุดร่างตระกูลเซียนวิชานี้ของข้าร้ายกาจจริงๆ แม้แต่ภูตน้ำใหญ่ของทะเลสาบคนใบ้ก็ยังหนีไม่พ้น”

โจวหมี่ลี่ยังคงไม่กล้าขยับ มีเพียงดวงตาที่ยิ่งสาดประกายส่องแสง

เผยเฉียนค่อนข้างพอใจ จึงเหวี่ยงสองนิ้วใส่นาง “ขยับ!”

โจวหมี่ลี่รีบปรบมือ พูดด้วยอารมณ์ตื่นเต้นดีใจ “ร้ายกาจๆ เมื่อครู่นี้ข้าขยับไม่ได้จริงๆ”

วันนี้เผยเฉียนพาโจวหมี่ลี่ไปเที่ยวหาเฉินหรูชูอีกครั้ง แม่นางน้อยทั้งสามรวมกลุ่มกัน พูดคุยกันเสียงดังจ๊อกแจ๊กจอแจเหมือนมีนกขมิ้นจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องคลออยู่เหนือมวลดอกท้อที่ผลิบานอยู่ท่ามกลางขุนเขา

และเพียงชั่วพริบตาเวลาของหนึ่งวันก็ผ่านไปทั้งอย่างนี้

เช้าตรู่ของวันนี้ ไม่เพียงแต่เฉินหรูชูและโจวหมี่ลี่ที่มา แม้แต่เจิ้งต้าเฟิงก็มาด้วย รวมไปถึงเฉินหลิงจวิน

เจิ้งต้าเฟิงสีหน้าไร้อารมณ์

จะโทษเขาเจิ้งต้าเฟิงไม่ได้ เขาขวางไว้ไม่อยู่จริงๆ

เฉินหลิงจวินมองผู้เฒ่าชุยเฉิงแวบหนึ่งแล้วก็ไม่มองอีก แต่เดินไปนั่งเหม่ออยู่ที่ริมหน้าผาเพียงลำพัง

ชุยเฉิงพูดกับเจิ้งต้าเฟิงว่า “บอกจูเหลี่ยนว่า ไม่ต้องการโชคชะตาบู๊ครึ่งหนึ่งนั้น นับว่าไม่เลว”

มือข้างหนึ่งของเจิ้งต้าเฟิงถือร่มใบถง ยิ้มหน้าเป็นเอ่ยว่า “พ่อครัวเฒ่าไม่ต้องการ ให้ข้าก็ได้นี่นา”

ชุยเฉิงยกเท้าขึ้นถีบ ไม่เร็วนัก เจิ้งต้าเฟิงฝีเท้าโซเซเล็กน้อย แต่ก็หลบมาได้อย่างสบายๆ

เผยเฉียนที่อยู่ด้านข้างกำลังโอ้อวดเตาเจี้ยนฉว่อตรงเอวที่ไม่ได้พกมานาน ทั้งดาบไม้ไผ่และกระบี่ไม้ไผ่ล้วนอยู่ครบ

และในมือยังถือไม้เท้าเดินป่า สะพายหีบไม้ไผ่ใบเล็กไว้บนหลัง

วันนี้ผู้เฒ่าก็สวมชุดลัทธิขงจื๊อ

ใช่ว่าเผยเฉียนจะไม่เคยเห็นผู้เฒ่าแต่งกายแบบนี้มาก่อน เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้ค่อนข้างแปลกตามากเป็นพิเศษ

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “คงไม่รู้สินะ ข้าผู้อาวุโสก็มีชาติกำเนิดมาจากบัณฑิตเหมือนกัน ในอดีตยังมีความรู้ไม่ใช่เล็กๆ คือผู้รอบรู้มากความสามารถด้านการประพันธ์ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของแจกันสมบัติทวีป”

เผยเฉียนเอ่ย “เจ้าเป็นคนนับเอง?”

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “โอ๊ะ?”

เผยเฉียนรีบพูดเสียงดัง “น่าจะไม่ใช่! ต้องเป็นเรื่องจริงที่คนทั้งบนและล่างภูเขาของแจกันสมบัติทวีปให้การยอมรับอย่างแน่นอน!”

เจิ้งต้าเฟิงถอนหายใจอยู่ในใจ “เลือกสถานที่ได้เรียบร้อยแล้ว เริ่มจากภูเขาลึกห่างไกลแห่งหนึ่งที่อยู่ทางทิศตะวันตกสุดของแคว้นหนันเยวี่ยนตามความประสงค์ของผู้อาวุโส”

ชุยเฉิงพยักหน้ารับ แล้วหันมามองเผยเฉียน “เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

เผยเฉียนพยักหน้ารับอย่างแรง กำไม้เท้าเดินป่าในมือไว้แน่น พูดเสียงสั่นว่า “ค่อนข้างจะพร้อมแล้ว!”

สุดท้ายหนึ่งคนแก่หนึ่งเด็กก็คล้ายขี่เมฆทะยานหมอกจึงมาพลิ้วกายลงบนยอดเขาที่ร้างผู้คนแห่งหนึ่ง

เผยเฉียนหน้าซีดขาวเล็กน้อย

ชุยเฉิงพูดกลั้วหัวเราะเสียงเบา “รอจนการเดินทางครั้งนี้จบลงก็จะไม่กลัวมากขนาดนั้นแล้ว เชื่อข้าผู้อาวุโส”

เผยเฉียนทิ่มไม้เท้าเดินป่าในมือลงบนพื้นหนักๆ “กลัวกะผีอะไรเล่า!”

ชุยเฉิงทอดสายตามองทิศไกล เอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเจ้าช่วยเก็บยันต์ในชายแขนเสื้อไปหน่อย”

เผยเฉียนสะบัดชายแขนเสื้อข้างหนึ่งเบาๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

คนทั้งสองเดินเท้าลงจากเขามาด้วยกัน

แรกเริ่มเผยเฉียนยังรู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข เพียงแต่ว่านางที่เดินทางบนทางภูเขามาจนคุ้นชินแล้ว เดินไปเดินมาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้

ยังอยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนค่อนข้างไกล ใต้ฝ่าเท้าในเวลานี้เป็นเพียงแค่สถานที่กันดารของพื้นที่มงคลดอกบัวในอดีตเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นอาณาเขตของแคว้นหนันเยวี่ยนอย่างแท้จริง

ท่ามกลางแสงสายัณห์ของวันนี้ เผยเฉียนหุงข้าวและปรุงแกงปลาหม้อเล็กๆ หม้อหนึ่งอย่างคล่องแคล่วคุ้นเคยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ตรงตีนเขามีลำธารสายหนึ่ง เผยเฉียนตัดไม้ไผ่ลำหนึ่งเอามาเหลา ผูกเส้นเอ็นและตะขอตกปลาลงไป จากนั้นก็โยนเบ็ดลงน้ำ นั่งอยู่ริมน้ำเงียบๆ พอปลาติดเบ็ดก็กระชากคันเบ็ดขึ้นอย่างแรง แล้วก็กลับขึ้นมาบนฝั่ง

ตอนที่ชุยเฉิงเห็นคันเบ็ดหนาใหญ่นั่นก็ให้ปวดหัว นี่ก็เรียกว่าตกปลาได้ด้วยหรือ เรียกว่าดึงปลาขึ้นมามากกว่ากระมัง?

แต่ตอนที่ถือถ้วยใหญ่ซดน้ำแกงปลา ผู้เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิก็ไม่ถือสาเรื่องพวกนี้อีก เค็มไปหน่อย แต่พอแม่นางน้อยตัวดำเป็นถ่านถามเขาว่ารสชาติเป็นเช่นไร ผู้เฒ่าจึงยอมผิดต่อมโนธรรมในใจตอบไปว่าใช้ได้

เผยเฉียนตักแกงปลาราดข้าวให้ตัวเอง กลิ่นหอมฉุยอร่อยลิ้น มีแกงปลา กินข้าวได้อร่อยนักล่ะ!

เผยเฉียนที่นั่งอยู่บนพื้นโยกไหล่ไปมา แม่นางน้อยมีความสุขเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง

ผู้เฒ่าก็คร้านจะเตือนนางว่านั่งควรมีท่าของการนั่ง กินควรมีท่าทางการกินให้สำรวม

เขาไม่ใช่เฉินผิงอันสักหน่อย

วันหน้าหากเฉินผิงอันกล้าบ่นในเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ ผู้เฒ่าก็รู้สึกว่าไม่แน่ตนอาจอดไม่ไหวสั่งสอนเขาไปสองสามคำ เป็นอาจารย์แล้วร้ายกาจนักหรือ ควบคุมเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปทั่ว แม่หนูเผยจะนิสัยอย่างไร จริงๆ แล้วนางก็เพิ่งจะมีอายุแค่ไม่กี่…

เพียงแต่ว่าพอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ผู้เฒ่าก็รู้สึกเย้ยหยันตัวเองเล็กน้อย พูดกับเผยเฉียนเสียงเบาว่า “กินช้าๆ หน่อย ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก”

เผยเฉียนร้องอ้อหนึ่งทีแล้วเริ่มเคี้ยวอย่างละเอียด

เก็บถ้วยชามตะเกียบและหม้อไหที่ใช้ในการหุงต้มเรียบร้อยแล้ว เผยเฉียนก็หยิบเอากาน้ำออกมาล้างมือ จากนั้นก็แยกประเภทสิ่งของจัดวางไว้ในหีบไม้ไผ่ใบเล็กอย่างเป็นระเบียบ หยิบเอาพู่กันกระดาษและหมึกออกมา ใช้หีบไม้ไผ่ต่างโต๊ะ แล้วเริ่มคัดตัวอักษรอย่างจริงจัง

ชุยเฉิงนั่งอยู่ด้านข้างยิ้มกล่าว “มาถึงที่นี่แล้วไม่ต้องคัดตัวอักษรก็ได้ วันหน้าหากอาจารย์ของเจ้าตำหนิ เจ้าก็บอกไปว่าข้าเป็นคนอนุญาต”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!