บนภูเขาลั่วพั่ว เจ้าขุนเขาหนุ่มออกเดินทางไกล ผู้เฒ่าบนชั้นสองก็ออกเดินทางไกลเหมือนกัน บนเรือนไม้ไผ่จึงไม่มีใครพักอาศัยอยู่อีก
ช่วงนี้เฉินหลิงจวินไม่ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกแล้ว แต่มักจะมานั่งอยู่ที่โต๊ะหินริมหน้าผาบ่อยๆ
เขารู้ว่าตัวเองคือคนที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดบนภูเขาลั่วพั่ว สู้งูเหลือมไฟน้อยชะตาบุ๋นที่มีชาติกำเนิดจากหอจือหลันสกุลเฉาที่ขยันคล่องแคล่วไม่ได้ ถึงขั้นไม่น่ารักเซ่อซ่าเหมือนเจ้าตัวน้อยโจวหมี่ลี่ เฉินยวนจีเป็นคนที่จูเหลี่ยนพาขึ้นเขามา คุณสมบัติไม่เลว ฝึกวิชาหมัดก็ถือว่าทนความลำบากได้ ชีวิตในแต่ละวันยุ่งอยู่กับการฝึกหมัดอีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สือโหรวดูแลกิจการที่ร้านในเมืองเล็ก ได้เงินมาไม่มาก แต่ถึงอย่างไรก็ช่วยภูเขาลั่วพั่วหาเงินมาได้ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับเผยเฉียน ขอแค่เผยเฉียนมีเวลาว่างก็จะต้องไปดูสือโหรวที่นั่น แม้ปากจะบอกว่ากลัวสือโหรวจะฮุบเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่แท้จริงแล้วก็แค่กลัวว่าสือโหรวจะรู้สึกว่าถูกภูเขาลั่วพั่วเมินเฉยเท่านั้น
มีเพียงเขาเฉินหลิงจวินที่ให้ตายก็ยังต้องรักษาหน้าตา จึงมีชีวิตลำบากเช่นนี้ ไม่ว่าทำอะไรพูดอะไรก็ล้วนไม่เป็นที่ชื่นชอบ
พี่น้องเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงคนนั้น หลังจากเข้าร่วมงานเลี้ยงเทพท่องราตรีสามครั้งก็ยิ่งเกรงใจมีมารยาทกับตนมากขึ้น แต่ความเกรงใจเช่นนี้กลับทำให้เฉินหลิงจวินผิดหวังอย่างมาก ถ้อยคำประจบเอาใจบางอย่างพูดด้วยความกระตือรือร้นจนเฉินหลิงจวินปรับตัวไม่ทัน
เขาชอบช่วงเวลาตอนอยู่ในจวนน้ำ ได้ดื่มเหล้าถ้วยใหญ่กินเนื้อชิ้นโต พูดจาหยาบคาย ด่าพ่อด่าแม่กันและกันมากกว่า
แต่เฉินหลิงจวินก็ไม่ใช่คนโง่ เรื่องราวหลายอย่างเขาล้วนมองเห็น
ยกตัวอย่างเช่นการจากไปยังพื้นที่มงคลรากบัวของผู้อาวุโสชุยครั้งนี้ อีกฝ่ายจะต้องไม่มีทางได้กลับมาอีกแน่นอน
ทว่าแม้แต่คำลาสักคำ เขาเฉินหลิงจวินกลับพูดไม่ออก ตอนที่อาจารย์ผู้เฒ่าชุดเขียวพาเผยเฉียนจากไป เขาได้แต่มานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้ แสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่รู้อะไรสักอย่าง
ปกติช่วงเช้าตรู่จะต้องเป็นเวลาที่เผยเฉียนขึ้นชั้นสองไปกินหมัด
ทว่าตอนนี้เรือนไม้ไผ่กลับเงียบสงัด
เฉินหลิงจวินฟุบตัวลงบนโต๊ะ ตรงหน้ามีเมล็ดแตงที่ไปแย่งมาจากเฉินหรูชู วันนี้แสงอาทิตย์อบอุ่น สาดส่องลงมาจนเขาไร้เรี่ยวแรง แม้แต่แรงจะแทะเมล็ดแตงก็ยังไม่มี
กำลังคิดว่าควรจะไปที่ประตูภูเขาหาเรื่องคุยเล่นกับพี่น้องต้าเฟิงดีหรือไม่ พี่น้องต้าเฟิงยังพอจะมีคุณธรรมในยุทธภพอยู่บ้าง เพียงแค่ชอบพูดจาหยาบโลนเข้าใจยาก หลังคุยเสร็จต้องขบคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจความหมาย
เฉินหลิงจวินหันหน้าไปมองทางแถบที่ตั้งของเรือนทั้งหลาย พ่อครัวเฒ่าไม่อยู่บนภูเขา เผยเฉียนก็ไม่อยู่ เฉินยวนจีทำอาหารไม่เป็น แล้วก็กลัวความยุ่งยาก จึงให้นังหนูเฉินหรูชูช่วยเตรียมอาหารและของกินเล่นมาไว้ให้ โจวหมี่ลี่ก็เป็นภูตน้ำน้อยที่อันที่จริงไม่ต้องกินข้าวก็ได้ ดังนั้นบนภูเขาจึงไม่ควันไฟจากการหุงหาอาหาร ดอกท้อดอกหลีเรียงรายซ้อนเป็นชั้นบนภูเขา ควันไฟระหว่างก้อนเมฆคือบ้านคน
เฉินหลิงจวินรู้สึกว่าภูเขาลั่วพั่วในเวลานี้มีคนน้อยลงแล้ว ต่างคนต่างยุ่งวุ่นวายกับหน้าที่ของตัวเอง กลิ่นอายของมนุษย์จึงเจือจางลงไปเยอะมาก
เฉินหลิงจวินย้ายสายตามองไปทางชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ตอนที่ตาเฒ่าอยู่ เขามักจะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกระวนกระวายใจ เฉินหลิงจวินรู้สึกว่าชีวิตนี้ตนไม่อาจรับหมัดสองหมัดของผู้เฒ่าได้ แต่พออีกฝ่ายไม่อยู่ ในใจกลับวูบโหวง
เฉินหลิงจวินถอนหายใจหนักๆ ยื่นมือไปคีบเมล็ดแตงขึ้นมาเมล็ดหนึ่ง คิดว่าจะไม่แกะเปลือก แต่จะเคี้ยวไปเลย หาเรื่องทำแก้เบื่อเสียหน่อย
แต่จากนั้นเฉินหลิงจวินก็ต้องชะงักตัวแข็งทื่อ วางเมล็ดแตงกลับลงไปเบาๆ ขยับก้นเล็กน้อย ค่อยๆ เบี่ยงศีรษะออก คิดว่าจะหันหน้าออกไปนอกหน้าผาให้ดูเป็นธรรมชาติเสียหน่อย
คิดไม่ถึงว่าผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อที่สวมชุดสีเขียวซึ่งปรากฏตัวจากความว่างเปล่าคนนั้นจะคลี่ยิ้มให้เขา
เฉินหลิงจวินกลืนน้ำลาย ลุกขึ้นยืนประสานมือคารวะ “เฉินหลิงจวินคารวะใต้เท้าราชครู”
ซิ่วหู่แห่งต้าหลี ชุยฉาน
คือบุคคลร้ายกาจที่สามารถบดขยี้เขาให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียว
เฉินผิงอันไม่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ตาเฒ่าก็ไม่อยู่บนเรือนไม้ไผ่ จูเหลี่ยนกับเว่ยป้อก็ไปเยือนอาณาเขตของขุนเขากลางด้วยกัน ตอนนี้เขาเฉินหลิงจวินไม่มีที่พึ่งเลย!
ชุยฉานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไปทำธุระของเจ้าเถอะ”
เฉินหลิงจวินชำเลืองตามองทางหินเขียวเส้นเล็กที่ทอดยาวจากเรือนไม้ไผ่ไปยังเรือนพักก็รู้สึกว่าน่าจะหมดหวัง จึงเอ่ยลาหนึ่งคำแล้วไต่ปีนลงไปจากหน้าผาเสียเลย เส้นทางนี้อยู่ห่างจากราชครูผู้นั้นมาไกลหน่อย ค่อนข้างจะปลอดภัยกว่า
ชุยฉานนึกถึงสีหน้าที่งูน้อยชุดเขียวตัวนี้หันมองไปทางเรือนไม้ไผ่ก่อนหน้านั้นก็คลี่ยิ้ม
แล้วจึงเกิดแผนการเล็กน้อยๆ ขึ้นมาในใจ เป็นการกระทำง่ายๆ ที่ถือโอกาสทำไปด้วยกันได้ ไม่ต้องระดมกำลังให้ครึกโครม
ทางฝั่งภูเขาใหญ่แถบตะวันตกของเขตการปกครองหลงเฉวียน หนึ่งในนั้นมีภูเขาที่ใครบางคนยึดครองไว้ก่อนชั่วคราว ดูเหมือนจะเหมาะให้เป็นที่พักพิงของเผ่าพันธุ์เจียวหลง
ชุยฉานยืนอยู่บนระเบียงชั้นสอง รอคอยให้ใครบางคนมาถึงอย่างเงียบๆ
รุ้งยาวสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้าไกลพร้อมด้วยพลังอำนาจดุดันดุจเสียงสายฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลิ พุ่งพรวดมาถึงอย่างรวดเร็ว
กฎเกณฑ์ที่หร่วนฉงตั้งไว้ ไม่สนใจทั้งนั้น
ชุยฉานส่ายหน้า ถอนหายใจอยู่ในใจ โชคดีที่ตนบอกกล่าวกับหร่วนฉงไว้ก่อนแล้ว
เด็กหนุ่มชุดขาวที่มีใฝแดงกลางหว่างคิ้วคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าเดินป่าไผ่เขียวธรรมดาเดินทางมาถึงด้วยสีหน้าท่าทางเหนื่อยล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!